บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ นิยาย บท 369

บทที่ 369 สู้กับมังกรสำริด

“ก่อนหน้านี้ล้วนเป็นการทดสอบพื้นฐาน นี่ถึงจะถือว่าเริ่มต้น อยากได้มรดกของอ๋องเซ่หยิ่ง ก็ต้องผ่านด่านนี้ไปก่อน พวกเจ้าจึงจะมีสิทธิ์แข่งขัน ขอให้พวกเจ้าโชคดี”น้ำเสียงแปรปรวนทรงพลัง ได้ยินแล้วก็ฟังออกถึงความเจ้าเล่ห์ที่ซ่อนอยู่

พวกจูนจิ่วมองไปยังมังกรสำริดทั้งสี่ตัวที่กำลังพุ่งเข้ามา ในใจมีคำด่าหยาบคายเป็นหมื่นคำ ไม่รู้ว่าสมควรพูดหรือไม่

ไม่ทันได้สงสัยเรื่องที่หลุมศพของอ๋องเซ่หยิ่งทำไมจึงมีคนอยู่ มังกรสำริดทั้งสี่ตัวก็พุ่งเข้ามาแล้ว พวกเขาได้แต่ต่อต้านอย่างสุดพลัง อย่ามองว่ามังกรสำริดนี้เป็นของตาย ร่างของมันแข็งแกร่งทรงพลังมาก โจมตีอย่างดุดันปะทะอย่างดุเดือด ไม่เห็นพลังทิพย์ในการโจมตีของพวกเขาอยู่ในสายตา ทุบลงไปก็แค่ทำให้พวกมันหัวเอียงส่ายไปมาเท่านั้น

พริบตาเดียวก็ผ่านไปเป็นสิบกระบวนท่า มู่จิ่งหยวนขมวดคิ้วสีหน้าไม่ดี “เจ้ามังกรสำริดนี้ร่างมันแข็งเกินไป พวกเราทำลายเกราะป้องกันไม่ได้ ถ้าพูดถึงพลังยุทธ เจ้ามังกรสำริดนี้อย่างน้อยก็คงต้องเป็นนักจิตระดับแปด ”

ขณะที่พูด ชิงหยู่ก็มองไปทางจูนจิ่ด้วยใจระทึก จูนจิ่วเป็นแค่นักจิตระดับสี่ จะต่อกรได้อย่างไร พอหันหน้าไป ชิงหยู่ก็เห็นจูนจิ่วเบี่ยงตัวหลบอย่างว่องไว ราวกับปล่อยว่าวชักนำมังกรสำริดอยู่ด้านหลังไม่ได้สู้ซึ่งหน้า ชิงหยู่จึงผ่อนลมหายใจได้ ต้องพยายามจัดการตัวที่อยู่ข้างหน้าเพื่อไปช่วยศิษย์น้อง

แต่ว่ายังไม่ทันผ่อนคลายได้เท่าไหร่ ก็ต้องจับแน่นๆแล้วดึงขึ้น มีลูกดอกลับซุ่มโจมตีจากด้านหลัง พุ่งตรงมากลางหลังของจูนจิ่ว ตอนที่เขาเห็น ลูกดอกลับก็พุ่งมาถึงด้านหลังจูนจิ่วในระยะประชิดแล้ว รวดเร็วมาก เขาไม่ทัน

ชิงหยู่ตะโกนขึ้น “ศิษย์น้องระวัง”

จึก

ลูกดอกไม่ได้ยิงถูกจูนจิ่ว เงาสีขาววงหนึ่งแวบผ่านไป ปากของเสี่ยวอู่คาบลูกดอกกระโดดลงที่พื้น อ้าปากคายออกมา

เห็นสีบนลูกดอกที่เป็นอาวุธลับแล้ว ยังมีน้ำลายบางที่คายออกมาเป็นสีเขียว เสี่ยวอู่แบะปากเช็ดปาก ถุยๆๆมีพิษ โชคดีที่มันเป็นเสือขาว มีภูมิคุ้มกันพิษสวะพวกนี้ ไม่เช่นนั้นเหมียวคงต้องขึ้นสวรรค์แล้ว

เงยหน้าขึ้น เสี่ยวอู่ขู่ฟ่อเต็มไปด้วยไอสังหารมองไปยังคนยิงอาวุธลับ เป็นหงยิง

เห็นหงยิงตอนนี้ สภาพน่าอนาถเหมือนหนีจากมหันตภัยกลับมา กระโปรงสีแดงบนตัวนางถูกแผดเผาจนเป็นรูโหว่เต็มไปหมด ยิ่งบิดบังเรือนร่างไว้ไม่อยู่ แต่ว่าผิวหนังก็ถือควันดำรมจนเป็นสีดำ ใบหน้าก็มีรอยกระดำกระด่าง เส้นผมบนหัวยิ่งเลวร้ายไปใหญ่ ถูกเผาจนม้วนเป็นปม หงยิงดูแล้วเหมือนกับเพิ่งจะหนีออกมาจากทะเลเพลิงอย่างไรอย่างนั้น นางจุดไฟเผางู จึงได้ตามมาถึงที่นี่อย่างรวดเร็ว

