บทที่ 351 อย่างนี้อย่างนั้น กลัวเจ้าเสียเปรียบ
อีกทั้งหากให้หงยิงรู้ว่าเขาเองก็เห็นแก่ตัว แล้วบอกเทียงฉิว แม้เขาจะเป็นถึงผู้อาวุโสใหญ่ของสำนักศึกษาไท่ชู เทียงฉิวก็คงไม่ปล่อยเขาไป พูดได้ว่าตอนนี้ผู้อาวุโสใหญ่กลุ้มจะตายแล้ว
ดวงตากลอกไปมา คิ้วของผู้อาวุโสใหญ่ขมวดเป็นปม หยุนหนีก็ร้อนใจมาก นางเสียแรงไปตั้งมากมายจะยอมทิ้งไปครึ่งทางได้อย่างไร หยุนหนีกำหมัดแน่นดวงตาเย็นชา “ท่านปู่ พวกเราจะสามารถกำจัดจูนจิ่วให้สิ้นซากก่อนงานล่าสัตว์ทิพย์”
“เวลาสั้นเกินไป”
“สั้นเกินไป ”ในใจของหยุนหนีกระตุกไปชั่วครู่แล้วก็นึกถึงเนื้อหาในจดหมาย หงยิงเขียนจดหมายฉบับนี้ก็เพื่อจะบอกให้พวกเขารู้ ว่าเทียนซูได้จัดการจื่อเซียวเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้รอเพียงไท่ชูเห็นด้วยเท่านั้น
ขอแค่ไท่ชูเห็นด้วยเท่านั้น เดิมทีงานล่าสัตว์ทิพย์ที่วางไว้ช่วงหน้าหนาวก็จะเลื่อนไปช่วงหน้าร้อน และอีกอย่างก่อนระยะเวลาการจัดงานล่าสัตว์ทิพย์ มีเพียงเวลาสั้นๆไม่ถึงครึ่งเดือนเท่านั้น จูนจิ่วเจ้าเล่ห์ขนาดนั้น ใช้เวลาครึ่งเดือนจัดการนางมันยากเกินไป
หยุนหนีถามเพียงว่า “ท่านปู่ สามารถยื้อให้เจ้าสำนักเลื่อนเวลาออกไปหรือไม่”
“เทียนซู จื่อเซียวต่างก็เห็นด้วยแล้ว เจ้าสำนักไม่มีเหตุผลที่จะเลื่อนออกไปได้ พวกเรามีเวลาเพียงครึ่งเดือนเท่านั้นที่จะจัดการกับจูนจิ่ว ยังไม่ต้องสนใจของล้ำค่า ต้องถามวิชาจิตให้ได้ก่อน ”ดวงตาผู้อาวุโสใหญ่เคร่งขรึมร้อนใจ เขาอายุมากแล้ว ให้รอต่อไปเกรงว่าตายแล้วก็คงรอไม่ถึงเวลาที่จะบรรลุได้
วิชาฝึกตนชั้นที่สี่ เป็นเพียงโอกาสเดียวของเขา หากเขาฝึกฝนสำเร็จ สามารถบรรลุเป็นราชาทิพย์ ยังจะกลัวอะไรกับเทียงฉิว ถึงเวลาคงเป็นเทียงฉิวที่ต้องคุกเขjาเรียกตัวเองว่าข้าน้อย
มีความปรารถนาอันแรงกล้า ผู้อาวุโสใหญ่กล่าวว่า “หยุนหนี เจ้าคอยยุยงลูกศิษย์อย่างสม่ำเสมอ จัดคนไว้ขอแค่จูนจิ่วกับชิงหยู่ออกจากเรือน ก็ให้หาเรื่องพวกเขาทันที ข้าไม่เชื่อว่าจูนจิ่วจะไม่มาขอร้องให้ข้าช่วย”
“ได้ ข้าเข้าใจแล้ว”
ทั้งสองวางแผนสร้างปัญหา คอยยุยงปลุกปั่นลูกศิษย์ของสำนักศึกษาไท่ชูให้ไหลไปตามข่าวลือที่หนาหูมากขึ้น แต่พวกเขากลับคิดไม่ถึงเลยสักนิด แล้วแต่เจ้าจะวางกับดักไว้มากแค่ไหน จูนจิ่วกับชิงหยู่ก็ไม่ก้าวออกจากประตูเลยสักก้าว
