บทที่ 342 ของเล่นชิ้นใหม่ กุญแจเวลา
ใต้ฟ้าราตรี จูนจิ่วนั่งขัดสมาธิแทะเมล็ดแตงโม ชำเลืองมองโม่อู๋เยว่ที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม จูนจิ่วพูดว่า “ท่านไม่ไปหรือ”
“เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ก็รู้แล้วนี่นา เสี่ยวอู่ได้มอบโอกาสที่จะได้นอนเป็นเพื่อนเจ้าให้ข้าแล้ว ”โม่อู๋เย่ยิ้ม ใต้แสงจันทร์มุมปากของเขาค่อยๆโค้งขึ้น เย้ายวนและดึงดูด มีเสน่ห์ที่สุด
ไม่รู้ว่าโม่อู๋เยว่จงใจหรือไม่ วันนี้เขายังใส่เสื้อที่เปิดหน้าอกโดยเฉพาะ อกผึ่งผายที่เผยให้เห็นกล้ามเนื้อบางส่วน ลายของกล้ามเนื้อที่สวยงามช่างดึงดูดให้จูนจิ่วอยากจะเข้าไปสัมผัสให้หายคันไม้คันมือ ผมสีเงินที่ปรกลงมา ดวงตาสีทองคู่นั้นมีเสน่ห์ดึงดูดจนผนึกนางไว้แน่น
กร๊อบ
จูนจิ่วยังคงแทะเมล็ดแตงโม บังคับตัวเองอย่างสุดความสามารถเพื่อให้ละสายตา ปีศาจตนนี้เย้ายวนใจเกินไปแล้ว หากไม่มีจิตควบคุมตัวเองที่แข็งแกร่งจะไม่สามารถคุยกับเขาดีๆได้เลย
สูดลมหายใจเข้าลึกๆ จูนจิ่วเอ่ยว่า “แต่คืนนี้ข้าไม่คิดว่าจะนอนหลับ ข้ามีเรื่องต้องสะสาง”
“เพราะผู้อาวุโสใหญ่หรือวิชาฝึกตนชั้นที่สี่ ”
“ทั้งสองเรื่อง”เห็นท่าทีโม่อู๋เยว่ที่จะไม่ยอมไปไหนเลย จูนจิ่วเลยต้องเปิดอกคุยกับเขาไปตรงๆ แล้วพูดต่อไปว่า “ผู้อาวุโสใหญ่กับหยุนหนีไม่เคยรู้จักข้ากับศิษย์พี่มาก่อน แต่พวกเขากลับจงใจหาเรื่องพวกเราตั้งแต่ต้น พอมาตอนนี้ก็แสร้งทำดี พวกเขาคิดอะไรอยู่กันแน่ ยังมีเรื่องวิชาฝึกตนชั้นที่สี่ ข้าไม่สามารถแน่ใจได้ว่าร้อยทั้งร้อยจะอยู่ที่สำนักศึกษาไท่ชู แต่ต้องหาเบาะแสได้แน่”
โม่อู๋เยว่ “ฉะนั้นเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์จึงคิดจะเข้าถ้ำเสือ เพื่อตรวจสอบว่าพวกเขามีจุดประสงค์อะไร”
จูนจิ่วพยักหน้า นี่ดูแล้วอันตราย แต่แท้จริงแล้วกลับเป็นการยิงธนูนัดเดียวได้นกสองตัว หนึ่งคือสามารถตรวจสอบผู้อาวุโสใหญ่กับหยุนหนี สองคือสถานะในสาขาที่สองของสำนักศึกษาไท่ชูนั้นไม่ธรรมดา
นางเองจะได้รับความสะดวกมากขึ้นไม่น้อย ง่ายที่ตนเองจะเข้าไปตรวจหาเบาะแสของวิชาฝึกตนชั้นที่สี่ได้
