บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ นิยาย บท 362

บทที่ 362 เจ้าอ้วนเจ้าจะตีใคร

พวกของจูนจิ่ววิ่งไล่ตามที่มาของแท่นแสง ใช้ความเร็วดุจแสงทั้งวันทั้งคืนไม่หยุด จึงใช้เวลาแค่หนึ่งวันก็มาถึงด้านล่างของแท่นแสง ตอนนี้แท่นแสงได้หายไปนานแล้ว

“เฮือก ที่นี่เองหรือ”ชิงหยู่หายใจแรง สองมือเท้าเอวมองค่ายกลที่มีตัวอักษรยันต์บนกำแพงภูเขา ค่ายกลอักษรยันต์สร้างเป็นรูปร่างประตู แค่มองก็รู้ว่านี่คือทางเข้า แต่จะเข้าไปอย่างไรนั้นก็ไม่รู้แล้ว

จูนจิ่วมองไปรอบๆทั้งสี่ทิศอย่างระแวดระวัง ที่นี่นอกจากพวกเขาแล้วก็ไม่มีใคร

เดี๋ยวก่อน มีคน

ฟู่

มีเสียงดังเกิดขึ้นกลางอากาศ จูนจิ่วกับชิงหยู่ต่างก็ถอยหลังเพื่อตั้งรับด้วยปฏิกิริยาที่รวดเร็วมาก เงยหน้าขึ้น ก็เห็นมู่จิ่งหยวนยื่นมือออกไปหนีบมีดบินเล่มหนึ่งเอาไว้ มู่จิ่งหยวนไม่โกรธไม่ตื่นเต้นเลยสักนิด เขาโบกมือไปทางจูนจิ่วกับชิงหยู่ราวกับจะบอกว่าไม่เป็นไร ทำตัวตามสบาย

จากนั้นก็เหลือบมองไปยังทิศทางที่มีดบินพุ่งมา เลิกคิ้วเอ่ยขึ้นว่า “ข้าว่านะหลี่อี้หมิง เจ้าจะหยุดได้หรือยัง”

“ไม่”น้ำเสียงดุดัน หนักแน่นแต่ก็พูดอย่างสง่าผ่าเผย

ได้ยินที่มาของเสียง ก็เห็นกลุ่มคนออกมาจากพุ่มไม้ คนที่เป็นหัวหน้าตัวอ้วนนั้นสูงแค่เมตรหกเท่านั้น ดูแล้วอายุก็ไม่น่าจะเกินสิบเจ็ดสิบแปด แม้ว่าจะเป็นเจ้าอ้วน แต่องคาพยพบนหน้ากลับดูดีทำให้คนที่พบเห็นรู้สึกน่ารักอยู่บ้าง

ตอนนี้เจ้าอ้วน หรือก็คือหลี่อี้หมิงก็เดินเบียดออกมาจากกลุ่มคน เขายืนอยู่ตรงหน้าของมู่จิ่งหยวน มือเท้าเอวเงยหน้าขึ้น ก็รู้ว่าส่วนสูงตัวเองยังไม่พอ ก็พยายามเขย่งเท้าเชิดอกขึ้น

หลี่อี้หมิงฮึหนึ่งเสียง “นายน้อยข้าเห็นท่านก็ไม่สบายตา ประตูนี้ข้าพบก่อน มู่จิ่งหยวนเจ้าถอยไปเลย”

“ข้าว่านะหลี่อี้หมิงเจ้าน่ะมันอ้วนก็จริง แต่กระเพาะเจ้าคงเล็กไปกินไม่ไหว หากข้าถอยให้เจ้า แล้วเพื่อนร่วมกลุ่มของข้าเล่า เจ้าต้องถามพวกเขาดู”น้ำเสียงอของมู่จิ่งหยวนที่มีต่อเจ้าอ้วนที่แอบโจมตีเขา มีแววเป็นมิตรแฝงความขบขันอย่างช่วยไม่ได้อยู่บ้างเล็กน้อย แม้ว่าภายนอกจะดูเหมือนตึงเครียด แต่ก็พอจะดูออกว่าความสัมพันธ์ไม่เลวนัก

หลังจากที่หลี่อี้หมิงได้ยินคำพูดของมู่จิ่งหยวน ก็เอียงหน้ามองข้ามมู่จิ่งหยวนไปยังจูนจิ่วกับชิงหยู่ แวบเดียว หลี่อี้หมิงก็จ้องเขม็งตรงไป

เขารีบทิ้งมู่จิ่งหยวนที่เป็นศัตรูเก่าเอาไว้ ขาอวบอ้วนของเขาวิ่งไปตรงหน้าจูนจิ่ว สองมือกุมที่หน้าอกยิ้มตาหยี “โอ้โห พี่สาวท่านช่างงามเสียจริง ท่านเป็นกลุ่มเดียวกับเจ้ามู่จิ่งหยวนคนนั้นหรือ เอาอย่างนี้อย่าไปกับเขาเลย มากับข้าเถอะ ข้าจะปกป้องท่านเอง” หลี่อี้หมิงตบที่หน้าอกของตัวเอง แล้วก็ยื่นมือออกมาเช็ดน้ำลาย ชิงหยู่เห็นแล้วก็เดินออกมาด้วยสีหน้าดำคร่ำเคร่ง “เจ้าอ้วนไสหัวไป”

