บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ นิยาย บท 361

สรุปบท บทที่ 361 มรดกของอ๋องเซ่หยิ่ง: บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ

สรุปเนื้อหา บทที่ 361 มรดกของอ๋องเซ่หยิ่ง – บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ โดย ต้าวเมียวเมียว

บท บทที่ 361 มรดกของอ๋องเซ่หยิ่ง ของ บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ ในหมวดนิยายโรแมนซ์ เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย ต้าวเมียวเมียว อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

บทที่ 361 มรดกของอ๋องเซ่หยิ่ง

ฟ้าดินกำลังสั่นสะเทือน ต้นไม้ใหญ่หักโค่น ผืนแผ่นดินแตกระแหงเป็นทาง จนกระทั่งไม่ได้ยินเสียงร้องของนกกับสัตว์ทิพย์ ตอนนี้เองก็มีเสียงคำรามกึกก้องไปทั่วอย่างต่อเนื่อง

ชิงพุ่งตัวไปอยู่ข้างหน้าจูนจิ่วทันทีพร้อมตะโกนขึ้น “ศิษย์น้องรีบขึ้นไปบนเขาเร็ว ”แม้ว่าตอนที่แผ่นดินไหวบนภูเขาก็อันตรายเช่นกัน แต่อย่างน้อยก็ยังสามารถหลบหลีกสัตว์ทิพย์ส่วนใหญ่ได้ ทั้งหมดรีบมุ่งหน้าวิ่งไปบนภูเขา ตอนนี้เองก็มีสัตว์ทิพย์ที่ตกใจกลัวจนวิ่งผ่านข้างตัวพวกเขาไป จากนั้น ก็ค่อยๆรวมตัวกันกลายเป็นสายธารสัตว์ทิพย์ แต่ว่ายังโชคดีที่ตอนสัตว์ทิพย์กรูกันมา พวกเขาได้วิ่งขึ้นไปหลบอยู่บนเขาเรียบร้อยแล้ว

ในหูมีเสียงดังอื้ออึงไปหมด จูนจิ่วถอนหายใจหนึ่งเฮือกจากนั้นก็รีบปรับอารมณ์ ให้กลับมาหายใจได้ปกติ นางเงยหน้าขึ้นไปนางข้างหน้า ใต้พระจันทร์สีเลือดทุกสิ่งถูกเคลือบไปด้วยแสงสีแดงจางๆชั้นหนึ่ง แผ่นดินไหวใช้เวลาต่อเนื่องประมาณสิบลมหายใจจึงหยุดลง ทั่วทุกที่มีแต่ซากปรักหักพังอย่างน่าอนาถ “ทำไมจึงเกิดแผ่นดินไหวได้”มู่จิ่งหยวนขมวดคิ้วมุ่น สีหน้าเคร่งขรึมมีแววหนักใจอยู่หลายส่วน มหันตภัยธรรมชาติเช่นนี้ไม่รู้ว่าเหล่าลูกศิษย์จะต้องทนทุกข์ทรมานแค่ไหน โดยเฉพาะเมื่อครู่ที่ต้องพบกับคลื่นสัตว์ทิพย์ที่วิ่งผ่าน ที่หลบไม่ทันโอกาสรอดตายก็คงมีน้อยแล้ว

จูนจิ่วได้ยินก็มองไปยังมู่จิ่งหยวน นางพูดว่า “นี่ไม่ใช่แผ่นดินไหว หรือพูดได้ว่านี่ไม่ใช่ภัยธรรมชาติแต่เป็นฝีมือคน”

“อะไรนะ ศิษย์น้องจูนทำไมจึงบอกว่าเป็นการกระทำของคนเล่า”

