บทที่ 332 น่ารังเกียจ ไร้ยางอาย
เอาชนะผู้ชนะการแข่งขันลูกศิษย์สิบอันดับแรกทั้งหมด ? จะเป็นไปได้อย่างไร ! มิหนำซ้ำจูนจิ่วยังตอบตกลงอีก พวกผู้ดูแลชั้นนอกสำนักต่างหันไปมองจูนจิ่วด้วยสายตาที่เหมือนกับกำลังมองดูไอ้โง่คนหนึ่ง ส่วนพวกลูกศิษย์เองต่างก็หัวเราะเยาะออกมา
ในสายตาของพวกเขา จูนจิ่วก็เป็นเพียงแค่หญิงสาวที่ดูเย็นชาและดุดันคนหนึ่งก็เท่านั้น หนึ่งต่อสิบ ? ไม่สิ หากรวมชิงหยู่เข้าไปด้วยก็เท่ากับสองต่อสิบ นั่นก็เป็นไปไม่ได้ที่จะเอาชนะพวกเขา !
พวกลูกศิษย์ลุกขึ้นยืนด้วยท่าทีหยิ่งผยอง มิหนำซ้ำยัง จ้องมองไปที่จูนจิ่ว พวกเขาถือเป็นชนชั้นสูงในเมืองไท่ชู เข้ามาอยู่ที่ชั้นนอกสำนักไท่ชูตั้งแต่เด็ก แล้วแมลงเม่าตัวเล็กๆ ที่มาจาก สองสำนักสิบแคว้นจะมาเอาชนะพวกเขาได้อย่างไรกัน ? แต่ละคนรู้สึกมั่นใจและหยิ่งผยองเป็นอย่างมาก มิหนำซ้ำยังยื่นมือออกไปลวนลามจูนจิ่วและชิงหยู่อีกด้วย “ไม่รู้ว่าจะอยู่หรือจะตาย ! ขึ้นมาสิ ให้พวกเราสอนพวกเจ้าว่าอะไรที่เขาเรียกว่าเหนือฟ้ายังมีฟ้า !”
“ใช่ ก็แค่พวกปลายแถวที่มาจากสองสำนักสิบแคว้นยังจะกล้ามาต่อกรกับพวกเราอีก น่าขำสิ้นดี ! ถุย !”
รอยยิ้มบนใบหน้าของชิงหยู่จางหายไป ใบหน้าดุดัน พับแขนเสื้อขึ้น โกรธจนกัดฟัน “ลุย ! พวกเราเข้าไปสั่งสอนพวกเขากันเถอะศิษย์น้อง !”
“ดี” จูนจิ่วแสยะยิ้ม
มู่จิ่งหยวนยืนอยู่อย่างใกล้ชิด รู้สึกว่าเมื่อมุมปากของจูนจิ่วยกขึ้น รูปลักษณ์ที่น่าทึ่งและดูมีเสน่ห์นั้นก็เปล่งประกายขึ้นมาในทันที ช่างงดงามจริงๆ ! แต่ก็ดูเย็นชาไม่น้อยเช่นกัน เย็นชาจนแทบไม่หลงเหลือความอบอุ่นอยู่เลยแม้แต่น้อย เย็นชาจนทำให้คนรู้สึกราวกับติดอยู่มนถ้ำน้ำแข็ง
เขาขมวดคิ้ว โค้งงอริมฝีปากยิ้มเล็กน้อย : “สู้เขา ! ข้าเชื่อว่าพวกเจ้าจะต้องชนะ”
เมื่อใดยินดังนั้น จูนจิ่วก็หันไปมองมู่จิ่งหยวนที่ยืนอยู่ข้างๆ นางผละสายตาออกมาแล้วตบก้นของเสี่ยวอู่ “ลงไปเถอะ”
“เหมียว !” เสี่ยวอู่กระโดดลงมาแล้วโบกมือให้กำลังใจจูนจิ่ว เจ้านายสู้ๆ ! ให้พวกขยะพวกนี้ได้รู้ว่า เจ้านายต่างหากที่เก่งที่สุด !
จูนจิ่วยิ้ม แล้วใช้เท้าดีดตัวเองให้ลอยขึ้นไปราวกับนก แล้วนั้นจึงค่อยลอยลงตรงกลางสังเวียน ชิงหยู่ตามนางไปทางด้านหลัง ทันทีที่ขึ้นไปถึงก็ถูกลูกศิษย์ทั้งสิบคนเข้ามายืนล้อมเอาไว้ แววตาของพวกเขาไม่เป็นมิตรเอาเสียเลย รอยยิ้มฉาบใบด้วยความโหดเหี้ยมและการดูถูกสมเพช
ดูถูกเพราะไม่เชื่อในความสามารถของจูนจิ่วและชิงหยู่ ส่วนความสมเพชก็แสดงออกด้วยการจ้องมองจูนจิ่วด้วยแววตาที่ไร้ยางอาย
ส่วนทางด้านของมู่จิ่งหยวนก็เดินขึ้นไปนั่งบนอัฒจันทร์ พวกผู้ดูแลชั้นนอกสำนักเองก็รีบเข้าไปล้อมเขาไว้ในทันทีแล้วพูดว่า : “นายน้อย ทำเช่นนี้เกรงว่าจะไม่เหมาะสม ?”
