บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ นิยาย บท 365

บทที่ 365 หงยิงเจ้ายังมียางอายหรือไม่

เมื่อเห็นแผ่นหินบนพื้นยิ่งอยู่ก็ยิ่งตกหล่นลงไปมากขึ้น มีรูสีดำเต็มไปหมด มีลูกศิษย์เกิดหวาดกลัวขึ้น เริ่มมีคนกระโดดออกจากทางเข้า ตามด้วยคนที่สอง ที่เหลือกำลังลังเล

เพราะความเร็วที่แผ่นหินร่วงหล่นยิ่งอยู่ก็ยิ่งเร็วขึ้น หากพวกเขายังลังเลก็จะหนีไม่ได้แล้ว แต่หากพวกเขาเลือกจะหนีไป ก็กลับเข้ามาไม่ได้อีกแล้ว นี่เท่ากับว่าต้องทิ้งมรดกของอ๋องเซ่หยิ่งไป มีคนไม่น้อยกำลังลังเลคิดไม่ตก ไม่ยินดี

ชิงหยู่ไม่คิดจะไปไหน เขายังคงยืนปกป้องจูนจิ่วอยู่ข้างๆอย่างมั่นคง คอยระวังหงยิงหรือคนอื่นๆที่จะลอบทำร้าย

เวลาทุกวินาทียิ่งทวีความตึงเครียดและเร่งรีบ ไม่ช้าแผ่นหินบนพื้นก็ร่วงหล่นจนทุกคนมีพื้นที่ขยับตัวน้อยลง คิดจะหนีก็หนีไม่ได้แล้ว ทำได้เพียงเบียดเสียดกันถอยหลังไป ด้านหลังติดกำแพงหรือไม่ก็ร่างของคนอื่น เพราะกลัวจะหล่นลงไป

ปัง ปัง ปัง

แผ่นหินข้างล่างเท้าหล่นลงไปกะทันหัน ลูกศิษย์ “อ๊า”เสียงร้องอนาถร่วงลงไป เห็นอย่างนี้ทุกคนต่างก็ตกใจจนเหงื่อเย็นไหลท่วมตัว

หยุนหนีใจเต้นระส่ำมองไปยังจูนจิ่วและตะโกนขึ้น “ศิษย์น้องจูนเจ้าเร็วหน่อย”

จูนจิ่นเหมือนไม่ได้ยิน ตั้งใจในการประกอบภาพเพื่อเปิดประตูกล นางได้ประกอบภาพสองภาพด้านบนของประตูได้แล้ว นั้นคือภาพสลักของสัตว์ทิพย์บนแผ่นหิน ทุกวินาทีทำอย่างมีเหตุผลและเป็นระเบียบ จากนั้นจูนจิ่วก็ประกอบแผ่นหินที่สามสำเร็จ

บนประตูหินแบ่งเป็นสี่ส่วน ตอนนี้เหลือเพียงส่วนสุดท้าย

ตอนนี้เอง ความเร็วของแผ่นหินบนพื้นที่ร่วงหล่น ทำให้เหล่าลูกศิษย์ตีกันเอง พอแผ่นหินใต้เท้าของตัวเองหล่นลง ก็รีบกระโดดไปแย่งพื้นที่อีกแห่งที่คนอื่นยืนอยู่ แผ่นหินหนึ่งแผ่นเพียงพอต่อคนแค่คนเดียว การเข่นฆ่าในนัดแรกเกิดขึ้นที่นี่เอง

มู่จิ่งหยวนขมวดคิ้วมอง ไม่ได้เปิดปากพูดอะไร ก่อนความเป็นความตาย ใครจะฟังเจ้า

ฝู้หลินซวง “ระวัง”

มู่จิ่งหยวนหันไปมอง เห็นแผ่นหินใต้เท้าของฝู้หลินจ้านร่วงหล่นลงไป แต่เขาตอบสนองเร็วมาก และพอดีกับที่ฝู้หลินซวงรีบดึงเขาเอาไว้ กระโดดไปอยู่ข้างฝู้หลินซวง ถูกบีบให้ไปเบียดกันอยู่ที่ช่องว่างของกำแพงประตูหินที่แสนจะแคบ ฝู้หลินจ้านใบหน้าแดงก่ำ แต่ก็ไม่กล้าจะเร่งจูนจิ่ว ได้แต่เพียงส่งสายตา ถ้ายังเปิดประตูไม่ได้พวกเขาต้องจบเห่กันแล้ว

ตอนนี้ความหวังทั้งหมดฝากไว้ที่จูนจิ่วหมดแล้ว

โครมๆๆ

พื้นที่ที่จะใช้ยิ่งน้อยลงขึ้นไปทุกที แผ่นหินร่วงจนถึงหน้าจูนจิ่วแล้ว ชิงหยู่สูดลมหายใจเข้า “เสี่ยวอู่มาข้าอุ้มเจ้าเอง”

