บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ นิยาย บท 368

สรุปบท บทที่ 368 ปีศาจที่พันปีจะมีเพียงหนึ่ง: บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ

อ่านสรุป บทที่ 368 ปีศาจที่พันปีจะมีเพียงหนึ่ง จาก บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ โดย ต้าวเมียวเมียว

บทที่ บทที่ 368 ปีศาจที่พันปีจะมีเพียงหนึ่ง คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายโรแมนซ์ บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย ต้าวเมียวเมียว อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง

บทที่ 368 ปีศาจที่พันปีจะมีเพียงหนึ่ง

กำลังประหลาดใจกับกระดูกสันหลัง แต่ก็ยังต้องเดินต่อ ทำได้เพียงเก็บความสงสัยนี้ไว้ในใจ รอวันหน้าค่อยมาเปิดโปงความลับนี้

เดินไปบนสะพานที่ทำขึ้นจากกระดูกสันหลังข้ามหน้าผา นอกจากจะได้รับการรบกวนจากสัตว์ทิพย์ระดับสองที่บินมาเป็นระยะ กับค้างคาวดูดเลือดแล้ว อื่นๆก็ราบรื่นมาก ไม่นานก็มาถึงอีกฝั่งของหน้าผา มีบันไดหินแผ่นใหญ่เรียงกันเป็นแถวขึ้นไปด้านบน พอเงยหน้าก็มองเห็นตำหนักหลังหนึ่ง

ตอนนี้พวกเขาก็วิเคราะห์ได้แล้วว่าตัวเองนั้นอยู่ชั้นลึกสุดในใต้ดิน แต่ที่นี่มีด่านอยู่ตลอด มองไปบนยอดสุดของโดมเห็นกลุ่มควันปกคลุมเหมือนม่านหมอก เพียงแต่เป็นสีรุ้ง รู้สึกสวยเป็นพิเศษ และเหมือนภาพในฝันจนทำเอาใจสลาย

แต่ก็ไม่มีใครลดความระแวงลง เพียงเพราะความสวยงาม

เพราะนี่เป็นตำนานในโลกชั้นต่ำสามชั้น หลุมฝังศพของอ๋องเซ่หยิ่ง คงไม่ใช่ที่ที่ดีสักเท่าไหร่

จูนจิ่วเอ่ยขึ้น “ขึ้นไปดูกัน”

“ไป”

เสี่ยวอู่อยู่ข้างหน้ากำลังเดินขึ้นบันไดกิน กระโดดสองสามทีก็ไปยืนรอพวกจูนจิ่วอยู่ที่หน้าประตูตำหนัก เขามองไปรอบๆทั้งสี่ทิศ ตำหนักที่พวกเขาเห็นไม่ได้สวยงามแบบโบราณเหมือนที่พวกเขาเคยเห็น ตำหนักนี้ดูทรงอำนาจมีเสาหยกสีขาวขนาดใหญ่ค้ำจุนข้างบนเอาไว้ ด้านบนสุดของโดมเปิดกว้างไม่มีลายแกะสลักอะไร

เงยหน้ามองเข้าไปในตำหนัก แวบเดียวก็สามารถมองตำหนักจนทั่ว

ใหญ่มากกว้างมาก แต่ว่างเปล่าไร้สิ่งใด

มู่จิ่งหยวนประหลาดใจ “ตำหนักนี้ใช้ทำอะไรกัน ไม่เห็นมีอะไรเลย”

“บางทีอาจจะเป็นแค่ประตูบานหนึ่งก็ได้ ไปเถอะ พวกเราเดินข้ามเข้าไปยังอีกทีหนึ่ง ไม่รู้ว่าหลุมศพของอ๋องเซ่หยิ่งจะใหญ่แค่ไหน พวกเราต้องเร็วหน่อย ไม่แน่มรดกอาจตกอยู่ในมือของใครคนใดคนหนึ่งในพวกเราก็ได้ แต่ก็ดูถูกหงยิงไม่ได้”ฝู้หลินจ้านพูด

ระหว่างพูดเขาก็กำลังจะเดินเข้าไปในตำหนัก แต่ฝู้หลินซวงยื่นมือรั้งเขาเอาไว้

มองไปทางฝู้หลินซวงอย่างสงสัย ฝู้หลินจ้านจ้องมองเขาอย่างไม่เข้าใจว่าทำไมต้องรั้งเขาเอาไว้ด้วย ฝู้หลินจ้านเบ้ปาก “ทำไม ข้าไม่ใช่เด็กน้อยนะ อีกอย่างข้าเป็นพี่ชายเจ้า เจ้าไม่ไปลากตัวหลี่อี้หมิง มาลากข้าทำไม”

“รอก่อน อย่าเพิ่งเข้าไป เป็นไปได้ว่าในตำหนักนี้จะมีค่ายกล”ฝู้หลินซวงพูด สายตาของเขามองไปทางจูนจิ่ว จูนจิ่วไม่รู้สึกอะไร เพราะนางกำลังขมวดคิ้วครุ่นคิดวิเคราะห์ตำหนักที่ว่างเปล่านี้