“เจ้าเป็นใคร กล้าเรียกข้าว่าเจ้าอ้วนเจ้าอยากตายหรืออย่างไร เด็กๆสั่งสอนมันให้ข้า ข้าเกลียดคนที่เรียกข้าว่าเจ้าอ้วนที่สุด ”หลี่อี้หมิงกวักมือ คนที่อยู่ข้างหลังรีบกระจายตัวล้อมชิงหยู่เอาไว้ เห็นดังนี้มู่จิ่งหยวนก็จะยังยั้งห้ามไว้

แต่ได้ยินเสียงเย็นรื่นหูดังขึ้นเสียก่อน “เจ้าอ้วน”

“ให้ตาย ใครยังกล้าเรียกข้า โอ๊ย”หลี่อี้หมิงหันหน้ายื่นมือไป ยังไม่ทันพูดจบมือก็ถูกจับและบิด ร้องขึ้นอย่างเจ็บปวด หลี่อี้หมิงเจ็บจนน้ำตาเกือบจะไหลออกมาอยู่รอมร่อ

เขาเพิ่งจะเห็นว่าคนที่เรียกเขาก็คือจูนจิ่ว ท่าทีที่มีต่อสาวงาม หลี่อี้หมิงเปลี่ยนเป็นคนละคน

เขาร้องขึ้นอย่างน่าสงสาร “พี่สาวแสนสวยรีบปล่อยข้าก่อน ข้าเจ็บมือมาก”

จูนจิ่วเลิกคิ้ว มือที่คว้าข้อมือของหลี่อี้หมิงเอาไว้ไม่เพียงจะไม่ปล่อย กลับบีบแรงขึ้น เห็นคนที่รุมล้อมเข้ามา จูนจิ่วออกแรงอย่างไม่เกรงใจเลยสักนิด นางยิ้มเย็น สายตาที่มองหลี่อี้หมิงนั้นมีแววอันตราย

นางเอ่ยเสียงเย็น “เจ้าอ้วนเจ้าจะตีใคร”

“โอ๊ยเจ็บ ฮือ”

“หึหึ ศิษย์น้องจูนเจ้าปล่อยเขาไปเถอะ ”มู่จิ่งหยวนกลั้นยิ้มเดินเข้ามา สายตามีแววมีความสุขบนความทุกข์ของผู้อื่น เขาไอแห้งๆเสียงหนึ่ง “หลี่อี้หมิง คนที่เจ้าจะตีน่ะเป็นศิษย์พี่ของจูนจิ่ว เจ้าแน่ใจนะว่าจะทำ”

“ไม่ตีไม่ตีแล้ว พี่สาวรีบปล่อยข้าเถอะ มือเจ็บจนจะหักแล้วฮือๆๆๆ”

เจ้าอ้วนอารมณ์ร้อน จากนั้นก็หวาดกลัว โดยเฉพาะต่อหน้าสาวงามจะยิ่งหวาดกลัว

เห็นท่าทีของหลี่อี้หมิง จูนจิ่วก็คลายมือเลิกคิ้วขึ้น หลี่อี้หมิงรีบกุมมือตัวเองร้องโอดโอยกระโดดไปอีกฝั่ง คนที่ตามเขามารีบกรูกันเข้าไปห้อมล้อมเพื่อปกป้อง

รีบถามเขาว่าได้รับบาดเจ็บหรือไม่ อีกทั้งสายตาที่มองไปยังจูนจิ่วก็ไม่เป็นมิตรนัก ความรู้สึกนี้ เหมือนภาพกับคุณหนูผู้ดีที่พาสาวใช้ทั้งฝูงมาด้วย

มู่จิ่งหยวน “หลี่อี้หมิงน่ะปากไม่มีหูรูด มือไว แต่ว่านิสัยไม่ได้เลวร้าย เมื่อครู่ศิษย์น้องจูนสั่งสอนเขาได้ดีมาก ข้าอยากลงมือกับเขามานานแล้วแต่ก็ทำไม่ได้ ”เอ๋ จูนจิ่วไม่เข้าใจ ชิงหยู่ถามขึ้น “ทำไมไม่ลงมือ”

“เพราะหลี่อี้หมิงเป็นหลานคนโตของเจ้าสำนักศึกษาจื่อเซียว เป็นหนึ่งเดียวในสามชั่วคน เขาถูกเอามาเปรียบเทียบกับข้าตั้งแต่เล็ก ถูกทำให้เสียศักดิ์ศรีจึงได้แค้นใจข้า พอเห็นข้าก็ต้องลอบทำร้ายตลอด แต่ว่าเขาก็ขี้ขลาดไม่กล้าทำตัวเด่น แต่ว่าข้าก็ไม่เคยรู้มาก่อนว่า เขาจะชื่นชอบสาวงามด้วย”มู่จิ่งหยวนพูด