เสี่ยวอู่กระโดดไปที่บ่าของชิงหยู่ สายตาแมวของมันมองไปที่หลุมสีดำที่ไร้ที่สิ้นสุดเป็นวงกว้าง ข้างล่างไม่รู้ว่าลึกแค่ไหน ตกลงไปคงไม่มีชีวิตรอด

เร็วเข้า ต้องเร็วขึ้น เร็วขึ้นอีก แต่ก็ไม่มีใครกล้าไปเร่งจูนจิ่ว

ใจของทุกคนเกือบจะเต้นออกมานอกตัวแล้ว ตาเบิกกว้างเพราะเกรงว่าแผ่นหินที่จะร่วงหล่นแผ่นต่อไปจะเป็นแผ่นหินที่อยู่ใต้เท้าของตัวเอง กลั้นลมหายใจไว้ ด้านหลังติดกำแพงอย่างแนบชิดตอนนี้อยากจะกลืนเป็นผืนเดียวกับกำแพงให้รู้แล้วรู้รอด ร่างกายแข็งทื่อ เหงื่อเย็นไหลท่วมตัวท่วมหัวเปียกไปหมดเหมือนหยาดฝน

ขณะที่จูนจิ่วตื่นเต้นจนเกือบจะหายใจไม่ทัน ก็มีเสียงครืดดังขึ้น มีเสียงโครมครามดังขึ้นที่ประตูหิน การร่วงของแผ่นหินหยุดลงแล้ว

“เปิดแล้ว”หลี่อี้หมิงตะโกนขึ้นอย่างดีใจ เขาตกใจจนหน้าซีดขาอ่อนไปนานแล้ว ล้วนพึ่งมืออีกข้างของฝู้หลินซวงหิ้วเขาเอาไว้ มองเห็นประตูหินเปิดออกจากตรงกลางไปด้านข้าง แผ่นหินบนพื้นก็ไม่หล่นแล้ว ฝู้หลินซวงก็ปล่อยมือ หลี่อี้หมิงก็นั่งลงกับพื้นไปหอบหายใจ

ให้ตายเถอะ ตกใจเกือบตาย

หลังจากนั้น ทุกคนต่างก็หอบหายใจ ท่ามกลางเสียงหายใจ มีเสียง“ตึง ”ดังขึ้น เสียงกรอบผิดปกติทำให้ทุกคนต่างสังเกต

จูนจิ่วยื่นมือออกไปรับหินก้อนเล็กที่หล่นลงมาจากบนหัว นางก้มมองอย่างละเอียด เป็นหินละเอียดก้อนหนึ่ง เป็นรูปข้าวหลามตัด ใหญ่เท่านิ้วโป้ง แต่ผิวด้านหน้ามีลายแกะสลักเหมือนกับที่ประตูหิน ดูแล้วไม่ธรรมดา

“เอามาให้ข้าดูสิ”หงยิงจ้องจูนจิ่วยื่นมือออกไป อย่างไม่เกรงใจ

ได้ยินแล้วชิงหยู่ก็โมโห เขาจ้องไปที่หงยิง “นี่มันของที่ศิษย์น้องข้าได้มาด้วยฝีมือของตัวเอง จะเอาให้เจ้าทำไม ให้เจ้าก็เหมือนเตะหมูเข้าปากหมา ให้ไปแล้วไม่ได้คืน”

“ชิงหยู่เจ้ามันรนหาที่ตาย”หงยิงจับไปที่เส้ เงยหน้าก็พบกับมู่จิ่งหยวน ฝู้หลินจ้านพวกเขากำลังมองด้วยสายตาไม่เป็นมิตร หงยิงเปลี่ยนเป็นกำหมัดแน่น แววตาของนางเต็มไปด้วยสีเลือด จ้องไปยังจูนจิ่วอย่างโหดเหี้ยม

ใครก็ดูออกว่าก้อนหินก้อนเล็กบนมือของจูนจิ่วนั้นไม่ธรรมดา

หากนี้เป็นป้ายที่ใช้แสดงเวลาผ่านด่าน เช่นนั้นก้อนหินก้อนนั้นก็คงเป็นรางวัล หงยิงอยากแย่งชิง นางไม่เห็นจูนจิ่วกับชิงหยู่อยู่ในสายตา แต่กลัวพวกมู่จิ่งหยวน

กัดฟันกรอด หงยิงยิ้มใบหน้าบิดเบี้ยว “จูนจิ่วทางที่ดีเจ้าควรตายเหมือนสุนัข เกาะขาของพวกเขาเอาไว้ให้ดี อย่าได้ปล่อยเชียว ไม่อย่างนั้นหากข้ามีโอกาส ต้องสับเจ้าเป็นชิ้นๆ อย่าหวังจะได้ผุดได้เกิดอีก”