จูนจิ่วเก็บสายตา นางเงยหน้าเหมือนจะบอกให้มู่จิ่งหยวนมองไปข้างหน้า ชิงหยู่ก็จ้องไปยังทิศทางนั้นอย่างจริงจัง มู่จิ่งหยวนมองไปก็ต้องนิ่งอึ้ง เห็นเพียงแสงสีแดงปรากฏอยู่ตรงปลายสุดของสายตา เวลาผ่านไปแสงสีแดงก็ใหญ่ขึ้น จนกระทั่งพุ่งขึ้นไปบนฟ้า แสงสีแดงนั้นกับพระจันทร์สีเลือดส่องประกายจากไกลๆ เติมเต็มซึ่งกันและกัน

ภาพเช่นนี้ ทำให้คนอดไม่ได้ที่จะคาดเดาว่ามีอะไรบางอย่างพุ่งออกมาจากพื้นดินใช่หรือไม่ จึงได้ทำให้แผ่นดินสั่นสะเทือนเช่นนี้ แสงสีแดงนั้นก็คือแสงไฟนำทาง มู่จิ่งหยวนจ้องมอง ในใจของมีความคิดหนึ่งที่เหลือเชื่อ แต่เขายังไม่ทันได้พูดออกไป ก็ได้ยินเสียงสงบเยือกเย็นของจูนจิ่วเอ่ยขึ้น “มรดกของอ๋องเซ่หยิ่ง”

“เอ๋ ศิษย์น้องจูนเจ้ารู้ได้อย่างไร นี่เป็นความลับของทั้งสามสำนักศึกษา นอกจากเจ้าสำนักกับผู้อาวุโสแล้วคนอื่นไม่มีใครรู้เด็ดขาด”ส่วนเขารู้ได้อย่างไร ก็เขามีฐานะเป็นว่าที่เจ้าสำนักศึกษาไท่ชูคนต่อไปอย่างไรเล่า รู้ความลับก็เป็นเรื่องปกติ

แต่จูนจิ่วรู้ได้อย่างไร

นางมาที่สำนักศึกษาทั้งสามยังไม่ถึงครึ่งปี จะรู้ได้อย่างไร เครื่องความลับของ‘มรดกของอ๋องเซ่หยิ่ง’

จูนจิ่วมองไปยังมู่จิ่งหยิ่งด้วยความเฉยเมย นางยังคงมีปฏิกิริยาที่สงบไร้คลื่นลม จูนจิ่วพูดว่า “เห็นบันทึกที่อยู่ในห้องหนังสือ แล้วเดาเอา”

มู่จิ่งหยวนเป็นใบ้พูดไม่ออก เช่นนั้นก็เดาได้ถูกเผง บทสนทนาของทั้งสองคนมีแต่ชิงหยู่ที่ฟังแล้วก็งงไปหมด เขาถามทั้งสองคนอย่างสงสัย “พวกเจ้ากำลังพูดอะไรกัน ทำไมข้าฟังไม่รู้เรื่องเลย อะไรคือมรดกของอ๋องเซ่หยิ่ง ”

ในใจของมู่จิ่งหยวนคิดว่าในเมื่อจูนจิ่งพูดออกมาแล้ว ก็ไม่นับว่าเป็นความลับ มู่จิ่งหยวนจึงได้อธิบายให้ชิงหยู่ฟัง

อ๋องเซ่หยิ่งนั้นเคยอยู่ในสำนักศึกษาจื่อเซียวถือว่าเป็นปีศาจที่ร้ายกาจก็ว่าได้ เพราะมีอาวุธประจำกายเป็นดาบเซ่หยิ่ง บวกกับอยู่ในขั้นราชาทิพย์ ด้วยเหตุนี้จึงถูกขนานนามอ๋องเซ่หยิ่ง เขาเป็นหนึ่งในผู้แข็งแกร่งที่สุดของทั้งสามสำนักศึกษาอย่างไร้ข้อกังขา แม้ว่าจะเป็นถึงหนึ่งตำหนักที่อยู่สูงสุด นอกจากเจ้าตำหนักแล้วก็ไม่มีใครกล้าต่อกรกับเขา