อย่าเห็นว่าหลี่อี้หมิงเป็นเพียงผู้สืบทอดเพียงคนเดียว เจ้าสำนักศึกษาจื่อเซียวนั้นอบรมอย่างเคร่งครัด หลี่อี้หมิงเป็นของล้ำค่า แต่ไม่ใช่คุณชายที่ไร้สาระ ปกติแล้วคนที่คอยอยู่เป็นเพื่อนข้างกายของเขาจะเป็นศิษย์พี่ฝู้หลินจ้านกับฝู้หลินซวงสองคน

ได้รับรู้ถึงอุปนิสัยและสถานะของหลี่อี้หมิงจากปากของมู่จิ่งหยวน ความเป็นศัตรูของจูนจิ่วกับชิงหยู่ก็สลายไป คนอ่อนแอเช่นนี้ ไม่สมกับเป็นศัตรู

ตอนนี้เองหลี่อี้หมิงกุมมือตัวเองเดินมา เขามองจูนจิ่วตาปริบๆ “พี่สาวทำไมท่านดุจัง”

“ข้าดุกว่านี้ได้อีก จะลองดูหรือไม่ ”จูนจิ่วกำหมัดขึ้น ทำเอาหลี่อี้หมิงตกใจตัวสั่นถอยร่นไปหลายก้าว ถอยไปจนถึงกลุ่มคนรับใช้ในบ้าน เขามองจูนจิ่วขยับปาก เหมือนต้องการจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ไม่ได้พูดออกมา ก็มีเสียงหนึ่งแทรกขึ้นมาก่อน ทั้งตื่นเต้นยินดีทั้งร้อนใจ “เสี่ยวหมิง”

ฟู่

เสี่ยวอู่ที่เกาะอยู่บนไหล่จูนจิ่วหลุดขำ เสี่ยวหมิง นี่มันชื่อตัวละครในหนังสือเรียนที่เห็นทั่วไปนี่นา จูนจิ่วก็ยกมือขึ้นป้องปากปกปิดรอยยิ้ม ชื่อหลี่อี้หมิงไม่เลว แต่พอเรียกชื่อเล่นเป็นเสี่ยวหมิงแล้วก็น่าขำจริงๆ

คนที่มาคือฝู้หลินจ้านกับฝู้หลินซวง ในขณะเดียวกัน จูนจิ่วยังรู้สึกได้ถึงดวงตาคู่หนึ่งที่อันตรายมาก คมกริบดุจมีด หากสายตาสามารถเป็นดาบได้จริง เช่นนั้นก็คงกำลังกระหน่ำแทงนาง

จูนจิ่วมองไป สายตาประสานเข้ากับหงยิงที่อยู่ไกลๆ แวบเดียวเกิดไฟแลบแปลบปลาบ ไอสังหารเดือดปุดๆขึ้น

“หงยิง”ชิงหยู่กำหมัด ยืนอยู่ข้างจูนจิ่วจ้องหญิงสาวที่ใส่ชุดแดงที่เดินเข้ามาเขม็ง ชุดที่นางสวมใส่บางเสียยิ่งกว่าของหญิงในหอนางโลมแทบจะปิดไม่มิด แต่กลับมีความหยิ่งและอวดดีที่สาวนางโลมเทียบไม่ได้ สายตาชั่วร้ายดุจงูพิษ

พวกนาง โลกแคบที่สุดก็วนมาเจอศัตรู

สายตามองสบกัน มีเพียงประโยคเดียว มีเพียงหนึ่งในสองเท่านั้นที่จะมีชีวิตรอด ไม่เจ้าก็ข้าที่ต้องตาย

“หมอเทวดาจูนจิ่ว”น้ำเสียงตื่นเต้นดีใจทำให้ความคิดของจูนจิ่วสะดุดลง นางค่อยๆเก็บสายตาหันกลับไปมองฝู้หลินจ้านที่ยืนอยู่ข้างหน้าตน ข้างหลังอีกสองก้าวก็คือฝู้หลินซวง

ฝู้หลินจ้านยิ้มขึ้นอย่างสดใสสว่างกว่าแสงอาทิตย์ เขาเอ่ยขึ้นว่า “พวกเราเจอกันอีกแล้ว ครั้งนี้เป็นที่สำนักศึกษาทั้งสาม จูนจิ่วเจ้ายังจำข้าได้หรือไม่ ข้ากับพี่ชายเป็นฝาแฝดกัน รูปร่างหน้าตาก็ดีเจ้าไม่น่าจะลืม”

ชิงหยู่……

จูนจิ่ว……

จะหน้าตาดีแค่ไหนจะสู้โม่อู๋เยว่ได้หรือ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