บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ นิยาย บท 327

บทที่ 327 นี่เป็นเวทมนตร์หรือ

จะหลบได้หรือ จะทันหรือไม่

ม้าลายเสือดาวระดับห้า พรสวรรค์ไม่ธรรมดา ลูกไฟพลังงานหนึ่งลูกเทียบเท่ากับพลังทิพย์ในการโจมตีของนักจิตชั้นเก้า ระยะทางใกล้แค่นี้พุ่งตรงไปข้างหน้าของจูนจิ่ว วินาทีนี้ ตื่นเต้นจนลืมหายใจไปเลย

จูนจิ่วสีหน้าไม่เปลี่ยน มือซ้ายของนางกำหญ้าสวยยิงเอาไว้ มือขวาถ่ายทอดพลังทิพย์ตบไปบนพื้นหนักๆจนเกิดพลังหมุนวน ร่างกายที่มีสัญชาตญาณรับรู้ละเอียดอ่อน เกิดพลังที่ไม่อาจจะคาดเดาได้ปะทุขึ้นทำให้สามารถเบี่ยงหลบลูกไฟพลังงานได้ ดีดตัวกระโดดขึ้น จูนจิ่วดึงโยวยิ่งออกมา

โยวยิ่งไร้แสง คมอย่างน่าหวาดกลัว ยกมือขึ้นโบกสะบัด โยวยิ่งฟาดผ่านข้อต่อขาของม้าลายเสือดาวตัวเมีย ฉับลงไปเลือดกระเซ็น ดาบเดียวฟันเข่าของม้าลายเสือดาวขาดสะบั้น ม้าลายเสือดาวร้องเจ็บปวดยืนไม่มั่นคงหัวโขกลงไปกับพื้น ซึ่งขวางทางของม้าลายเสือดาวตัวผู้ไว้พอดี

จรดลงพื้นอย่างมั่นคง เพียงชั่วพริบตาจูนจิ่วสามารถร่นถอยไปในระยะสิบเมตร นางโยนหญ้าสวนยิงขึ้นไปบนอากาศ ไม่มีเวลาอธิบายกับชิงหยู่ จูนจิ่วตะโกนขึ้น “เสี่ยวอู่กลับมา”

ม้าลายเสือดาวทั้งสองตัวกำลังโจมตีดเสี่ยวอู่ เสี่ยวอู่ได้ยินเสียงก็รีบเปลี่ยนเป็นร่างเล็ก ม้าลายเสือดาวไม่ทันตั้งตัวกัดถูกอากาศที่ว่างเปล่า ไม่ทันได้มีปฏิกิริยาใดๆเสี่ยวอู่ก็หนีออกมาได้แล้ว พวกมันคำราม สองตาแดงก่ำหันหน้าพุ่งเข้ามา

ชิงหยู่ “ศิษย์น้อง ”

จูนจิ่วยกมือขึ้นโรยผงยา ถ่ายทอดพลังทิพย์ไปยังฝ่ามือจนผงกระจายบินว่อน ผงยาถูกแรงสั่นสะเทือนหยุดนิ่งกลายเป็นกลุ่มหมอกไปชั่วครู่ ม้าลายเสือดาวสองตัวที่พุ่งเข้ามาร่างโอนเอนไปสักพัก

หมุนตัวกลับไป จูนจิ่วพุ่งไปคว้าแขนของชิงหยู่ “ไป”

เมื่อครู่นางได้สาดผงที่มีฤทธิ์ทำให้เกิดอัมพาตได้ พอสำหรับฆ่าช้างได้เป็นสิบตัว แต่สำหรับม้าลายเสือดาวระดับห้านั้น ออกฤทธิ์ไม่ถึงกับตาย เพียงแต่ทำให้เป็นอัมพาตชั่วครู่ทำให้การไล่ล่าของพวกมันช้าลง ชิงหยู่รีบจัดการกับท่าทางของตัวเองไม่ให้จูนจิ่วคอยลากถูเขา ความเร็วของพวกเขาเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า

