บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ นิยาย บท 340

บทที่ 340 พรสวรรค์จะต้องเป็นของปลอมแน่ๆ

พรสวรรค์แบ่งออกเป็นขั้นและสี อีกทั้งยังมีความแตกต่างระหว่างสีอีกด้วย พูดง่ายๆว่า ขั้นที่ห้าสีเขียวเหมือนกัน แต่ระหว่างเขียวอ่อนกับเขียวเข้มก็มีความแตกต่างกันไม่น้อยไปกว่าฟ้ากับดิน

เห็นผู้อาวุโสทั้งสามค่อยๆ ลูบเครา แล้วหันมายิ้มให้กับชิงหยู่อย่างพออกพอใจก็พอจะเดาออก พรสวรรค์ของชิงหยู่ดีมาก สามารถเป็นศิษย์ชั้นยอดของสำนักไท่ชูได้อย่างสบายๆ ส่วนผู้อาวุโสที่สองกับผู้อาวุโสที่สามก็เริ่มพูดคุยกันทันที เพราะต่างก็ต้องการได้ชิงหยู่เข้ามาอยู่ในสาขาของตน

มู่จิ่งหยวนยิ้ม “ขั้นที่ห้าสีเขียว ไม่เลวเลย”

“ไม่เลวจริงๆ” ถึงแม้ว่าหยุนหนีจะอ้าปากยิ้ม แต่ดวงตาทั้งคู่ที่อยู่บนใบหน้าที่งดงามนั้นกลับแฝงไปด้วยความบึ้งตึงและอิจฉาริษยา นางเองก็มีพรสวรรค์อยู่ในขั้นที่ห้าสีเขียว แต่ความเข้มของสีนั้นแตกต่างกับของชิงหยู่อย่างมาก

นางเป็นถึงหลานสาวของผู้อาวุโสใหญ่ เป็นสาวงามที่สวยที่สุกของสำนักไท่ชู แต่จู่ๆ กลับถูกเจ้าสำนักของสำนักเล็กๆ อย่างสำนักเทียนอู่จงข้ามหัวเข้าให้เสียแล้ว ยิ่งได้ยินการพูดคุยที่แสดงออกถึงความชื่นชมและพึงพอใจของผู้อาวุโสที่สองและผู้อาวุโสที่สามด้วยแล้ว หยุนหนีก็แอบกำหมัดแน่น

“ศิษย์น้องหยุนหนี เจ้าเป็นอะไรไป ?”

“เปล่านี่ ข้าแค่อยากจะรู้ว่า จุนจิ่วจะมีพรสวรรค์อะไร ?” หยุนหนีหันมองจุนจิ่ว ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม

นางพยายามมองหาความสมดุลในตัวของจุนจิ่ว ช่างเถอะ ชิงหยู่เป็นถึงเจ้าสำนัก แน่นอนว่าจะต้องมีพรสวรรค์ที่ยอดเยี่ยมเป็นธรรมดา ส่วนจุนจิ่วเป็นแค่ศิษย์น้องของชิงหยู่ ยังไงเสียก็ไม่มีทางจะมีพรสวรรค์ที่เหนือกว่าชิงหยู่ไปได้แน่นอน เมื่อคิดได้ดังนี้แล้ว หยุนหนีก็อารมณ์ดีขึ้นมาก

ชิงหยู่ถอยไปยืนอีกด้านหนึ่ง ผู้อาวุโสใหญ่อ้าปากยิ้ม แล้วพูดว่า : “จุนจิ่ว ตาเจ้าแล้ว”

จุนจิ่วสีหน้าเรียบเฉย นางเดินเข้าไปหยุดยืนอยู่ตรงหน้าหินเทียนหยวน แล้วเงยหน้าขึ้นมองผู้อาวุโสใหญ่ด้วยแววตาเย็นชา น่าแปลก ! ผู้อาวุโสใหญ่มีท่าทีที่ดูเป็นมิตรกับนางอย่างมาก ถึงขั้นดูใจดีมีเมตตา ก่อนหน้านี้เคยคิดมาตลอดว่าคนที่อยู่เบื้องหลังของผู้ดูแลหวางก็คือผู้อาวุโสใหญ่ แต่ตอนนี้ไม่ว่าจะมองอย่างไรก็รู้สึกว่าช่างดูขัดแย้งกัน