เขาเป็นคนในตำนานจากโลกชั้นต่ำสามชั้น เพียงแต่เสียดายว่าปั้นปลายชีวิตของวีรบุรุษนั้น ได้ยินว่าหมกมุ่นจนเสียสติ แต่หลังจากที่เขาตายไปก็เหลือหลุมศพอ๋องไว้หลุมหนึ่ง ในหลุมศพยังซ่อนวิชาจิตดาบเซ่หยิ่งที่เขาคิดค้นขึ้นเองไว้ และยังมีสมบัติล้ำค่าอีกมากมาย

ข่าวลือยังมีบันทึก ว่าคนที่ได้มรดกของอ๋องเซ่หยิ่งจะกลายเป็นอ๋องเซ่หยิ่งคนต่อไป

มีผู้อาวุโสรีบถามขึ้นอย่างร้อนใจ “ไม่สามารถยกเลิกม่านกันได้หรือ”

“ไม่ได้”เจ้าสำนักจื่อเซียวส่ายหน้า

ม่านกั้นนี้เพื่องานล่าสัตว์ทิพย์โดยเฉพาะ เป็นค่ายกลที่ได้เชิญให้ราชาทิพย์ของเจ้าสำนักศึกษาทั้งสามสร้างขึ้น มีเพียงตอนที่รู้ผลแพ้ชนะในงานล่าสัตว์ทิพย์ ได้อันดับที่หนึ่งแล้ว ม่านกั้นนี้จึงจะสลายไป

นี่มีข้อดีและก็มีข้อเสีย ข้อดีคือไม่มีใครมารบกวนงานล่าสัตว์ทิพย์ได้ ข้อเสียก็คือลูกศิษย์ที่อยู่ในม่านกั้นนั้น ต้องทำการเข่นฆ่ากันจนได้ผู้ชนะเหลือเพียงหนึ่งเท่านั้น จึงจะออกจากวงกลมแห่งชัยชนะได้ เป็นเวลานานหลายปี ได้กลายเป็นกฎเหล็กไปแล้ว สีหน้าเจ้าสำนักศึกษาเทียนซูคร่ำเคร่งจนไม่น่าดูเอาเสียเลย ได้แต่มองตาปริบๆคลาดกับมรดกของอ๋องเซ่หยิงแค่นิดเดียว ใครเล่าจะไม่แค้นใจ

เจ้าสำนักเทียนซูใช้ความคิด รีบเอายันต์ออกมาจุดไฟเผา ตอนที่ควันไฟที่เผาลอยเข้าไปในวงกลมแห่งชัยชนะ ใบหน้าของเจ้าสำนักเทียนซูก็มีรอยยิ้มพึงพอใจปรากฏขึ้น เขาเปิดปากพูดว่า “ฮ่าๆๆ ลูกศิษย์อยู่ในวงกลมแห่งชัยชนะแล้ว มรดกของอ๋องเซ่หยิ่งก็เป็นของลูกศิษย์ข้าแล้ว ”

“อันนี้มันก็ไม่แน่ หลิงจ้านกับหลิงซวงก็อยู่ในนั้นด้วย ชัยชนะจะเป็นของใครกันแน่ตอนนี้ยังพูดไม่ได้ ”เจ้าสำนักจื่อเซียวพูดยิ้มๆ

แล้วมองไปที่เจ้าสำนักไท่ชู เขาลูบเครา ใช้วิธีที่แตกต่างในการทดสอบ เจ้าสำนักไท่ชูเอ่ยขึ้น “จิ่งหยวนก็อยู่ข้างใน เห็นทีลูกศิษย์ของพวกเราต่างก็อยู่ในนั้น ตอนนี้ก็คงได้แต่รออย่างอดทนแล้ว หวังว่าในพวกเขาจะมีคนได้รับมรดกของอ๋องเซ่หยิ่ง ”

“หึ”เจ้าสำนักเทียนซูหึเสียงเย็น สายตาเขาชั่วร้าย หงยิงต้องได้มรดกของอ๋องเซ่หยิ่งแน่

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