บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ นิยาย บท 335

สรุปบท บทที่ 335 คืนเดียวจะไปพอได้อย่างไร: บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ

ตอน บทที่ 335 คืนเดียวจะไปพอได้อย่างไร จาก บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

บทที่ 335 คืนเดียวจะไปพอได้อย่างไร คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายโรแมนซ์ บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ ที่เขียนโดย ต้าวเมียวเมียว เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

บทที่ 335 คืนเดียวจะไปพอได้อย่างไร

จิ๊บจิ๊บ ! เสียงนกร้องปลุกให้ลุกขึ้นจากเตียงในตอนเช้าตรู่ จูนจิ่วลืมตาขึ้นแล้วเผชิญหน้าเข้ากับใบหน้าที่ชั่วร้ายของโม่อู๋เยว่ อืม ผิวช่างผุดผ่องไร้ที่ติจริงๆ มองไม่เห็นขนเลยแม้แต่เส้นเดียว ยิ่งมองขนตาที่งอนยาวของเขาแล้ว ก็ยิ่งทำให้รู้สึกอิจฉา !

จูนจิ่วรู้สึกตกตะลึงกับใบหน้าที่มีเสน่ห์ของโม่อู๋เยว่ จากนั้นนางก็ค่อยๆ ได้สติมากขึ้น เมื่อนึกย้อนกลับไปก็รู้สึกเหมือนว่านางลืมอะไรบางอย่างไป

เมื่อคืนนางต่อรองกับโม่อู๋เยว่ จนท้ายที่สุดโม่อู๋เยว่ยอมที่จะกอดนางนอนเพียงอย่างเดียว แต่ไม่ใช่ว่ายืนกอดอยู่ที่เดิมไม่ขยับไปไหนหรอกหรือ แต่นี่ !!

ตั้งแต่หัวจรดเท้า นางไม่ได้สวมใส่เสื้อผ้าอะไรเลย สมองของนางว่างเปล่าไปสักครู่ จากนั้นจูนจิ่วจึงก้มลงมองดู

มองไปที่ผิวหนังที่ขาวละเอียดดุจหิมะ กระจ่างใสราวกับหยก แต่สิ่งที่แนบชิดอยู่นั้น คือหน้าอกที่กำยำล่ำสันของโม่อู๋เยว่ ตึกตึก ! ทั้งสองได้ยินเสียงของการเต้นของหัวใจของกันและกันได้อย่างชัดเจน

จูนจิ่วมุ่ยปากแล้วยกมือขึ้นหยิกแก้มของโม่อู๋เยว่ “โม่อู๋เยว่ ท่านตื่นขึ้นมาเดี๋ยวนี้นะ !”

ขนตาที่งอนราวกับปีกผีเสื้อเปิดขึ้นมา ดวงตาสีทองคู่นั้นจ้องมองมาที่จูนจิ่วอย่างสดใส โม่อู๋เยว่พูดขึ้นด้วยความงง : “เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ เจ้าเป็นอะไรไป ?”

“ให้โอกาสเจ้าครั้งสุดท้าย ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้ ! ไม่เช่นนั้นข้าจะให้ช่วงล่างของท่านใช้การไม่ได้อีกต่อไป ให้ลองลิ้มรสของการเป็นขันทีดูสักหน่อย” ใช่แล้ว ! ด้านล่างยังมีอาวุธหันเข้าหานางอยู่ น่าอายจริงๆ ! จูนจิ่วหน้าแดงและปวดหัว รู้สึกว่าตนเองอยากจะได้เหล้ามาย้อมใจสักแก้วเสียจริงๆ

คำขู่นี้สามารถทำให้ผู้ชายทุกคนมีสติขึ้นมาได้ อีกทั้งยังรีบหุบขาของเขาอีกด้วย โม่อู๋เยว่กระพริบตาสีทองของเขา แล้วปล่อยจูนจิ่วโดยไม่รู้ตัว

ทันทีที่หลุดพ้น จูนจิ่วรีบคว้าผ้าห่มขึ้นมาพันรอบตัวของนางเอาไว้ทันที จากนั้นจึงรีบวิ่งอย่างลุกลี้ลุกลนไปด้านหลังม่านบังตาเพื่อสวมใส่เสื้อผ้า โม่อู๋เยว่มองตามจูนจิ่วไปตลอด ในสมองมีความทรงจำกลับคืนมาเล็กน้อย