สายตาเคียดแค้น จ้องมองจูนจิ่วอย่างดุร้าย หงยิงแค้นใจมาก นางไม่เคยมีสภาพอนาถขนาดนี้มาก่อน ตั้งแต่เกิดมาเคยเจอเพียงสามครั้ง สองในสามครั้งเป็นจูนจิ่วที่ประทานให้

จูนจิ่วหันไป แววตาเย็นชามองไปยังหงยิงอย่างไร้ความรู้สึก แล้วนางก็ต้องรีบก้มหน้าลง มองเสี่ยวอู่ที่กำลังคายน้ำลายที่ปนสีออกมา แววตาขรึมลง แตะขากับพื้นกระโดดขึ้น จูนจิ่วบิดเอวยกขาเตะไปที่ด้านข้างของหน้ามังกรสำริด

ขากับทองสำริดปะทะกัน ทำให้เกิดแรงปะทุรุนแรงมังกรสำริดมีรอยบุบเล็กน้อย แต่จูนจิ่วกลับรู้สึกเจ็บและชาไปตั้งแต่ปลายขาจนถึงต้นขา แข็งเกินไป

โฮก

ดึงดูดให้มังกรสำริดคำรามอย่างฉุนเฉียว จูนจิ่วหมุนตัวพุ่งไปทางหงยิงอย่างรวดเร็วปานสายฟ้า นางค่อยๆเผยรอยยิ้มกระหายเลือดขึ้น มังกรสำริดวิ่งตามจูนจิ่วที่อยู่ข้างหน้าและอ้าปากเหมือนจะฉีกทึ้ง แต่ไม่ถูกตัวจูนจิ่วสักหนเดียว เข้าใกล้หงยิงมากขึ้นทุกที

เห็นด้านหลังจูนจิ่วที่ตามมาด้วยมังกรสำริด หงยิงสีหน้าเปลี่ยนไปทันที นางไม่ได้โง่ และก็มีตา เห็นมู่จิ่งหยวนกับฝู้หลิงจ้านพวกเขาต่างก็ถูกมังกรสำริดเล่นงานจนสภาพดูไม่จืด ตัวเองก็อนาถพอแล้ว แอบด่าจูนจิ่วในใจ หงยิงมองจูนจิ่วด้วยสายตาดุดันเคียดแค้นหมุนตัวจะวิ่งหนี

จูนจิ่วยิ้มเย็น “วิ่งทำไม หยุดอยู่ตรงนั้นแหละ”

มีเข็มเงินพุ่งออกจากนิ้วของจูนจิ่ว หงยิงตอบสนองทันควันด้วยการเปิดม่านกั้นออก ดีดเข็มเงินทิ้งไป หงยิงหัวเราะฮ่าๆ “จูนจิ่ว เจ้าก็แค่นักจิตตัวเล็กๆ คิดจะทำร้ายข้า ไร้สาระฝันไปเถอะ”

“จริงหรือ ”จูนจิ่วฮึเสียงเย็น แววตาเย่อหยิ่งเย็นชา แล้วก็มีเข็มเงินพุ่งออกมาจากนิ้วของนาง แต่ละเล่มบินซ้อนกันออกไปยังทิศทางที่เข็มเล่มแรกไป ม่านกันนั้นแข็งแรง แต่ก็มีจุดอ่อนและรอยขาด

ฉิว เข็มเงินเล่มหนึ่งบินเข้าไป

หงยิงไม่ใส่ใจเข็มเงินของจูนจิ่วเลยสักนิดเดียว แค่เข็มเงินเล่มเล็กๆจะทำลายม่านกั้นของนางได้อย่างไร ด้วยเหตุนี้ตอนที่เข็มเงินทะลุเข้ามา หงยิงไม่ทันได้ตั้งตัว เข็มหนึ่งปักเข้าไปเคลื่อนไหวไม่ได้ทันที

ฟิ้ว จูนจิ่ววิ่งผ่านตัวหงยิงไป นางยื่นมือคว้าชายเสื้อของหงยิงเอาไว้ เหวี่ยงแขนโยนหงยิงไปทางมังกรสำริด กำลังของมือนั้นไม่เบาเลย เสื้อผ้าของหงยิงฉีกขาด จากนั้นที่ต้อนรับนางคือกรงเล็บของมังกรสำริดที่ตะปบลงมาจนตัวปลิวออกไป

