บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ นิยาย บท 291

บทที่ 291 เริ่มการแข่งขันกลั่นยา

เวทีประลองเห้อของสำนักตันจง การแข่งขันกลั่นยาจะเริ่มขึ้นแล้ว

“เวทีประลองเห้อเป็นสถานที่ที่ตันจงเลือกมา อีกสักครู่หมอเทวดาจูนจิ่วก็คงจะมาแล้ว”

“แล้วพวกเราจะได้เห็นพวกเขาแข่งขันกลั่นยาหรือไม่”มีคนถามอย่างอยากรู้ แต่ก็ถูกคนข้างๆขัดขึ้นทันที เอ่ยอย่างเยาะเย้ยว่า “เจ้าฝันไปเถอะ นักกลั่นยามีความลับในการกลั่นยา จะเปิดเผยให้พวกเราเห็นได้อย่างไรกัน ”

“แล้วพวกเขาจะแข่งขันกันอย่างไร”ฝู้หลินจ้านได้ยินคนทั้งสองข้างหน้าพูดคุยกัน ก็รีบยื่นหน้าเข้าไปถามทันที

“การกลั่นยานั้นต้องทำการกลั่นในห้องที่ตันจงได้เตรียมไว้โดยเฉพาะ แต่ว่าถ้ากลั่นยาเรียบร้อยแล้วก็จะเอามาที่ลานประลองเห้อ เพื่อตัดสินต่อหน้าผู้คน และยังมีการลองยาที่กลั่น ครั้งนี้คนที่ออกหัวข้อในการกลั่นยาก็เป็นตันจง รู้สึกจะไม่ยุติธรรมกับหมอเทวดาจูนจิ่วเลย”ขณะที่คนคนนั้นกำลังพูด พลางก็หันกลับไปมองยังฝู้หลินจ้าน

ชายหนุ่มหน้าตาสดใส ดูหล่อเหลามีความสามารถ

ฝู้หลินจ้านยิ้มให้กับเขา ใบหน้าของชายหนุ่มที่รูปร่างสูงใหญ่เทอะทะก็แดงขึ้นทันที รีบหันศีรษะกลับไป เห็นดังนี้ มือหนึ่งวางลงบนไหล่ของฝู้หลินจ้าน ใบหน้าเย็นชาดุจน้ำแข็งแกะสลัก “นั่งดีๆ มารยาทของเจ้าล่ะ”

“หลินซวง นี่เป็นที่รโหฐานไม่ใช่สำนักฝึก จะพูดเรื่องมารยาททำไม เจ้าให้ข้าทำตามใจหน่อยเถอะ”ฝู้หลินจ้านถอนหายใจ รู้สึกจนใจกับฝู้หลิงซวงที่ช่างเคร่งครัดเย็นชาเสียเหลือเกิน ที่จริงทั้งสองต่างก็มีหน้าที่เหมือนกัน แต่เพราะลักษณะนิสัยที่แตกต่างกันจึงมีหญิงสาวมารักใครชอบพออย่างนับไม่ถ้วน เปลี่ยนเป็นฝู้หลินซวง สามารถแช่แข็งหญิงสาวให้ร้องไห้ได้ ฝู้หลินจ้านส่ายหัวแล้วยื่นไปใกล้ฝู้หลินซวง เขาพูดว่า “หลินซวง วันนี้พวกเรามาดูสาวงามนะ ได้ยินว่าหมอเทวดาจูนจิ่วนั้นสวยจนหาตัวจับยาก แต่ก็ไม่รู้ว่าจะสวยสู้นางฟ้าที่พวกเราพบเห็นเมื่อวานได้หรือไม่ ”

ฝู้หลินซวงเย็นชา ได้ยินคำนี้ก็ลุกขึ้นจะเดินออกไปทันที ถูกฝู้หลินจ้านใช้แรงกดเอาไว้จึงหนีไม่สำเร็จ ตอนนี้เอง ไม่รู้ว่าใครในหมู่ผู้คนร้องขึ้นอย่างตื่นเต้นเสียงหนึ่งว่า “หมอเทวดาจูนจิ่วมาแล้ว”

ตูม

บนเวทีประลองเห้อมีเสียงอึกทึกเกิดขึ้น ทุกคนต่างยืดคอยาวขึ้นมาดู

ก่อนอื่นพวกเขาเห็นพี่น้องแห่งสำนักเทียนอู่จงกำลังเปิดทางอยู่ด้านหน้าอย่างดุดัน สายตาที่คมปลาบแต่ละคู่ จ้องมองไปยังลูกศิษย์ของตันจงอย่างน่ากลัว ทำเอาคนของตันจงตกใจจนผงะถอยหลังไป เมิ่งจื้อหยวนเห็นดังนี้ สีหน้าดำเป็นก้นหม้อ

ผู้อาวุโสข้างกายสบถว่า“จูนจิ่วคนนี้ท่าทีอวดดีไม่เบา”