“หงยิงเจ้ายังมียางอายหรือไม่ คิดจะแย่งของของศิษย์น้องข้ายังจะหน้าด้านไร้ยางอายเช่นนี้ ที่นี่นอกจากเจ้ากับหมารับใช้ของเจ้าเป็นสุนัขแล้ว คนอื่นล้วนเป็นมนุษย์”ชิงหยู่โมโหมาก จึงตอกกลับไปอย่างดุดัน

เขาโมโหที่ตัวเองไม่ใช่นักจิตใหญ่ ไม่เช่นนั้นก็คงจะพุ่งไปสู้กับหงยังแล้ว

จูนจิ่วมองไปที่ชิงหยู่ “ศิษย์พี่เราไปกันเถอะ”

นางไม่มองหงยิงด้วยซ้ำ ทำเหมือนหงยิงเป็นแค่อากาศธาตุ กวักมือไปทางเสี่ยวอู่ จูนจิ่วก้าวเข้าไปในประตูหินก้าวหนึ่ง เห็นดังนี้ชิงหยู่ก็รีบตามไปติดๆ จากนั้นก็เป็นพวกมู่จิ่งหยวน

หยุนหนีเดินอยู่ด้านหลังสุด นางแอบมองไปทางหงยิงแค่คาดไม่ถึงว่าจะประสานเข้ากับสายตาดุร้ายของนางเข้าพอดี ใจเต้นตุบตับ หยุนหนีพยักหน้ารีบพุ่งเข้าไปในประตูหินทันที เห็นดังนี้ หงยิงกระตุกมุมปากเผยเสียงหัวเราะร้ายกาจ และเหมือนงูพิษที่กำลังวางแผน คนพวกนี้กล้าล่วงเกินนาง พวกเขาต้องเสียใจภายหลัง

หงยิงก้าวเท้า พาคนของนางเข้าประตูไป ทิ้งไว้เพียงอีกฝั่งของหลุมดำ ลูกศิษย์ที่เลือกจะหนีตั้งแต่แรกพอเห็นประตูเปิดกว้างก็ได้แต่ตีอกชกหัวอย่างรู้สึกเสียใจ

……

หลังประตูหินเป็นทางอุโมงค์ที่ยาวและลึกมากเส้นหนึ่ง เดินไปประมาณครึ่งชั่วยาม พวกเขาจึงเงยหน้ามองเห็นแสงตรงปลายทาง พวกเขาเร่งฝีเท้าขึ้นอย่างกะทันหัน ไม่มีใครอยากจะอยู่ในที่มืดเป็นเวลานาน แต่ตอนนี้เอง จูนจิ่วกลับลดความเร็วลงกว่าปกติ

ชิงหยู่เห็นดังนี้ก็ลดความเร็วลง เขาถามขึ้นเบาๆ “มีอะไรผิดปกติหรือ”

ชิงหยู่เพิ่งจะเห็น เสี่ยวอู่ที่เดินอยู่ข้างจูนจิ่วขนตั้งชันทั้งตัว ท่าทีเหมือนกำลังเตรียมตั้งรับ

มีเหตุการณ์เกิดขึ้น

แต่ว่าเขาไม่เห็นรู้สึกอะไรเลย ชิงหยู่กลอกตาไปมา เขาได้แต่เดาว่าข้างหน้าคงมีปัญหา หลังจากเข้าสู่เขตหลุมฝังศพของอ๋องเซ่หยิ่ง มุมปากของชิงหยู่ก็ไม่ปรากฏรอยยิ้มเลยมีแต่ความเคร่งขรึมจริงจัง

จูนจิ่วส่ายหน้าไม่ตอบอะไร เพียงแต่พูดว่า “ไปถึงก็คงรู้เอง”

ปฏิกิริยานี้ที่แท้มันมีอันตรายหรือไม่กันแน่ ชิงหยู่สีหน้าเต็มไปด้วยความสงสัย รอจนกระทั่งพวกเขาเดินออกจากอุโมงค์ แสงส่องสว่างไปทั่วทั้งสี่ทิศ รอยยิ้มบนใบหน้าของทุกคนก็หายไปหมด แต่ละคนสีหน้าเขียวคล้ำ เผยให้เห็นถึงขนบนผิวหนังที่ลุกซู่ขึ้นทั้งตัว

“แม่เอ้ย”ฝู้หลินจ้านสบถคำหยาบ

หลี่อี้หมิงได้แต่ร้องอ๊าๆๆ “อ๊าๆๆ งู”สีหน้าเขาซีดขาด ขาอ่อนยวบจนต้องหลบอยู่หลังฝู้หลินจ้านกับฝู้หลินซวง

งู ทุกคนที่เห็นภาพข้างหน้าต่างก็ส่ายหัว นี่มันงูที่ไหนกันเห็นได้ชัดว่าเป็นนรกต่างหาก

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