“จุนจิ่ว จงจงเอามือวางลงบนหินเทียนหลานเพื่อส่งพลังทิพย์ก็เป็นอันใช้ได้แล้ว ง่ายๆ ไม่ต้องประหม่า ผ่อนคลาย ค่อยเป็นค่อยไป” ผู้อาวุโสใหญ่กล่าว

ไม่เพียงแต่จุนจิ่วเท่านั้น เมื่อผู้อาวุโสใหญ่เอ่ยปากพูดออกมา นอกจากหยุนหนีแล้ว คนอื่นต่างก็พากันตกตะลึงกันทั้งหมด ปกติแล้วผู้อาวุโสใหญ่เป็นคนที่แข็งกร้าวและโหดเหี้ยม ไม่เคยยิ้มแย้มกับใครทั้งนั้น แล้วทำไมถึงได้อ่อนโยนกับจุนจิ่วเช่นนี้ ? เป็นเรื่องที่เหนือความคาดหมายจริงๆ

จุนจิ่ววางมือลงบนหินเทียนหยวนโดยไม่สนใจปฏิกิริยาของคนอื่นๆ แล้วถ่ายทอดพลังทิพย์ลงไป ไม่นานหินเทียนหยวนก็ส่องแสงสว่างออกมา จากขั้นที่หนึ่งสีแดงค่อยๆ ไปถึงขั้นที่ห้าสีเขียว เมื่อเห็นว่าสีเขียวค่อยๆ เข้มขึ้น รอยยิ้มบนใบหน้าของหยุนหนีก็จางหายไปทันที รีบหยุดเร็วเข้า !

ทำไมสียังเปลี่ยนอีก ? รีบหยุดเร็ว !

หินเทียนหลานส่องสว่างขึ้น จากสีเขียวก็กลายเป็นสีน้ำเงิน แล้วค่อยๆ เข้มขึ้นเรื่อยๆ วิหารใหญ่เงียบสนิท แต่ละคนมีสีหน้าที่เปลี่ยนไป

นี่มันขั้นที่หกสีน้ำเงิน !

“ขั้นที่หกสีน้ำเงิน ? ยอดเยี่ยมจริงๆ” มู่จิ่งหยวนเลิกคิ้ว เงยหน้าขึ้นมองจุนจิ่วแล้วยิ้มให้ด้วยใบหน้าที่สง่างามและหล่อเหลา เขาดูคนไม่ผิดจริงๆ จุนจิ่วต้องอยู่ระดับเดียวกันอย่างแน่นอน

เมื่อได้ยินคำพูดของมู่จิ่งหยวน จุนจิ่วก็เงยหน้าขึ้นแล้วมองเขาอย่างเย็นชา จากนั้นจึงผละสายตากลับมา จุนจิ่วหันมองผู้อาวุโสใหญ่ด้วยท่าทีเรียบเฉย “ข้าทดสอบเสร็จแล้ว”

“ดีดีดี !” ผู้อาวุโสใหญ่พูดด้วยแววตาที่เป็นประกาย

ผู้อาวุโสที่สองตอบสนองอย่างรวดเร็ว จึงชิงพูดขึ้นก่อนว่า : “จุนจิ่ว เข้ายินดีที่จะเป็นศิษย์สายตรงของข้าหรือไม่ ? ข้ายังไม่เคยรับศิษย์สายตรงมาก่อน ถ้าหากเจ้ามาก็จะกลายเป็นศิษย์เพียงคนเดียวที่ข้าจะทุ่มเทแรงกายแรงใจอย่างเต็มที่ !”

“ผู้อาวุโสที่สอง ไม่ใช่ว่าท่านถูกใจหลานจูหรอกหรือ ? จุนจิ่วผู้นี้ไม่สู้ยกให้ข้าเสียจะดีกว่า ถึงแม้ว่าข้าจะมีลูกศิษย์แล้ว แต่ศิษย์ที่ต่อไปจะมาสืบทอดเสื้อคลุมต่อจากข้านั้นยังไม่มี ข้าว่าจุนจิ่วก็ไม่เลว !” ผู้อาวุโสที่สามจ้องมองจุนจิ่วด้วยแววตาอ่อนโยนและเป็นมิตร “ว่ายังไง? เจ้าเต็มใจที่จะมาอยู่สาขาสี่ของข้าหรือไม่ล่ะจุนจิ่ว ?”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