บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ นิยาย บท 294

สรุปบท บทที่ 294 ตันจงจะขึ้นสวรรค์: บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ

บทที่ 294 ตันจงจะขึ้นสวรรค์ – ตอนที่ต้องอ่านของ บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ

ตอนนี้ของ บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ โดย ต้าวเมียวเมียว ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายโรแมนซ์ทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่ 294 ตันจงจะขึ้นสวรรค์ จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

บทที่ 294 ตันจงจะขึ้นสวรรค์

“เจ้าอยากจะพูดอะไร ”จูนจิ่วเหล่มองอู๋ซานแวบหนึ่ง คนที่ถูกถามตัวแข็งทื่อขึ้นมาทันที สีหน้าขาวซีดยิ่งขาวเข้าไปอีก

ริมฝีปากสั่นระริก ในที่สุดอู๋ซานก็ใช้เสียงที่เบาหวิวที่สุดพูดออกมาว่า “จูนจิ่ว ข้าชื่นชมฝีมือในการกลั่นยาของเจ้ามาตลอด คิดอยากจะศึกษากับเจ้า เสียดายเจ้าไม่เข้าสำนักตันจง พวกเราก็เป็นเพื่อนกันไม่ได้ แต่กลับเป็นศัตรูกัน ”

จูนจิ่วไม่ได้ต่อบทสนทนาของเขา อู๋ซานพูดขึ้นอีกว่า “เจ้าช่วยข้าไว้ครั้งหนึ่ง ข้าจำบุญคุณครั้งนี้ไว้เสมอ คำสั่งอาจารย์ข้าไม่กล้าขัด สิ่งเดียวที่ข้าทำได้ก็คือทำทุกสิ่งสุดกำลัง ในเมื่อข้าเองก็ไม่อาจชนะเจ้าได้ เจ้าวางใจเถอะ”

ฟังออกถึงเสียงอันสั่นเทาของอู๋ซาน น้ำเสียงที่พูดออกมาอย่างยากลำบากราวกับต่อสู้กันมานาน ถึงตอนนี้ก็ยังต่อสู้กับตัวเอง นี่ทำให้จูนจิ่วมองไปยังอู๋ซานอีกครั้ง ครั้งนี้มองอย่างละเอียด

อู๋ซานนั้นรู้สึกเสียใจ จำใจ และยังรู้สึกละอายใจ

เขาชื่นชมในความสามารถในการกลั่นยาของจูนจิ่วอย่างจริงใจ และอยากจะเป็นเพื่อนกับจูนจิ่วจริงๆ แต่พวกเขาดันมีจุดยืนต่างกัน ยังให้เขาต้องแข่งขันกับจูนจิ่วเหมือนลืมบุญคุณที่ค้ำคอ ในใจของอู่ซานได้รับความทรมานแค่ไหน

ที่สุดจูนจิ่วก็พูดเพียงประโยคเดียว“เมื่อผลออกมาแล้วก็รู้เอง”

เรียบเฉย ประโยคที่พูดไม่มีความรู้สึกใดๆผุดขึ้นมาซ้ำยังมีความเย็นชาด้วยซ้ำไป แต่กลับทำให้อู๋ซานรู้สึกผ่อนคลายในทันที

เขาเม้มปากพยักหน้า ยังไงเขาก็เอาชนะจูนจิ่วไม่ได้ เขาก็ทำตามคำสั่งอาจารย์อย่างสุดความสามารถแล้ว หวังว่าอาจารย์จะรับความพ่ายแพ้ของเขาได้ หลังจบการแข่งขันแล้วคงจะไม่มีความคิดที่ไม่สมควรเกิดขึ้น มีเพียงอย่างนี้จึงจะสลายความเป็นศัตรูระหว่างตันจงกับสำนักเทียนอู่จงได้

การตอบโต้กันของจูนจิ่วและอู๋ซาน มีคนไม่น้อยที่มองเห็น

ฝู้หลินจ้านรู้สึกประหลาดใจ “ทั้งสองคนที่แข่งขันกันเป็นเพื่อนกันด้วย”