“ฮึ อวดดีแล้วอย่างไร ต่อหน้าผู้คนมากมาย ข้าจะทำให้นางชื่อเสียงป้นปี้ เพื่อเป็นชุดแต่งงานของตันจง”เมิ่งจื้อหยวนพูด ก้มหน้าลงยกมือขึ้นตบไหล่อู๋ซาน เขายิ้มและพูดว่า “อู๋ซาน เจ้าต้องสู้เพื่ออาจารย์นะ”

อู่ซานมองไปยังทิศทางที่จูนจิ่วกำลังมาแต่ไกล ใบหน้าคลุมเครือ ไม่ตอบอะไร

จูนจิ่วมาแล้ว

ทุกคนต่างก็สนใจ นางเหมือนกุหลาบที่เบ่งบานกลางไฟลุกโชน งามจนดูหยิ่งและฮึกเหิม งานจนดูเหมือนเอาแต่ใจ ไม่แบ่งชายหญิงหนุ่มหรือแก่ ทุกคนต่างมองนางอย่างโง่ๆ

“เป็นนาง”ฝู้หลินจ้านนิ่งอึ้ง “นางก็คือหมอเทวดาจูนจิ่ว ที่แท้ก็เป็นนาง หลินซวงเจ้าเห็นหรือไม่ ”

“อืม ”ฝู้หลินซวงมองเพียงแวบเดียว ก็เก็บสายตากลับอย่างเฉยเมย

จูนจิ่วไม่ไดตัวคนเดียว หากไม่ได้ชิงหยู่ปรามไว้ เกรงว่าคนทั้งสำนักเทียนอู่จงคงเฮโลกันมางานนี้ แต่เมื่อทำการคัดเลือกแล้ว เหลือเพียงไม่กี่สิบคน สุดท้ายชิงหยู่พูดไว้ว่า พวกเขาคนเยอะก็ให้ศิษย์น้องตีคนให้น้อยลงหน่อย เพราะเกรงว่าจะตีจนมือตัวเองได้รับบาดเจ็บ

ชิงหยู่ยืนอยู่ข้างจูนจิ่ว พวกโม่อู๋เยว่พวกเขาต่างก็ยืนอยู่บนเวทีการแข่งขันในจุดที่สามารถมองเห็นได้ดีที่สุด เดินไปตรงหน้าตันจง ชิงหยู่เปิดปากพูดขึ้นก่อน “จดหมายท้าประลองของตันจง ศิษย์น้องข้าได้รับแล้ว ฮึ ตันจงของพวกเจ้าก็ถือซะว่าถูกตบหน้าแล้วกัน ”ชิงหยู่ยังทำมือแสดงท่าทีดูถูก

สีหน้าเมิ่งจื้อหยวนเป็นสีเขียวคล้ำ กัดฟันจ้องไปยังชิงหยู่ สายตาที่มองไปยังจูนยิ่งทวีความดุร้าย เมิ่งจื้อหยวนยิ้ม“หวังว่าอีกสักครู่พวกเจ้าจะยังยิ้มได้นะ”

เพื่อวันนี้ เขาได้เตรียมการมานานแล้ว

จูนจิ่ว ชิงหยู่ เทียนอู่จง วันนี้อย่าคิดว่าใครจะรอดออกไปได้ คิดถึงตรงนี้ สายตาของเมิ่งจื้อหยวนยิ่งฉายแววน่ากลัว เอาแต่จ้องจูนจั่วอย่างเอาเป็นเอาตาย มีแววเลวทรามหยาบช้าปนความเย็นยะเยือก

“ไร้สาระเสียจริง”จูนจิ่วยิ้มเย็นมองไปยังเมิ่งจื้อหยวน นางเลิกคิ้วยิ้มขึ้นอย่างไม่ยี่หระ

“ตันจงของเจ้าอยากแข่งอะไรกับข้า ข้ายินดีสนอง”

“ดี จูนจิ่ว เจ้าว่าการกลั่นยาของเจ้าเหนือกว่าตันจงของข้าไม่ใช่หรือ เช่นนั้นก็มาแข่งกลั่นยาที่ยากที่สุดตั้งแต่มีตันจงมา มีเพียงเจ้าสำนักตันจงเท่านั้นที่จะมีสิทธิ์ในการกลั่นยานี้เท่านั้น ”น้ำเสียงของเมิ่งจื้อหยวนยิ่งอยู่ก็ยิ่งสูง กระจายไปทั่วเวที เขาก้าวขึ้นไป ทำให้ทุกคนหันมามองที่เขาสำเร็จ เมิ่งจื้อหยวนยิ้มอย่างได้ใจ จ้องจูนจิ่วและกล่าวต่อไปว่า “เพื่อไม่ให้เป็นที่พูดได้ว่าคนแก่เช่นข้ารังแกหมอเทวดาจูนจิ่ว การแข่งขันกลั่นยาในวันนี้ ก็ให้ลูกศิษย์ของข้าอู๋ซานมาแข่งกับเจ้า”