“หากพวกเขาสามารถเอาชนะลูกศิษย์สิบอันดับแรกได้ มีความสามารถที่แข็งแกร่งกว่าพวกเขา แล้วทำไมจะให้พวกเขาเข้ามาอยู่ชั้นในสำนักไม่ได้ล่ะ ? หรือว่าพรสวรรค์และความสามารถเช่นนี้ จะให้ทิ้งเอไว้ที่ชั้นนอกสำนักอย่างไร้ประโยชน์อย่างนั้นหรือ ?” ถึงแม้ภายนอกของมู่จิ่งหยวนจะดูเป็นคุณชายที่สง่างามและเป็นผู้รากมากดี แต่ในแววตาและน้ำเสียงของเขาก็มีความน่ากลัวแฝงอยู่ด้วย
พวกผู้ดูแลสำนักชั้นนอกไม่พูดอะไรต่ออีก เพราะว่าผู้ดูแลหวางได้แอบเปรยไว้ว่า : “ทุกท่านจะรีบร้อนอะไรกัน ข้าไม่เชื่อว่าจูนจิ่วและชิงหยู่จะสามารถเอาชนะได้หรอก !”
เขาเคยเห็นการต่อสู้ของจูนจิ่วและชิงหยู่สองครั้ง ครั้งแรกตอนที่ถูกจูนจิ่วขู่ ครั้งที่สองตอนที่เจ้าเมืองไท่ชูจับคนร้าย ภาพจำทั้งสองครั้งทำให้ผู้ดูแลหวางรู้สึกว่าพวกเขาเพียงแค่บังเอิญโชคดีเท่านั้น แต่หากต่อสู้อย่างจริงๆ จังๆ แล้วล่ะก็ ไม่มีทางที่จะชนะได้แน่นอน ! อีกทั้งเมื่อเห็นท่าทางของจูนจิ่วและชิงหยู่ที่ดูอ่อนเพลียแล้ว จะต้องแพ้อย่างแน่นอน
เขายิ้มออกมาอย่างมีความสุข แววตาเต็มไปด้วยความประสงค์ร้าย ถ้าจะให้ดีต้องให้พวกลูกศิษย์เหล่านี้รุมเข้าไปหักกระดูกของพวกเขา แล้วสั่งสอนพวกเขาสักตั้ง !
แต่ละคนต่างมีความคิดที่ไม่เหมือนกัน มู่จิงหยวนไม่ได้สนใจพวกเขา แล้วเอ่ยปากพูดขึ้นว่า : “เอาล่ะ การแข่งขันเริ่มได้ !” เขาหันไปสบตาเข้ากับเสี่ยวอู่ที่อยู่ข้างๆ โดยไม่ได้ตั้งใจ ไม่รู้ว่าเจ้าแมวที่มีขนปุกปุยสีขาวราวกับหิมะตัวนี้กระโดดขึ้นมาอยู่บนอัฒจันทร์ตั้งแต่เมื่อไหร่ ตอนนี้เจ้าแมวน้อยกำลงัจ้องมองไปที่สังเวียนอย่างใจจดใจจ่อ จากนั้นจึงยิ้ม มู่จิ่งหยวนเองก็หันไปมองบนสังเวียนด้วย เขาเชื่อและหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจูนจิ่วกับชิงหยู่จะชนะ ! อย่าทำให้เขาต้องผิดหวังเป็นอันขาด
เสียงระฆังบนสังเวียนดังขึ้น ทั้งสิบคนก็วิ่งกรูเข้าไปหาจูนจิ่วและชิงหยู่ด้วยท่าทีดุร้ายในทันที ใช้พลังทิพย์ทุกรูปแบบโจมตีเข้าไป เกิดเป็นพลังที่ผสมปนเปกันเคลื่อนไหวไปมาอยู่บนสังเวียน
ชิงหยู่แสยะยิ้มออกมา “ถึงตาพวกเราแล้วศิษย์น้อง”
หลบหลีก แล้วพุ่งตรงเข้าโจมตี
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ
หนังสือยังไม่จบ ไม่อัปต่อแล้วเรอค่ะ...