“เป็นเพื่อนกัน ”ฝู้หลินซวงมองอย่างลึกเข้าไป แต่เขาไม่ได้อธิบายถึงความกังวลใจของอู่ซาน และความไม่แยแสของจูนจิ่ว พวกเขาไม่ได้เป็นคนในโลกเดียวกัน ย่อมเป็นเพื่อนกันไม่ได้

ชิงหยู่ลุกขึ้น กระโดดขึ้นไปบนลานประลองเห้อ เขาไปยืนอยู่ข้างจูนจิ่วท่าทีปกป้องเต็มที่ เงยหน้ามองไปยังเมิ่งจื้อหยวน “เอาล่ะ ได้ทำการกลั่นยาเสร็จสิ้นแล้ว รีบทำการตัดสินเถอะ อย่าให้พวกเราต้องเสียเวลาอีกเลย”

“ฮึ แต่ก่อนอื่น พวกเรามาคุยเรื่องสิ่งที่คนแพ้ต้องตอบแทนกันก่อน”นิ้วมือของเมิ่งจื้อหยวนวางอยู่บนกล่องใส่ยาลูบไปมา ปากของเขาเผยรอยยิ้มชั่วร้าย

ในเมื่อเป็นการแข่งขัน จะไม่มีผลตอบแทนได้อย่างไร

ที่ก่อนหน้านี้ไม่พูด เพราะเขาเกรงว่าจะมีการเปลี่ยนแปลง แล้วไม่อาจจะชิงลงมือก่อนได้ ตอนนี้ได้ทำการสลับยาเรียบร้อย มั่นใจได้แล้ว เขาย่อมไม่ปล่อยโอกาสได้หลุดมือไป ถึงเวลาพูดเรื่องเงื่อนไขกัน

ใบหน้าของชิงหยู่มีความโกรธ จูนจิ่วยกมือขึ้นห้ามเขาไว้ ปากแดงยิ้มขึ้นอย่างเย็นชา จูนจิ่วเงยหน้าสายตามีแววเหยียดหยาม นางเปิดปากพูดว่า “สิ่งตอบแทน เจ้าสำนักตันจงเตรียมจะตอบแทนอะไรอย่างนั้นหรือ”

ชิ

ทั้งหมดต่างสูดลมหายใจเข้า จูนจิ่วช่างอวดดียิ่งนัก น้ำเสียงนี้ราวกับแน่ใจว่าตันจงต้องพ่ายแพ้แน่นอน

โม่อู๋เยว่ริมฝีปากหยักขึ้น สายตามองจูนจิ่วที่ยิ้มเยาะด้วยแววเกียจคร้าน คนหยิ่งอย่างเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ เอาแต่ใจอย่างเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ ไม่ว่าจะดูอย่างไรเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ของเขาก็ดูสมบูรณ์แบบ ทำให้เขายากจะละสายตาได้

ใบหน้าแมวของเสี่ยวอู๋ ก็ร้องเหมียวๆอย่างนับถือ ตาแมวแวววาวมองไปยังจูนจิ่ว เจ้านายเท่ระเบิดไปเลย

“เจ้า”เมิ่งจื้อหยวนโมโหจนหน้าเขียว เขาเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันเอ่ยขึ้น “ตันจงของข้าจะแพ้ได้อย่างไร จูนจิ่ว คนที่ต้องจ่ายผลตอบแทนคือเจ้า กล้าต่อกรกับตันจงของข้า ก็แค่ตั๊กแตนห้ามรถไม่รู้จักเจียมกำลังตัวเอง หมอเทวดา เจ้าก็แค่แม่หนูเมื่อวานซืน ”

มือชี้ไปที่จูนจิ่ว เมิ่งจื้อหยวนเชิดหน้าท่าทีผยองสูงส่ง เขาพูดทีละคำด้วยน้ำเสียงเลวทรามทำให้คนฟังแล้วรู้สึกเย็นสันหลัง