เสียงลมฟู่ฟู่ถูกทิ้งไว้ด้านหลัง พวกเขาได้ยินเสียงคำรามอย่างโมโหของม้าลายเสือดาวที่อยู่ไกลออกไป แผ่นดินสั่นสะเทือน ม้าลายเสือดาวยังคงไล่ล่าไม่ลดละ

จูนจิ่วหรี่ตาแววตาเย็นชา นางเอาขวดยาสองขวดออกมาอีกครั้ง โยนให้ชิงหยู่ขวดหนึ่ง จูนจิ่วพูดว่า “รีบโรยผงตาลงบนตัว เร็ว ”

ชิงหยู่รีบทำตามทันที โรยไปรอบตัวหนึ่งรอบ ชิงหยู่ถาม “แล้วต้องทำยังไงต่อไป”จากนั้นนางก็ถูกจูนจิ่วผลักจากด้านหลัง ผลักจนกลิ้งลงไปกับพื้นและกลิ้งหลุนๆไปตามภูเขาลาดชัน จูนจิ่วกับเสี่ยวอู่กระโดดขึ้นพร้อมกันอยู่ข้างหลัง พลางทำลายรอยเลือดของชิงหยู่ที่ทิ้งร่องรอยไว้ ด้านล่างของเขาลาดชันเป็นดงพุ่มไม้ที่หนาทึบ พวกเขาเข้าไปในพุ่มไม้ที่สามารถบดบังซ่อนตัวพวกเขาได้พอดี

พวกเขาเพิ่งซ่อนตัวเสร็ว ม้าลายเสือดาวก็ตามมาถึงแล้ว

ม้าลายเสือดาวตัวผู้อยู่ข้างหน้า ม้าลายเสือดาวตัวเมียขาขาดไปหนึ่งข้างวิ่งไล่กวดมาอย่างทุลักทุเล

พวกมันไม่ได้หยุดอยู่บนทางภูเขาที่ลาดชัน ยังคงวิ่งตามไล่ไม่หยุด

จูนจิ่วแน่ใจว่าเว้นระยะห่างกับม้าลายเสือดาวไกลพอแล้ว ก็พุ่งออกจากพุ่มไม้ จูนจิ่วมองไปทางชิงหยู่ “ศิษย์พี่เราไปอีกทางหนึ่งกันเถอะ ม้าลายเสือดาวคงจะรู้และตามกลับมาในไม่ช้า”

ชิงหยู่พยักหน้า เขายืนขึ้นจากพุ่มไม้หนา บาดแผลที่ไหล่ของเขาใหญ่มาก การกระทำเมื่อครู่ทำให้บาดแผลฉีกขาดใหญ่ขึ้น เลือดไหลไม่หยุด จูนจิ่วรีบเดินเข้าไปห้ามเลือด ปักเข็มเงินลงไปที่จุดห้ามเลือด ชิงหยู่รีบกินยาไปสองเม็ด แต่สีหน้ายังคงซีดเผือด

แต่ชิงหยู่รู้สึกโชคดี คนที่บาดเจ็บเป็นเขา ไม่ใช่ศิษย์น้อง ลูกผู้ชายหนังเหนียวไม่กลัวเจ็บ หากเป็นศิษยืน้องไม่เพียงแต่เขาเท่านั้นที่ปวดใจ เกรงว่าพรรคพวกทั้งหมดในสำนักเทียนอู่จงคงอยากจะด่าเขาให้ตาย

รู้ว่าสถานที่นี่ไม่ปลอดภัยอยู่นานไม่ได้ ชิงหยู่ก็ยิ้มให้กับจูนจิ่ว “ศิษย์น้องข้าไม่เป็นไร แผลแค่นี้เล็กน้อยนัก พวกเรารีบไปเถอะ ถ้าม้าลายเสือดาววกกลับมาจะซวยได้”