ค่ายกล ทุกคนอึ้งไป ต่างเบิกตามองเข้าไปในตำหนักเพื่อค้นหา แต่พวกเขาก็ไม่พบอะไร

มีค่ายกลที่ไหนกัน ตำหนักนี้ว่างเปล่าจนสามารถมองเห็นทุกอย่างในแวบเดียว หากมีค่ายกลคงซ่อนไว้ไม่มิด แต่นอกจากชิงหยู่ที่ไม่เข้าใจแล้ว คนอื่นๆต่างก็เข้าใจฝู้หลินซวงและไม่สงสัยอะไรในตัวเขา

มู่จิ่งหยวนยังอธิบายให้ชิงหยู่ฟัง “อย่าเห็นว่าฝู้หลินซวงเย็นชาไม่พูดไม่จา แต่สัญชาตญาณของเขาแม่นมาก อีกอย่างทำงานก็รอบคอบ ไม่เหมือนฝู้หลินจ้านที่เอาแต่เล่นสนุกไปวันๆ“

ได้ยินที่เขาอธิบายต่อตนเอง ฝู้หลินจ้านก็มองไปที่มู่จิ่งหยวนอย่างไม่พอใจนัก

ขณะเดียวกันจูนจิ่วก็พูดขึ้น “ฝู้หลินซวงพูดไม่ผิด ที่นี่มีค่ายกล”

“อยู่ที่ไหน”

“ค่ายกลอยู่ที่ไหนไม่สำคัญ ที่สำคัญคือ ตำหนักนี้เปิดโล่งเกินไป ห่างไกลจากกฎการสร้างตำหนักมาก ไม่มีใครสร้างตำหนักว่างเปล่าที่ไม่มีอะไรเลยขึ้นมาเปล่าๆแน่ แน่นอนว่านอกจากเศรษฐี แต่ที่นี่ไม่เหมือนกับการเสียเงินสร้างขึ้นเล่นๆเท่านั้น ”จูนจิ่วพูด

เคาะที่พื้น เมื่อได้ยินเสียงที่ไม่ปกติก็หันหน้าไปอีกทิศ ค่อยๆทดสอบไปที่จุด

จูนจิ่วพวกเขาความเร็วไม่ลดลง ไม่ช้าก็เดินผ่านตรงกลางของตำหนัก ตลอดทางก็ราบรื่นไร้อุปสรรค แต่ตอนนี้เอง จูนจิ่วก็รู้สึกถึงสายตาที่จ้องมองมาที่พวกนาง ตอนแรกนางคิดว่าเป็นพวกมู่จิ่งหยวน จึงไม่ใส่ใจ แต่พอนางเดินถึงตรงกลาง สายตานี้ยิ่งทีวีความรุนแรง พอจูนจิ่วหันไปมองแล้วพบว่าไม่ใช่พวกเขา นี่จึงเริ่มระแวง

เป็นใครกัน

“เกิดอะไรขึ้น”ฝู้หลินซวงเห็นจูนจิ่วไม่เคลื่อนไหว สายตาสงบเย็นชามองไปที่นาง จูนจิ่วแววตาขรึมลง นางเอ่ยขึ้น “มีคนจ้องข้าอยู่”

พูดคำนี้ออกไป ทุกคนต่างรู้สึกตกใจ มีคนคอยจ้องมองจูนจิ่วที่นี่ เป็นใครกัน เพราะตำหนักนี้มองแวบเดียวก็เห็นหมด พวกเขาไม่เห็นอะไรเลย แต่ไม่นานทุกคนต่างก็ค่อยๆรู้สึกถึงสิ่งที่ซ่อนอยู่ในที่ลับ ไม่อาจจะละสายตาเพื่อเฝ้าสังเกตได้

เสียงเบาหวิวส่งผ่านมา แปรปรวนแต่มีพลัง เสียงนี้พูดขึ้นว่า “พวกเจ้าทำอย่างนี้ไม่ได้ อยากได้มรดกของอ๋องเซ่หยิ่ง ก็ต้องผ่านการทดสอบ เช่นนั้นให้ข้ามาเปิดค่ายกลดีกว่า ”

ทุกคน อะไรนะ

ยังไม่ทันได้มีปฏิกิริยาตอบสนองใดๆ ก็ได้ยินเสียงปังดังขึ้น พื้นดินสั่นไหวไปสามครั้ง พื้นผิวที่มุมทั้งสี่ของตำหนักก็หล่นลง ต่อมามีเงาดำสี่คนกระโดดออกมายืนบนพื้น

ทองสำริดแวววาว แข็งแกร่งดุจเหล็กกล้า กรงเล็บแหลมคม รูปร่างแข็งแรงบึกบึน ข้างหลังยังมีหางยาวและหนา เหมือนไทแรนโนซอรัสที่จูนจิ่วเคยเห็นในช่องวิทยาศาสตร์เมื่อชาติที่แล้วมาก แต่นี่ไม่มีชีวิต แต่เป็นไทแรนโนซอรัสที่ทำขึ้นจากทองสำริด แข็งแกร่งมาก ดุร้ายอย่างผิดปกติ

โฮก

มังกรสำริดทั้งสี่ตัวคำรามขึ้นฟ้า พุ่งตัวจากทั้งสี่มุมเข้าไปหาพวกดจูนจิ่ว

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