เมิ่งจื้อหยวน “หมอเทวดาจูนจิ่วเช่นเจ้าแพ้ เจ้าต้องรีบคุกเข่าโขกหัวคำนับให้กับสำนักตันจงของข้าเก้าสิบเก้าครั้ง แล้วก็ต้องตะโกนเสียงดังว่าหมอเทวดาจูนจิ่วเช่นเจ้าเทียบไม่ได้กับหมูและสุนัข หน้าหนาไร้ยางอาย ไม่คู่ควรที่ตันจงของข้าจะพูดถึง และยังมีสำนักเทียนอู่จง พวกเขานับถือเจ้าเป็นอาจารย์อามิใช่หรือ เช่นนั้นมากันเท่าไหร่ ก็ให้ทั้งหมดคุกเข่าคลานออกไปจากลานประลองเห้อของสำนักข้า”

ทั้งสนามเงียบกริบ เหล่าลูกศิษย์ของเทียนอู่จงลุกขึ้นชูกำปั้น ปรบมือด้วยความตื่นเต้นดีใจ “อาจารย์อาพูดถูก ทำลายสำนัก เอาสำนักตันจงให้ตาย”

“อาจารย์อาท่านอย่าเคลื่อนไหว เรื่องใช้กำลังยกให้เป็นหน้าที่พวกเรา ตันจงหนีไม่พ้นแน่”

“ฟู่”จูนจิ่วหัวเราะออกมา ได้ยินเสียงหัวเราะของจูนจิ่ว ใบหน้าของเมิ่งจื้อหยวนก็บิดเบี้ยวขึ้นมา เขาโกรธจนตัวสั่น มือชี้ที่จูนจิ่วพูดไม่ออก

มองเมิ่งจื้อหยวนด้วยสายตาเย็น รอยยิ้มที่จูนจิ่วมีต่อเหล่าลูกศิษย์ของสำนักเทียนอู่จงเปลี่ยนเป็นความเย็นชาโหดเหี้ยมขึ้นมาทันที นางเชิดหน้าขึ้น หัวเราะด้วยความดูแคลน “เจ้าสำนักเมิ่ง นี่ท่านกลัวจนโรคกำเริบหรือ จะยอมแพ้เลยหรือไม่ ข้าจะเมตตาเหลือศพให้ครบชิ้นส่วน ”

“ผายลม”

เพี๊ยะ

ใบหน้าของเมิ่งจื้อหยวนหันไปอีกข้าง ใบหน้าราวเปลือกไม้แก่แดงขึ้นมาทันที มีคนตบหน้าเมิ่งจื้อหยวน เป็นใครกัน ทำไม่พวกเขาไม่เห็นอะไรเลย

จูนจิ่ว “ท่านพูดจาราวกับผายลมจริง จะตัดสินยาก็รีบเข้าเถอะ อย่าเสียเวลาของข้าอีกเลย”

“จูนจิ่วเจ้ามันสารเลว เจ้ากล้าตีข้า ”

“ไม่ใช่ข้า อาจเป็นสวรรค์ที่มองการพูดจาไร้สาระของท่านไม่ได้แล้ว จึงให้ท่านเลิกพล่ามแล้วทำงานซะ”ลิ้นของจูนจิ่วช่างร้ายกาจ ฟ้าไม่อาจทนดูได้ การโจมตีด้วยการเยาะเย้ย คนทั่วไปคงรับไม่ได้ต้องกระอักเลือด

เมิ่งจื้อหยวนกระอักขึ้นมาจริงๆ กุมหน้าอกของตนกระอักเลือดสีดำออกมาหนึ่งคำ โมโหจนกระอักเลือดแล้วจริงๆ

จูนจิ่วเห็นดังนั้นก็ถอนหายใจ “ร่างกายไร้สมรรถภาพเช่นนี้ ท่านเป็นถึงเจ้าสำนักตันจงได้อย่างไร แม้แต่ร่างกายของเจ้าสำนักของพวกเจ้ายังรักษาให้ดีไม่ได้ ด้วยฝีมือแค่นี้ การตัดสินยาคงจะมอบให้เป็นหน้าที่พวกท่านไม่ได้ ให้คนมาทดลองยาโดยตรงเลยดีกว่า ”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