เมื่อวานเป็นคืนพระจันทร์เต็มดวง เดิมทีเขาควรจะหาที่ที่ปลอดผู้คนเพื่อกักขังตัวองเอาไว้ แต่ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด จู่ๆ จึงรู้สึกอยากจะกอดเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ขึ้นมา ดังนั้น......โม่อู๋เยว่รู้สึกภูมิใจกับความสามารถในการควบคุมตนเองขึ้นมาทันที เขาไม่ได้ทำเรื่องไม่ดี ทำเพียงแค่กอดเสี่ยวจิ่งเอ๋อร์เอาไว้เท่านั้น

แต่ว่าดูท่าทางของเสี่ยวจิ่งเอ๋อร์แล้วคงจะไม่ค่อยยินดีนัก โม่อู๋เยว่แสยะยิ้มออกมา ถ้าเช่นนั้นก็ชดเชยให้เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์สักหน่อยก็แล้วกัน ~~

จูนจิ่วอาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็เดินออกมา แล้วกวาดสายตาไปที่ตัวของโม่อู๋เยว่ แต่สายตาของนางก็เหลือบไปมองที่กระดูกแผ่นหลังของโม่อู๋ชิงเล็กน้อย สิ่งที่นางเห็นเมื่อคืนไม่ใช่ภาพลวงตา ! แต่เมื่อฟ้าสว่างแล้ว ของสิ่งนั้นก็หายไปแล้ว

จูนจิ่วจำได้ว่าเมื่อคืนนางได้ใช้มือของตนเองลูบด้วย สัมผัสนั้นยังคงชัดเจนอยู่ แล้วนั่นมันคืออะไรกันแน่ ?

“เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ ?” โม่อู๋เยว่เรียกนาง

เมื่อสบตาเข้ากับดวงตาที่ทั้งสวยและมีเสน่ห์ชวนให้หลงใหลของโม่อู๋เยว่ จูนจิ่วก็สีหน้าหมองหม่นทันที นางพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาว่า “คงจะนอนพอแล้วนะ ? คงจะกอดพอแล้วนะ ? ตอนนี้ออกไปได้แล้ว ขอบคุณ”

“ได้อยู่กับเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ เวลาสั้นๆ เพียงแค่คืนเดียวจะไปพอได้อย่างไร ?” โม่อู๋เยว่เอนหลังลงไป แล้วสยายผมสีเงินของเขา เป็นท่าทางที่ดูยั่วยวนเสียจริงๆ ราวกับปีศาจสาวที่ชั่วร้ายในหนังสือนิทาน ซึ่งเพียงพอที่จะหลอกล่อให้เราหลงกลได้

จูนจิ่วเอามือกอดอก เงยหน้าขึ้นแล้วหรี่ตา : “ไม่ลุกขึ้นใช่ไหม ? ถ้าเช่นนั้นข้าไปเอง”

พูดจบนางก็เดินจากไปโดยที่ไม่ทันจะได้รอให้โม่อู๋เยว่ตอบสนองใดๆ จูนจิ่วผลักประตูเดินออกไป มองเห็นเสี่ยวอู่นั่งยองๆ อยู่บนเก้าอี้โยกในลาน เมื่อเห็นนางออกมา เสี่ยวอู่ก็รีบวิ่งเข้าไปหาแล้วพูดว่า : “เหมียว ! เจ้านาย เมื่อคืนเหลิ่งยวนตีตัวเองจนสลบ”

จูนจิ่ว : ? ?

เสี่ยวอู่เดินนำไปด้านหน้า จูนจิ่วเดินตามไปอย่างรวดเร็ว เห็นชิงหยู่กำลังยืนอยู่ด้านหน้าเหลิ่งยวนพอดี เหลิ่งยวนลูบคอของตนเองดูแล้วพูดว่าไม่เป็นไร !

เมื่อหันกลับไปเห็นจูนจิ่ว ชิงหยู่ก็พูดขึ้นว่า : “ศิษย์น้อง เจ้ามาดูนี่เร็ว ? เช้ามาข้าก็เห็นเหลิ่งยวนนอนอยู่ที่พื้น ไม่รู้ว่าเป็นอะไรไป”

ชิงหยู่ลืมตาอ้าปากค้างด้วยความตกตะลึง : “ท่าน !”

