บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ นิยาย บท 346

บทที่ 346 วิปริต

“เหมียว”ได้ยินคำพูดแล้ว เสี่ยวอู่ที่เกาะอยู่ที่ไหล่ของจูนจิ่วก็หันไปแยกเขี้ยวใส่ชิงหยู่

ถ้าอย่างนั้นเจ้าไม่มีความอิจฉาหรืออย่างไร

แวบเดียวก็ดูสีหน้าของเสี่ยวอู่ออก ชิงหยู่ชินกับการที่เสี่ยวอู่มีการตอบสนองและรับรู้ภาษาคนได้นานแล้ว เขากอดอก ยิ้มอย่างสบายใจ “ศิษย์น้องข้าร้ายกาจ ข้าดีใจสิไม่ว่าจะอิจฉาทำไม”

“เหมียวเหมียว”เสี่ยวอู่หูตั้งพยักหน้าหงึกๆ ราวกับเห็นด้วยกับชิงหยู่ เหมือนพวกเขามีความคิดเดียวกัน เห็นหนึ่งคนหนึ่งแมวกำลังสื่อสารกัน จูนจิ่วก็ยิ้มอ่อนๆ

หมุนตัวเข้าไปยังห้องสมุดชั้นใน ประตูใหญ่ปิดลงก็ตัดสายตาจากภายนอกได้ทั้งหมด

ตอนที่พวกเขาเข้ามาในห้องสมุด ผู้เฒ่าที่ดูแลภายนอกได้เตือนเอาไว้ว่า “พวกเจ้าสามารถอ่านหนังสือที่อยู่ในชั้นหนึ่งถึงชั้นที่สามเท่านั้น ตั้งแต่ชั้นสามขึ้นไปได้ถูกปิดเอาไว้ห้ามเข้าไปเด็ดขาด ผู้ที่ฝ่าฝืนจะถูกไล่ออกจากสำนักศึกษาไท่ชู”ทุกที่ต่างก็มีกฎเช่นนี้ หนังสือที่ล้ำค่าทั้งหลายจะถูกเก็บไว้ชั้นบนสุด ไม่ให้ผู้คนทั่วไปพบเห็น

ชิงหยู่มองเห็นชั้นวางหนังสือเป็นเรียงเป็นแถวบนชั้นวางมีหนังสือนับหมื่นเล่ม เริ่มปวดหัวขึ้นมาทันที เขาพูดว่า

“หนังสือเยอะขนาดนี้ พวกเราจะเริ่มจากตรงไหนดี”

“ไล่ดูจากทางซ้ายไปขวาตามลำดับ ”จูนจิ่วกำลังก้าวเดินจากทางซ้ายหนึ่งก้าว ทันใดนั้นนางก็หันมามองชิงหยู่อยู่ชั่วครู่ ขมวดคิ้วเล็กน้อย จูนจิ่วครุ่นคิดแล้วถามขึ้นว่า “ศิษย์พี่ท่านอ่านไหวหรือไม่ ”

ชิงหยู่ยิ้มกว้าง “ศิษย์น้องคิดว่าข้าเป็นพวกที่ชอบอ่านหนังสืออย่างนั้นหรือ”

จูนจิ่ว ……

ไม่ต้องพูดแล้ว ชิงหยู่ก็เป็นพวกที่ไม่ชอบเรียนรู้เป็นคุณชายทำตัวเสเพล ให้เขาดูหนังสือมันจะเป็นการทำให้เขาอึดอัดใจเปล่าๆ มองดูชิงหยู่ที่หยิบหนังสือเล่มหนึ่งขึ้นมาแล้วก็ขมวดคิ้วท่าทีปวดหัวซะเต็มประดา จูนจิ่วกะพริบตา

จูนจิ่วคิดออกแล้ว ไม่สู้เอาอย่างนี้ดีกว่า

นางมองไปยังชิงหยู่แล้วพูดว่า“ศิษย์พี่ค่อยๆดูไปก็ได้ แต่ข้าต้องการให้ศิษย์พี่ช่วยปกป้องข้าอย่าให้ใครเข้ามารบกวนข้า”

“ก็ได้ ว่าแต่ศิษย์น้องเจ้าจะทำอะไร ”

“อ่านหนังสือ ”จูนจิ่วตอบ ไม่ทันไรชิงหยู่ก็ได้เห็นภาพที่เขาจะลืมไม่ลงเลยในชีวิตนี้ คงจะฝังอยู่ในใจลึกๆ เขาเห็นศิษย์น้องนั่งขัดสมาธิอยู่บนเบาะกลม หลับตาแล้วโบกมือชั้นวางข้างหน้าสี่ชั้นมีหนังสือสี่สิบเล่มทั้งหมดลอยลงมาเรียงกันเป็นแถวเรียงหนึ่ง

