บทที่ 301 กล้าลงมือ กล้าสังหารพวกเจ้า
“สำนักศึกสามทั้งสามไม่ปล่อยพวกเจ้าไปแน่...โอ๊ยอ้าก!” ไม่รู้ผู้ใดใช้เท้าเตะระหว่างขาของชายวัยกลางคน จึงร้องโหยหวนคุกเข่าอยู่บนพื้นที่เดิม หมัดเหนือศีรษะกระแทกลงมาดั่งเม็ดฝนทันที เหลือไว้เพียงเสียงกรีดร้อง
ชายวัยกลางคนคิดขัดขืน แต่ลูกศิษย์ของสำนักเทียนอู่จงเหล่านี้ลงมือโหดเหี้ยมเกินไป ชกหมายเอาชีวิตโดยเฉพาะ เมื่อครู่เพิ่งยืนขึ้นก็ถูกเตะที่หว่างขาจึงคุกเข่าลงอีกครั้ง หลายครั้งดิ้นรนล้วนถูกกดตัวไว้ สุดท้ายทำได้เพียงร้องขอชีวิต
“หยุดมือ” เสียงผู้อาวุโสโจวเตี๋ยดังขึ้น พวกหวางฉี่อ๋างจึงหยุดมือพร้อมถอยห่าง
และเมื่อเห็นกลุ่มคนกว่าสิบคนที่เข้ามานั้น ต่างจมูกซ้ำ หน้าบวม เสื้อผ้าหลุดลุ่ย ผู้อาวุโสโจวเตี๋ยหัวเราะออกมาทันที จากนั้นรีบกระแอมไอแห้งๆ สองครั้ง ก่อนเอ่ยพลางเดินเข้าไป “นี่มันเกิดเรื่องใดขึ้น?”
“เรียนผู้อาวุโสโจว พวกเขาคือคนของสำนักศึกสามทั้งสามที่มาเพื่อต้องการพบเจ้าสำนักและอาจารย์อาขอรับ”
ขอพบอันใด? ชายวัยกลางคนดึงมือออกจากใบหน้า เผยให้เห็นดวงตาสองข้างที่เขียวคล้ำออกมา เขากำลังจะเอ่ยปาก ถูกผู้อาวุโสโจวเตี๋ยตัดบท ผู้อาวุโสโจวเตี๋ยเอ่ยขึ้นว่า “เมื่อเป็นเช่นนี้ เช่นนั้นตามข้ามาเถิด”
“เดี๋ยวก่อน ลูกศิษย์ของสำนักเทียนอู่จงของท่านเพิ่งต่อยตีพวกเขา ความจริงควรให้คำอธิบาย!”
“โอ้ คำอธิบายหรือ รอเจ้าพบเจ้าสำนักแล้วค่อยพูดกัน” ผู้อาวุโสโจวเตี๋ยหมุนกายจากไป โดยไม่สนใจพวกเขา พวกหวางฉี่อ๋างจึงเดินตามไป เมื่อหันกลับไปยังกลุ่มคนที่มีสายตาดุร้ายและดุดัน พวกชายวัยกลางคนสั่นเทิ้ม ร่างกายเจ็บปวดขึ้นมาอีกครั้ง
พวกที่มาจากสำนักศึกสามทั้งสามไปที่ใดได้รับการยกย่องประจบเอาใจมิใช่หรือ? ความจริงไม่มีผู้ใดกล้าตั้งตัวเป็นศัตรูกับสำนักศึกสามทั้งสาม ดังนั้นการเลือกผู้ส่งสาร จึงไม่ได้สนใจการทำงานว่าสูงหรือต่ำ เพียงพวกเขาแสดงตราประทับว่ามาจากสำนักศึกสามทั้งสาม ไร้ศัตรูคู่แข่ง! อู๋จง (ทั้งห้าสำนัก) สิบแคว้นต่างยอมศิโรราบ
แต่เพียงมาถึงสำนักเทียนอู่จงแห่งนี้ ถูกทุบตีอย่างหนักหนึ่งยก พร้อมตบหน้า!