ตอนที่นางเห็นท่าทีของผู้อาวุโสใหญ่ ก็ได้ตัดสินใจแล้วว่าจะเลือกผู้อาวุโสใหญ่ แต่ว่าที่พูดออกไปว่านางมีอาจารย์ได้เพียงคนเดียว จะไม่ไหว้ครูรับอาจารย์อีก นางก็แค่อยากทดสอบผู้อาวุโสใหญ่เท่านั้น
การทดสอบนี้ จูนจิ่วทำสำเร็จ ปฏิกิริยาของผู้อาวุโสรองกับผู้อาวุโสสามนั้นปกติดี ส่วนผู้อาวุโสใหญ่กลับยังคงมีท่าทีอบอุ่นเป็นมิตรเช่นเดิม เห็นได้ชัดว่าต้องมีความคิดอย่างอื่นต่อนาง แต่คิดเรื่องอะไรนั้นไม่รู้
เห็นจูนจิ่วจมอยู่ในห้วงความคิด โม่อู๋เยว่ก็เพียงแต่ยิ้มแต่ไม่เปิดปากพูดรบกวนจูนจิ่ว
เวลาค่อยๆผ่านไปช้าๆ จูนจิ่วขมวดคิ้วเอ่ยขึ้นกะทันหัน“ข้าว่าข้าพอจะคิดออกแล้วว่าเพราะอะไร โดยสถานะของข้าในสำนักเทียนอู่จง แล้วก็สถานการณ์ก่อนที่จะมีการทดสอบพรสวรรค์ สามารถชักนำให้ผู้อาวุโสทั้งสามที่มีตำแหน่งและอำนาจเป็นอย่างมากเกิดความสนใจหลายครั้งหลายครา ก็มีเพียงเหตุผลเดียว”
“อะไร”โม่อู๋เยว่เลิกคิ้ว
จูนจิ่วไม่ได้ตอบคำถาม แต่ว่าได้มองโม่อู๋เยว่ก่อนแวบหนึ่ง ราวกับกำลังตัดสินใจเลือกบางอย่าง
สุดท้ายจึงได้แบมือเอาลูกบอลสีทองออกมา
สายตาของโม่อู๋เยว่ไปจรดอยู่ที่ฝ่ามือของจูนจิ่ว ฝ่ามือที่ขาวราวหยก มีลูกบอลกลมเกลี้ยงสีทองวางอยู่ ลวดลายกลวงเป็นวงรอบลูกบอลทำให้มันดูสวยมากขึ้น โม่อู๋เยว่หรี่ตาลง แล้วก็เงยหน้ามองไปยังจูนจิ่ว
เขาไม่ได้พูดอะไร แต่รอให้จูนจิ่วพูดก่อน
จูนจิ่ว “นี่เป็นของที่พ่อแม่ข้าทิ้งไว้ให้ เทียงฉิวจ้องจะเอามันตลอดมา เป็นไปได้อย่างยิ่งว่าผู้อาวุโสใหญ่กับหยุนหนีจะรู้สถานะที่แท้จริงของข้า และคิดอยากจะได้มันไป ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขากับเทียนฉิวอาจเกี่ยวข้องกันก็ได้ ”
มีเพียงเหตุนี้ จึงพอจะอธิบายได้ว่าทำไมพอมาที่สำนักศึกษาไท่ชู ก็ถูกผู้อาวุโสใหญ่หมายตาพวกนาง
ดวงตาสีทองทอประกายแววอันตรายอยู่ลึกๆ โม่อู๋เยว่เอ่ยด้วยเสียงทุ้มขรึมหนัก“เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์รู้หรือไม่ว่านี่คืออะไร”
“ไม่รู้ ”จูนจิ่วส่ายหน้า ทันใดนั้นจูนจิ่วก็หรี่ตามองจ้องไปยังโม่อู๋เยว่
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ
หนังสือยังไม่จบ ไม่อัปต่อแล้วเรอค่ะ...