นี่ทำอะไรกัน

จากนั้น ชิงหยู่ก็เห็นหนังสือเคลื่อนไหวโดยไร้ลม เปิดออกทีละหน้าทีละหน้า มีความคิดหนึ่งผุดขึ้นมาในหัว ชิงหยู่เบิกตาอ้าปากกว้าง หรือว่านี่จะเป็นการอ่านหนังสือที่ศิษย์น้องว่าไว้

ขณะที่กำลังอึ้งตะลึง ชิงหยู่ก็มองเห็นเสี่ยวอู่ทำท่าผายอกเชิดหัวขึ้น หางของมันโบกไปมา ตาวิบวับคู่หนึ่งจ้องมองเขา ราวกับกำลังพูดว่าเห็นหรือยัง เจ้านายของข้าสุดยอดหรือไม่ ร้ายกาจมาใช่หรือไม่

ชิงหยู่สูดลมหายใจเข้าลึกๆ ดูหนังสือสี่สิบเล่มในครั้งเดียวคงไม่ใช่แค่สุดยอดแล้ว แต่เก่งระเบิดไปเลยต่างหาก แต่ว่าเขายังรู้สึกสงสัย อ่านที่ละสี่สิบเล่มจูนจิ่วจะจำได้หรือ ศิษย์น้องตอนนี้เป็นนักจิตชั้นสี่เท่านั้น สติจะแข็งแกร่งแค่ไหนก็คงยังไม่ร้ายกาจถึงขั้นนั้น

ฉะนั้นระหว่างที่พักจากการอ่านหนังสือสี่สิบเล่มจบแล้ว ชิงหยู่รีบพูดขึ้นทันทีว่า “ศิษย์น้องข้าทดสอบเจ้าหน่อย”

“ได้”จูนจิ่วลืมตาขึ้น ยิ้มให้กับชิงหยู่

ชิงหยู่รีบหยิบหนังสืออย่างไม่ตั้งใจขึ้นมาแปดเล่ม พลิกไปมาอย่างลวกๆแล้วถามจูนจิ่วถึงเนื้อหาในหน้านั้นๆ ผลปรากฏว่าถามเล่มไหนก็ตอบถูกหมด ไม่ว่าเขาจะให้จูนจิ่วท่องจากหน้าไปหลังหรือจากหลังมาข้างหน้า ไม่ขาดสักตัวอักษรเดียว แม้กระทั่งตัวหนังสือที่เขียนผิดจูนจิ่วยังจับผิดได้

วิปริตไปแล้ว

ชิงหยู่ไม่รู้ว่าควรจะพูดอย่างไรดี เขาหายใจหอบแรง กุมหน้าอกตัวเองเอาไว้พูดว่า

“ศิษย์น้องเจ้าเป็นนางฟ้าบนสวรรค์ที่แปลงกายมาเพื่อทรมานคนธรรมดาอย่างพวกเราใช่หรือไม่ อาไม่ใช่การทรมาน เป็นการบดขยี้ กลั่นแกล้ง ไม่ให้พวกข้ามีหนทางรอดต่างหาก”

นี่ยังเป็นคนอยู่หรือ ทำไมโลกนี้ถึงมีคนวิปริตเช่นนี้ ปีศาจชัดๆ

ชิงหยู่ด้านหนึ่งก็ทั้งยินดี มีความสุขและภาคภูมิใจ ด้านหนึ่งดวงใจน้อยๆได้ถูกบดขยี้กลายเป็นผุยผงกระจายเต็มพื้นแล้ว เขาเป็นศิษย์พี่ประสาอะไร ตอนนี้เปลี่ยนไปเป็นลูกศิษย์ของจูนจิ่วได้หรือไม่

“ฟู่คิกคิก”จูนจิ่วถูกชิงหยู่แหย่ให้ขำ นางเม้มปากแต่ปิดบังรอยยิ้มไม่มิด จูนจิ่วพูดว่า “ศิษย์พี่ไม่จำเป็นต้องพูดเช่นนี้ อีกอย่างท่านยังช่วยปกป้องข้า อย่างนี้ข้าถึงจะใช้เวลาในการอ่านหนังสือได้เร็วที่สุด ลองดูสิว่าจะสามารถหาเบาะแสวิชาฝึกตนชั้นที่สี่ได้หรือไม่ ”

“ดีดี ศิษย์น้องดูต่อไปเถอะ ศิษย์พี่จะเบิกตากว้างดูแลเจ้าอย่างดี แม้แมลงวันก็ไม่ให้เข้าใกล้ ใช่แล้วศิษย์น้องหิวหรือไม่ กระหายบ้างหรือเปล่า ข้าจะไปเตรียมน้ำชากับขนมมาให้”ชิงหยู่พูดอย่างรีบร้อน

ส่ายหน้า จูนจิ่วหลับตาอ่านหนังสือต่อ

ชิงหยู่กับเสี่ยวอู่มองไม่เห็น พลังจิตอันแข็งแกร่งของจูนจิ่วดุจร่างแหขนาดใหญ่ปกคลุมอยู่รอบตัว พลังจิตสามารถขยายและหดตัวได้ หากขยายใหญ่คงสามารถครอบคลุมทั้งห้องสมุดชั้นหนึ่ง มองเห็นปีศาจบางตนที่พิงอยู่กับชั้นวางหนังสืออย่างเกียจคร้านแต่มีเสน่ห์ เขารับรู้ได้ถึงพลังจิตของจูนจิ่ว