จูนจิ่วได้ยินดังนั้น หันไปมองอู๋ซานด้วยสายตาเย็นๆ

แต่คนที่ถูกมองกลับเอาแต่ก้มหน้า สีหน้าซับซ้อนคลุมเครือ เห็นจูนจิ่วมองมา เขาจึงเงยหน้าขึ้นอ้าปากออก แต่แล้วก็ไม่ได้พูดอะไร ตอนนี้ยากที่ใช้คำพูดมาอธิบายความรู้สึกของเขา

ในการแข่งขันทั้งห้าสำนัก จูนจิ่วช่วยทุกคนเอาไว้ และช่วยเขาไว้ด้วย แต่ว่าตอนนี้เขาจะขัดคำสั่งอาจารย์ไม่ได้ ต้องทำการแข่งขันกลั่นยากับจูนจิ่ว อู๋ซานนึกถึงตอนที่เขารู้เรื่องนี้ ได้บอกกับเมิ่งจื้อหยวนอย่างตรงๆไปว่า เขาไม่มีทางเอาชนะจูนจิ่วได้

แต่เมิ่งจื้อหยวนนั้น เพียงแต่มองเขาด้วยความเมตตาเท่านั้น รอยยิ้มที่มุมปากทำให้คนรู้สึกกลัว เมิ่งจื้อหยวนให้เขาวางใจ เพราะคนที่จะชนะก็คือเขา

อาจารย์จะทำอะไรกันแน่ รู้สึกไม่สบายใจ อู๋ซานคิดอยากจะเตือนจูนจิ่ว แต่คิดแล้วก็รู้สึกเป็นการหักหลังตันจง หักหลังอาจารย์ อู๋ซานได้แต่ลังเล

“จูนจิ่ว อู๋ซาน” ใบหน้าของเมิ่งจื้อหยวนมีรอยยิ้มที่ร้ายกาจแขวนอยู่ เขากวักมือเรียกลูกศิษย์ของตันจงมาสองคน เขาหยิบเอากระดาษที่ถูกพับไว้ให้กล่องที่ลูกศิษย์ตันจงถือเอาไว้ออกมา

เมิ่งจื้อหยวนพูดว่า “นี่ก็คือสูตรยาที่ยากที่สุดของตันจงของเรา เป็นการนำมาใช้เพื่อกลั่นยาเสิรมพลังทิพย์ ยาเสริมพลังทิพย์ กินแค่เม็ดเดียว ก็สามารถทำคนขึ้นสูงไปอีกหนึ่งระดับในเวลาอันสั้น พวกเจ้าสองคนหากใครสามารถกลั่นออกมาได้ คนนั้นก็ชนะ”

เมิ่งจื้อหยวนอยากยื่นให้จูนจิ่ว ใครจะคิดว่าชิงหยู่กลับชิงกระชากเอาไปตรวจสอบทั้งข้างในข้างนอกว่าไม่มีปัญหาอะไรแล้ว ค่อยส่งต่อให้กับจูนจิ่ว

ดูท่าทีที่เขาระแวดระวังตนเองราวกับอะไรสักอย่าง ใบหน้าของเมิ่งจื้อหยวนก็บิดเบี้ยวขึ้นมา ยังดีที่ผู้อาวุโสเตือนเขาว่าผู้คนต่างก็จ้องมองอยู่ จึงค่อยๆเก็บสีหน้าร้ายกาจเลวทรามของตนเองลง

มีเวลาแค่หนึ่งก้านธูปในการท่องสูตรยา เมื่อถึงเวลา เมิ่งจื้อหยวนก้รีบเรียกคืนสูตรยาและเผาทิ้งต่อหน้าผู้คน เขาควบคุมรอยยิ้มร้ายกาจที่มุมปากไม่อยู่ จ้องจูนจิ่วเขม็ง “สูตรยาได้บอกกับพวกเจ้าไปแล้ว เช่นนั้นก็ไปห้องกลั่นยาเถอะ สมุนไพรและเตากลั่นได้เตรียมไว้ให้พร้อมแล้ว หมอเทวดาจูนจิ่วเชิญ”

ท่าทีเช่นนี้ของเมิ่งจื้อหยวน ราวกับว่าที่จูนจิ่วจะไปไม่ใช่ห้องกลั่นยา แต่เหมือนกับไปยังเตาเผานรก หรือว่าเขาคิดจะลงมือลับหลังศิษย์น้อง

จูนจิ่วเงยหน้าขึ้นมองชิงหยู่ ใช้สายตาเย็นชานิ่งสงบของนางปลอบใจที่กำลังกังวลของชิงหยู่ ยิ้มเย็น เอ่ยขึ้นเบาๆว่า “ก็แค่ยาเสริมพลังทิพย์ เรื่องเล็กน้อย พวกท่านรอข้ากลับมา”

ยาที่ยากที่สุดของตันจง พอถึงปากของจูนจิ่วก็กลายเป็นเรื่องเล็ก ใบหน้าของเมิ่งจื่อหยวนราวกับจานผสมสี แต่ว่าเขาก็รีบหัวเราะออกมาทันที ไม่ว่าจูนจิ่วจะสามารถกลั่นยาได้สำเร็จหรือไม่ คนที่ชนะต้องเป็นอู๋ซานคนเดียวเท่านั้น

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