ชายวัยกลางคนกัดฟันกรอด “พวกกบก้นบ่อไม่รู้ถึงความน่าเกรงขามของสำนักศึกสามทั้งสามของข้า รอให้พบเจ้าสำนักเทียนอู่จง พวกมันได้เห็นดีกันแน่!”
“ใช่ขอรับ ศิษย์พี่ถึงตอนนั้นพวกเราต้องถลกหนังเลาะเส้นเอ็นพวกมัน และให้เจ้าสำนักเทียนอู่จงนั้นขอขมา มิฉะนั้นพวกเรากลับไปรายงานที่สำนักไท่ชู เพื่อกำจัดพวกมัน!” ชายด้านหลังชายวัยกลางคนเอ่ยขานรับขึ้น
พวกเขาคิดเพียงหวางฉี่อ๋างและศิษย์คนอื่นๆ ไม่ทราบถึงสถานะสูงส่งของพวกเขา แต่กลับไม่รู้ว่าสำนักเทียนอู่จงได้เตรียมตัวรอการมาถึงของพวกเขาไว้ก่อนแล้ว
ไม่มีเกี้ยวยก ทุกอย่างอาศัยสองขาปีนขึ้นไปบนยอดเขาของสำนักเทียนอู่จง กลุ่มคนที่มาต่างขาและหน้าท้องสั่นเทา และเมื่อเห็นพวกหวางฉี่อ๋าง โมโหจนหายใจติดขัด กอดอกมองสำรวจพวกเขาอย่างสบายอารมณ์ ด้วยสีหน้าเหน็บแนมดูหมิ่น
ก่อนทำเช่นนี้เข้าไปในตำหนักเป่าถัง ชายวัยกลางคนเพียงเห็นชิงหยู่รีบยืดเอวตรง ดันใบหน้าจมูกฟกซ้ำบวมเป่งขึ้น ก่อนเอ็ดตะโรกับชิงหยู่ “เจ้าสำนักเทียนอู่จงกล้ายิ่งนัก เจอข้าและทุกคนแล้วยังไม่รีบทำความเคารพอีก!”
“ศิษย์สำนักเทียนอู่จงของพวกท่านยังทุบตีพวกเราอย่างโจ่งแจ้ง เป็นโทษที่ไม่อาจให้อภัยได้ เจ้าสำนักเทียนอู่จง ทางที่ดีท่านควรให้คำอธิบายแก่พวกเรา มิฉะนั้นฮึ!”
ชิงหยู่นั่งอ่อนแรงอย่างเกียจคร้านอยู่บนเก้าอี้ เขาเลิกคิ้วมองยังกลุ่มคนฝั่งข้าม ชายวัยกลางคนที่ถือว่าอาวุโสที่สุดเป็นเพียงนักจิตระดับห้า ด้วยอำนาจเพียงเล็กน้อยนี้ต้องอาศัยชื่อเสียงของสำนักศึกสามทั้งสามจึงกล้าคุยโวโอ้อวด ยโสโอหังยิ่งนัก
เขาขยับตัวบนเก้าอี้เพื่อเปลี่ยนอิริยาบถอยู่ชั่วขณะ ชิงหยู่มองยังผู้อาวุโสโจวเตี๋ย ก่อนแสร้งเอ่ยถามอย่างไขสือ “ผู้อาวุโสโจว คนที่กเฬวรากในกลุ่มนี้คือผู้ใด?”
“เจ้า!” ชายวัยกลางคนไม่พอใจทันที
โจวเตี๋ยชำเลืองมองพวกเขาเช่นกัน ก่อนเอ่ยขึ้น “เจ้าสำนัก พวกเขาคือคนที่สำนักศึกสามทั้งสามส่งมา”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ
หนังสือยังไม่จบ ไม่อัปต่อแล้วเรอค่ะ...