ฟู่

เลือดสดพุ่งกระจายขึ้นสูง หงยิงร้องอย่างอนาถกลิ้งไปกับพื้น

กรงเล็บแหลมคมของมังกรสำริดนั้นไม่ธรรมดา ตะปบลงไปจนหลังของหงยิงมีรอยเล็บเป็นสามทาง เลือดเนื้อปริแตก สาดกระจายเต็มพื้น หงยิงสลัดเอาเข็มเงินออก พอขยับได้ก็ลงไปกลิ้งเกลือกที่พื้นจนมีรอยเลือดเป็นทาง แล้วยังต้องหลบหลีกฝีเท้าอันตรายของมังกรสำริดที่จะเหยียบลงมา

หงยิง “จูนจิ่ว ข้าจะฆ่าเจ้า”

“หึ มีลูกไม้อะไรก็แสดงออกมาให้หมด ”จูนจิ่วมองหงยิงอย่างเย็นชา มีมังกรสำริดรั้งหงยิงเอาไว้ นางยังเอาตัวเองไม่รอดคงไม่มีแรงจะมาลอบทำร้ายพวกเขาอีก จูนจิ่วหมุนตัววิ่งไปทางชิงหยู่

ด้วยความรวดเร็ว เห็นมังกรสำริดกำลังก้มหน้าจะกัด จูนจิ่วก็โน้มหัวไปด้านหลังล้มลงกับพื้น ถูไปกับพื้นผ่านปากใหญ่อันดุร้ายของมังกรสำริดไป ข้อมือหมุนไป จูนจิ่วกำดาบโยวยิ่งแทงไปตรงข้อต่อของมังกรสำริดจากนั้นก็บิดและดึง

แคว๊ก ปัง ร่างของมังกรสำริดโอนเอนแล้วล้มลงไปกับพื้น

ชิงหยู่เห็นแล้ว รีบหันไปตะโกนกับพวกฝู้หลินจ้านทันที “โจมตีที่ข้อต่อของมังกรสำริด จะได้ผล”

มู่จิ่งหยวน ฝู้หลินจ้านกับฝู้หลินซวงพวกเขารีบทำตามทันที แต่ว่าการโจมตีของพวกเขาเพียงทำให้มังกรสำริดยืนไม่มั่นคงเท่านั้น ไม่เหมือนที่ หันไปมองทางจูนจิ่ว มีสั้นในมือกลับตัดขาข้างหนึ่งของมังกรสำริดออกได้

มองแล้วก็ได้แต่สูดลมหายใจ ทั้งอึ้งทั้งประหลาดใจ มีดสั้นในมือจูนจิ่วเป็นอาวุธเทพอะไรกัน ถึงได้ร้ายกาจเช่นนี้

จูนจิ่วพูดขึ้นว่า “ล่อมังกรสำริดมา พวกท่านถ่วงมันไว้ ข้าจะตัดข้อต่อมัน”จูนจิ่วก็เห็นความแตกต่างของดาบโยวยิ่งกับอาวุธของพวกเขา ของที่โม่อู๋เยว่มอบให้ย่อมต้องไม่เหมือนใครเป็นที่หนึ่งอยู่แล้ว รีบสู้ให้จบไป ขืนยังลากยาวต่อไปคงไม่ดีกับใครทั้งนั้น

เงยหน้าขึ้นก็เห็นพวกฝู้หลินจ้านล่อมังกรสำริดมาสองตัว จูนจิ่วกำดาบแน่นสูดลมหายใจลึก

มังกรสำริดพุ่งเข้ามา ฝู้หลินจ้านกับฝู้หลินซวงร่วมมือกันถ่วงอีกตัวเอาไว้

อีกฝั่งหนึ่งมู่จิ่งหยวนก็ล่อให้อีกตัวออกไปด้านข้าง ในตอนนี้เอง จูนจิ่วได้ไหวตัว อย่างรวดเร็วพุ่งเข้าไป ความเร็วของนางราวกับลม กระโปรงปลิวสะบัดจนเกิดเสียง

โจมตีครั้งที่หนึ่ง ต้องโดน

โจมตีครั้งที่สอง โดนซ้ำๆ

ตัดข้อต่อขาของมังกรสำริดได้ จูนจิ่วไม่หยุดยังคงวิ่งไปยังมังกรสำริดตัวต่อไป นี่ไม่เกี่ยวกับการฝึกฝนของนางเลย แต่เพราะว่ามีเพียงดาบโยวยิ่งในมือนางเท่านั้นที่จะตัดความแข็งแกร่งนี้ได้ ความแข็งแกร่งของทองสำริด

ในที่ลับ บุรุษชุดแดงคนหนึ่งมองจูนจิ่วอย่างอึ้งทึ่ง เขาเบิกตากว้าง “เอ๋ นั่นมันโยวยิ่งนี่ โยวยิ่งอยู่ในมือนาง แล้วดาบคู่ป๋ายเย่ล่ะ เด็กที่ชื่อจูนจิ่วนี้มีความเป็นมาอย่างไรกันแน่”

บุรุษชุดแดงหรี่ตาลง อยากรู้ยิ่งนัก

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