“ดี มากับข้า ”จูนจิ่วนำทางอยู่ข้างหน้า

พวกเขาไม่กล้าหยุดพักระหว่างทาง จนกระทั่งเดินทางมาห่างไกลพอสมควร ระหว่างทางยังโรงผงกลบกลิ่นไปแล้วสามครั้ง หลังจากแน่ใจว่าม้าลายเสือดาวจะตามมาไม่ได้แล้ว จูนจิ่วก็พูดว่า “ได้แล้ว ”

ชิงหยู่ได้ยิน ก็รีบเงยหน้าล้มตัวลงกับพื้นหญ้า เสี่ยวอู่ก็เหนื่อยมาก หายใจแรงแลบลิ้นยาว เบื้องหน้าดูแล้วจูนจิ่วจะเป็นคนที่สถานะดีที่สุดไม่มีปัญหาใดๆ แค่ที่จริงแล้วนางเองก็ได้รับบาดเจ็บ จูนจิ่วเดินไปนั่งลงที่ใต้ต้นไม้ด้วยสีหน้าเย็นชา มือซ้ายนางกดมือขวาเอาไว้ บีบนวดอยู่สักพักก็มีเสียงแกร็กดังขึ้น

ได้ยินเสียง ชิงหยู่หันไปมองสูดลมหายใจเข้า “ศิษย์น้องมือของเจ้า ”

“แค่กระดูกหักเท่านั้น ตอนนี้ต่อเสร็จแล้ว”จูนจิ่วน้ำเสียงราบเรียบ

ตอนที่นางถ่ายทอดพลังเพื่อหลบหลีกลูกไฟพลังงาน ฝ่ามือนั้นของนางทำให้กระดูกหัก แต่หลังจากนั้นนางยังถือดาบโยวยิ่งฟันขาของม้าลายเสือดาวตัวเมียจนขาด ดูไม่ออกเลยสักนิดว่าได้รับบาดเจ็บจนกระดูกหัก จูนจิ่วลองขยับข้อมือขวาดู ความเจ็บปวดราวกับกล้ามเนื้อฉีกก็ไม่ได้ทำให้นางขมวดคิ้วเลยสักนิด

จูนจิ่วลุกขึ้นไปทางชิงหยู่ “ศิษย์พี่นั่งลง ข้าจะดูแผลที่ไหล่ของท่าน”

“เหมียว”เสี่ยวอู่ก็เดินเข้ามา

โชคดีที่หลังจากตรวจแล้ว พบว่าบาดแผลของชิงหยู่ที่ดูเหมือนจะสาหัส แต่ความจริงแล้วกระดูกภายในดีมาก มีจูนจิ่วคอยรักษาอยู่ นี่มันเรื่องเล็กน้อย

หลังจากรักษาเสร็จแล้ว ฟ้าก็มืดแล้ว ชิงหยู่มองไปยังจูนจิ่วที่นั่งอยู่ข้างๆ อ้าปากเหมือนอยากจะพูดอะไร อึกอักอยู่เป็นนายกว่าจะพูดออกไป “ศิษย์น้องเป็นอะไรหรือไม่ พรุ่งนี้พวกเราค่อยกลับไปดูอีกที ไม่แน่อาจมีโอกาสแย่งหญ้าสวนยิงกลับมาได้ ”

เอ๋ จูนจิ่วเลิกคิ้วมองชิงหยู่

ชิงหยู่พูดต่อ “วันนี้พวกเราต่างก็ไม่คิดว่าจะมีม้าลายเสือดาวถึงสองตัว จึงทำให้พลาดไป พรุ่งนี้เราเตรียมพร้อมก่อนลุย ต้องได้หญ้าสวนยิงมาแน่ ”