หยุนหนีคอยป้วนเปี้ยนอยู่รอบๆอย่างลับๆล่อๆ แต่ก็ไม่เห็นว่าจูนจิ่วกับชิงหยู่จะก้าวออกจากประตูเลย หากไม่เกรงว่าการกระทำของตัวเองจะดูชัดเจนเกินไปอาจเป็นที่สงสัยได้ หยุนหนียังอยากจะเข้าไปถามด้วยตนเองว่าพวกเขาทำอะไรกันอยู่
มองเวลาที่ผ่านไปทีละวัน หยุนหนีอั้นไม่อยู่จนต้องใช้ไม้ตาย เรียกให้ลูกศิษย์ไปหาเรื่องด่าถึงที่
ปรากฏว่าพอไปก็ถูกตีกลับมาเหมือนสุนัข จมูกช้ำหน้าบวมนั้นเรื่องเล็ก กระดูกหักขาหักก็เรื่องปกติ เป็นพวกเขาเองที่ไปท้าทายถึงที่ และก็ไม่สามารถเอาเรื่องจูนจิ่วกับชิงหยู่ได้ ได้แต่กล้ำกลืนความขมขื่นที่พูดไม่ออกไว้เอง
หยุนหนีร้อนใจจนจะทนไม่ได้แล้ว ส่วนผู้อาวุโสใหญ่นั้นหนวดก็ถูกกระชากหลุดไปหลายเส้นแล้ว
แล้วพวกจูนจิ่วเขาทำอะไรอยู่
นอกจากฝึกฝน จูนจิ่วก็ประลองกับชิงหยู่ พวกเขาแทะเมล็ดแตงโมด้วยกันมองพวกลูกศิษย์ที่มารนหาที่ แต่ละวันก็มีเรื่องดีๆให้ดูไม่ซ้ำกัน ดูแล้วก็ช่างมีความสุข
ชิงหยู่หัวเราะฮ่าๆ ปรบมือมองจูนจิ่วด้วยใบหน้าเลื่อมใส “ยังไงศิษย์น้องก็ร้ายกาจกว่า พวกเราไม่ไหลตามน้ำ ให้พวกเขาร้อนใจจนกระทืบเท้าก็ไม่สำเร็จ พวกเราไม่เสียอะไรเลย ก็ทำเอาพวกเขาโกรธแทบตาย ฮ่าๆๆ”
“ขอแค่พวกเขาลงมืออย่างลับๆ พวกเราก็ทำเสียว่าไม่รู้เรื่อง”จูนจิ่วอุ้มเสี่ยวอู่ไว้ในอก อาบแดดอย่างเกียจคร้าน
นอกจากนางจะปลีกวิเวกประลองฝีมือแล้ว ยังครุ่นคิดเรื่องเกี่ยวกับการกลั่นยาทิพย์ใหญ่ วัตถุดิบที่ใช้ในการกลั่นยาทิพย์ใหญ่นางมีครบแล้ว แต่เพราะตันจูมีจำกัด ฉะนั้นจูนจิ่วจึงไม่กล้าที่จะกลั่นยาอย่างลวกๆ ไม่เช่นนั้นหากล้มเหลวแล้วจะเสียเปล่า
แล้วก็ผ่านไปอีกหนึ่งวัน จูนจิ่วบิดเอวอย่างเกียจคร้านกำลังจะเดินกลับ ก็ได้ยินเสียงชิงหยู่ที่เต็มไปด้วยความสงสัยถามขึ้น“ใช่แล้วศิษย์น้อง ทำไมสองวันนี้ไม่เห็นผู้อาวุโสโม่เลย ”
“อา เขาน่ะหรือ เขามีธุระต้องจากไปหลายวันหน่อย ทำไมหรือศิษย์พี่หาอู๋เยว่มีเรื่องอะไรหรือไม่”
จูนจิ่วเหลือบมองชิงหยู่ เลิกคิ้วแปลกใจ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ
หนังสือยังไม่จบ ไม่อัปต่อแล้วเรอค่ะ...