ยื่นมือออกไปหยอกล้อ

โม่อู๋เยว่ใช้แค่มือเปล่าก็สามารถสัมผัสได้ถึงพลังจิตของจูนจิ่ว ไม่มีความอันตรายเลยสักนิดเดียว มีเพียงสัมผัสที่หยอกล้อเท่านั้น ส่งผ่านไปยังสมองของจูนจิ่ว สีหน้าไม่เปลี่ยนไปแต่หูกลับแดงเถือก

กัดฟันหดพลังจิตให้เล็กลงอย่างหงุดหงิด จูนจิ่วใช้สมาธิทั้งหมดในการอ่านหนังสือ เป้าหมายของนางคืออ่านหนังสือ ไม่ใช้ให้ปีศาจบางตนมาแกล้งกันเล่น

โมโหแล้ว

โม่อู๋เยว่หัวเราะ รอยยิ้มชั่วร้ายเกียจคร้าน เขามองจูนจิ่วนิ่งๆ ไม่เข้าไปรบกวน ไม่ส่งเสียงใดๆ

ขอแค่เขาไม่ปรากฎกาย ชิงหยู่ก็มองไม่เห็นเขา เสี่ยวอู่กับจูนจิ่วนั้นในสื่อถึงกันจึงรับรู้ได้ถึงโม่อู๋เยว่ ขู่ฟอดหันหลังให้โม่อู๋เยว่ทันที คนที่แย่งที่นอนของมัน เลวที่สุด

เวลาค่อยๆผ่านไป จูนจิ่วใช้เวลาสองชั่วยามดูหนังสือในชั้นที่หนึ่งของห้องสมุดครบแล้ว เขาดูอย่างไม่ละเอียดมากนัก สำคัญที่สุดคือหาข้อมูลที่เกี่ยวกับวิชาฝึกตนชั้นที่สี่ เพราะถ้าให้ไล่ดูทีละเล่มอย่างละเอียดแล้วละก็ ใช้เวลาทั้งวันก็คงดูหนังสือในชั้นที่หนึ่งไม่หมด

จูนจิ่วเดินขึ้นไปบนชั้นสอง จากนั้นก็ไปชั้นสาม เข้าห้องสมุดตั้งแต่เช้า จนตอนนี้ตะวันใกล้จะตกดินแล้ว เย็นแล้ว จูนจิ่วเพิ่งจะอ่านหนังสือในชั้นสามของห้องสมุดเสร็จ

สีหน้าของนางขาวซีดเล็กน้อย ลืมตานั่งขัดสมาธิปรับสมดุลในร่างกายให้เป็นปกติ จูนจิ่วนวดที่หัวคิ้ว เสี่ยวอู่เข้ามาจากด้านหลังใช้อุ้งเท้าที่นุ่มนวลนวดหลังให้กับจูนจิ่ว อย่าเห็นว่าเป็นแค่แมวตัวเดียวเท่านั้น แต่พลังนวดกลับพอดิบพอดี

จูนจิ่วเงยหน้าขึ้น สบตาที่กังวลใจของชิงหยู่ ชิงหยู่พูด “ศิษย์น้อง เหนื่อยมากแล้วพักก่อนเถอะ วิชาฝึกตนเราค่อยๆหาก็ได้ แต่เจ้าอย่าเหนื่อยเกินไป”

“พวกเรามีโอกาสเพียงครั้งเดียวที่จะเข้าห้องสมุดได้ หากเสียเวลาในวันนี้ไป ภายหน้าจะมาอีกคงไม่ง่าย ”จูนจิ่ววางมือลง ค่อยๆหายใจเข้าออกช้าๆ

นางเงยหน้าขึ้นมองเพดาน สายตาราวกับจะมองทะลุขึ้นไปยังชั้นบนนั้น นางรู้ว่าข้างบนล้วนลงกุญแจไว้แล้ว แต่นี่แค่ขวางคนอื่นได้แต่ขวางนางไม่ได้ จูนจิ่วตรวจสอบพลังจิตของตนเอง คิดว่าจะลองดู

จูนจิ่วเก็บสายตามองกลับไปยังชิงหยู่ “ศิษย์พี่ช่วยปกป้องข้าต่อด้วย ข้าจะลองดูชั้นบน”

“จะลองอย่างไร ศิษย์น้องพลังสติของเข้าไม่สามารถทะลุชั้นได้นะ”สติกับพลังจิตล้วนเหมือนกัน เพียงแค่ชื่อเรียกไม่เหมือนกัน จูนจิ่วยิ้มมุมปาก เลิกคิ้วอย่างไม่หยี่ระ นางพูดว่า “เรื่องนี้ไม่ยากสำหรับข้า ลองดูว่าจะขโมยอ่านได้แค่ไหน”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