“แบบนี้ก็เป็นอันใช้ได้แล้ว วันนี้เจ้าเก็บตัวฝึกวิชาอยู่ในห้องเถอะ ข้าจะออกไปเป้นเพื่อนเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์เอง” พูดจบ โม่อู๋เยว่ก็ไม่ทันรอให้ชิงหยู่ได้ตอบ ก็รีบหันหลังเดินออกไป ชิงหยู่หันหน้ากลับไปมองโม่อู๋เยว่เดินออกไปด้วยความตกตะลึง ใจลอยไปพักใหญ่

เปลี่ยนจนเหมือนกันทุกกระเบียดนิ้ว นี่มันคือเวทมนตร์สินะ ?

จูนจิ่วเห็นชิงหยู่เปลี่ยนเสื้อผ้าออกมารวดเร็วขนาดนี้ก็ตกตะลึงไปชั่วขณะ แต่จูนจิ่วเองก็ไม่ได้คิดมากอะไร นางกวักมือเรียกเสี่ยวอู่ “พวกเราไปกันเถอะ”

จริงๆ แล้วในช่องลับบนสร้อยมือของจูนจิ่วนั้นบรรจุสมุนไพรเอาไว้มากมาย แม้แต่ในช่องลับบนแหวนที่โม่อู๋เยว่มอบให้ ก็มีสมุนไพรบรรจุอยู่มากมายเช่นกัน แต่ในฐานะนักกลั่นยา จะไม่มีวันรังเกียจที่มีสมุนไพรมากมายโดยเด็ดขาด จูนจิ่วตั้งใจที่จะกลั่นยาทิพย์ใหญ่ออกมา แต่ก็ยังขาดสมุนไพรบางตัวอยู่จึงอยากไปลองหาที่ในเมืองไท่ชูดู

แต่ยังไม่ทันจะถึงเมืองไท่ชู จูนจิ่วก็สังเกตเห็นว่า “ศิษย์พี่” ที่มากับนาง มีบางอย่างที่ผิดปกติ

จูนจิ่วแอบมองชิงหยู่เป็นระยะๆ แล้วหรี่ตาลงด้วยความสงสัย ทำไมวันนี้ถึงรู้สึกว่าศิษย์พี่ไม่ดูเป็นกันเองเหมือนทุกที แต่กลับดูมีความชั่วร้ายบางอย่างที่คล้ายกับโม่อู๋เยว่ ! ไม่สิ นี่คือโม่อู๋เยว่ !

เสี่ยวจิ่วถอยหลังไปแล้วดึงแขนเสื้อของโม่อู๋เยว่ “ทำไมท่านถึงแปลงเป็นศิษย์พี่ของข้า ?”

“เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์จำได้แล้วหรือ ?” โม่อู๋เยว่แสยะยิ้ม ขนาดปลอมใบหน้าให้เหมือนกับชิงหยู่แล้ว ก็ยังมีร่องรอยของความชั่วร้ายเผยออกมาให้เห็นอยู่ดี ความชั่วร้ายที่ฝังลึกเข้าไปในกระดูก จะปิดบังอย่างไรก็ไม่มีทางมิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งจูนจิ่วเองก็รู้จักคุ้นเคยกับเขาเป็นอย่างมาก

จูนจิ่วส่งเสียงแสดงความไม่พอใจออกมา จากนั้นจึงปล่อยแขนเสื้อของโม่อู๋เยว่ นางค่อยๆ เชิดคางขึ้นอย่างหยิ่งผยองแล้วพูดว่า : “ในเมื่อท่านออกมากับข้า วันนี้ท่านจะต้องเป็นคนจ่ายทั้งหมด”

“ได้~~” โม่อู๋เยว่ยิ้มอย่างชั่วร้าย เขามองดูมือของจูนจิ่ว แล้วรู้สึกคันไม้คันมืออยากจะจูงมือนาง แต่เมื่ออยู่ในรูปของชิงหยู่แล้ว จึงทำได้เพียงแค่สะกดกลั้นความปรารถนาเอาไว้อย่างน่าเสียดาย”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