ได้ยินคำปลอยโยนของชิงหยู่ จูนจิ่วยิ้ม นางกะพริบตามองชิงหยู่พูดขึ้นว่า

“ศิษย์พี่คิดว่าข้าเอาหญ้าสวนยิงมาไม่ได้หรือ”

แล้วมันไม่ใช่หรือไร ตอนที่พวกเขาวิ่งหนีออกจากหุบเขา บนตัวของจูนจิ่วมีเพียงดาบโยวยิ่ง ไม่เห็นมีสิ่งใดนอกจากนั้น ชิงหยู่ย่อมคิดว่าท้ายที่สุดแล้วหญ้าสวนยิงก็หล่นอยู่ที่หุบเขาดังเดิม ถ้าไม่เช่นนั้น หญ้าสวนยิงจะอยู่ที่ไหน

ชิงหยู่ถูกภาพที่เกิดขึ้นถัดมาทำเอานิ่งอึ้งไป

เขาเห็นจูนจิ่วทำการสำรวจรอบๆด้วยสายตาระมัดระวัง เมื่อแน่ใจว่าไม่มีคนแล้ว ก็แบมือ หญ้าสวนยิงกำหนึ่งก็ผุดขึ้นกลางอากาศ

ชิงอยู่ตกใจจนกระโดดขึ้นมาจากพื้น “นี่มันหญ้าสวนยิงนี่”

“อืม ศิษย์พี่ไม่ได้ตาฝาดนี่แหละหญ้าสวนยิง ”จูนจิ่วยิ้ม

“แต่ว่า แต่ว่าศิษย์น้องเสกมันออกมาจากที่ไหน นี่มันเวทมนตร์หรือ ศิษย์น้องลองทำให้ดูอีกทีสิ”ชิงหยู่ดวงตาเบิกกว้าง จ้องเขม็งไปยังหญ้าสวนยิงที่อยู่ในมือจูนจิ่ว ถ้าจูนจิ่วทำอีกครั้ง เขาคงต้องรู้ได้แน่ว่ามันมาจากที่ไหน

จากนั้นจูนจิ่วเก็บมือ หญ้าสวนยิงก็หายไป ชิงหยู่ไม่เห็นอะไรเลย “หญ้าสวนยิงล่ะ”

จูนจิ่วพูดว่า “นี่ไม่ใช่เวทมนตร์ ศิษย์พี่รู้จักเมล็ดสุเมรุหรือไม่”

พูดออกไป ชิงหยู่สีหน้าขรึมลง เห็นได้ชัดว่าชิงหยู่รู้ ประโยคต่อไปของเขาเปล่งเสียงต่ำออกมาจากลำคอที่แหบพร่า “ศิษย์น้องทำไมเจ้าจึงกล้าพูดออกมา หากเกิดมีผู้อื่นมาได้ยินเข้า ก็ซวยกันพอดี ”

ถูกต้อง ชิงหยู่ไม่สงสัยเลยสักนิด เขามั่นใจอย่างมากว่าจูนจิ่วมีเมล็ดสุเมรุที่เขาร่ำลือกันอยู่ในมือ ไม่มีอะไรที่ศิษย์น้องของเขาทำไม่ได้ เมล็ดสุเมรุก็เช่นกัน ชิงหยู่ห่วงว่าหากถูกคนอื่นพบเห็นเข้า ก็จะนำมาซึ่งหายนะ

การตอบสนองของชิงหยู่อยู่เหนือการคาดหมายของจูนจิ่ว และทำให้นางยิ้มลึกมากขึ้นอีกหลายส่วน จูนจิ่วพูดว่า “ศิษย์พี่วางใจได้ ที่นี่นอกจากอู๋เยว่กับเหลิ่งยวนแล้ว ไม่มีใคร”

“หาอะไรนะ”โม่อู๋เยว่กับเหลิ่งยวนอยู่ที่นี่ อยู่ตรงไหน ทำไมเขามองไม่เห็น

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