บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ นิยาย บท 370

บทที่ 370 มังกรยักษ์ไร้เทียมทาน ผู้แพ้ต้องตาย

จัดการกับมังกรสำริดทั้งสามตัวสำเร็จแล้ว ยังเหลือตัวสุดท้าย จูนจิ่วหอบหายใจโน้มตัวลงนิดๆ มือค้ำยันเข่าทั้งคู่เอาไว้ อย่ามองว่าราบรื่นง่ายดาย ที่จริงแล้วเหนื่อยแทบตาย

จูนจิ่วมองไปที่มุมหนึ่งของตำหนักใหญ่นี้ หงยิงคนเดียวกำลังถูกมังกรสำริดไล่ล่าอย่างน่าอเนจอนาถ ไม่มีเวลามาหาเรื่องพวกเขา หลายครั้งยังเกือบจะถูกมังกรสำริดกัดเข้าให้ หงยิงคนเดียวไม่สามารถจัดการได้ ถูกกักไว้ตรงนั้น

สายตาเต็มไปด้วยไอสังหาร จูนจิ่วเอ่ยขึ้น “ไม่รู้ว่ายังมีมังกรสำริดอีกเท่าไหร่ ที่นี่ไม่ควรอยู่นาน อย่าสนใจอีกเลยรีบไปกันเถอะ”

มังกรสำริดสามตัวแม้จะถูกตัดขาแล้ว ยืนไม่ได้ แต่ยังคงมีพลังต่อสู้อยู่ หมอบอยู่กับพื้นบิดตัวเคลื่อนไหวดุจแมลง และอ้าปากจะงับพวกเขา อีกอย่างจูนจิ่วมีลางสังหรณ์ เรื่องวุ่นวายยังไม่ได้รับการแก้ไข หัวใจเต้นโครมคราม เตือนนางให้รีบออกจากที่นี่ จูนจิ่วกับชิงหยู่ พวกมู่จิ่งหยวนต่างสบตากัน ตอนนี้ตัดสินใจออกจากที่นี่ก่อน เห็นพวกเขาตัดสินใจแล้ว บุรุษชุดแดงก็ส่ายหน้ายิ้มอย่างเก็บอาการ“อย่างนี้ไม่ได้ ไม่ผ่านด่านจะไปไหนไม่ได้ ”เห็นเพียงเขายื่นมือออกไป ปลายนิ้วมีพลังสีแดงบินหมุนเวียนอยู่

เขาเตะปลายนิ้วเบาๆ มังกรสำริดถามตัวที่ถูกตัดขาก็แยกร่างเป็นชิ้นส่วนสำริดต่างๆ จากนั้นก็รวมกันเป็นก้อนเดียว เริ่มจากส่วนขา ไม่ช้ามังกรยักษ์สำริดที่น่ากลัวก็ค่อยๆก่อตัวขึ้น

เห็นดังนี้ ทุกคนสีหน้าก็เปลี่ยนไป “รีบไป”

พวกใช้ความเร็วที่สุดเท่าที่ทำได้ แต่ใครจะไปรู้ว่ารอบๆตำหนักนั้นมีม่านกั้นกันอยู่ ทำให้พวกเขาติดอยู่ในนั้น บุรุษชุดแดงเอ่ยขึ้น แต่เป็นน้ำเสียงแปรปรวนล่องลอย เขาพูดว่า “ไม่ผ่านด่านก็ถือว่าแพ้ ผู้แพ้ต้องตาย”

จูนจิ่วก่นด่าในใจ นิ้วมือขยับโยวยิ่งก็เปลี่ยนเป็นป๋ายเยว่

เงยหน้าขึ้น ต้องแหงนคอหกสิบองศาจึงจะมองเห็นเจ้ามังกรสำริดที่ใหญ่โตจนน่ากลัวได้ หรือควรจะเรียกมันว่ามักรยักษ์สำริด

ตอนนี้พวกเขาเข้าใจแล้วว่าทำไมตำหนักนี้ถึงต้องสร้างเอาไว้อย่างใหญ่โต เปิดโล่งและไม่สิ่งใดเลย ที่แท้ตำหนักนี้ก็สร้างขึ้นเพื่อเป็นลานต่อสู้ของเจ้ามังกรยักษ์สำริดโดยเฉพาะ นี่เป็นสนามรบของมัน พวกจูนจิ่วเป็นเหยื่อของมัน

สูดหายใจเข้าลึก จูนจิ่วพูดว่า “โจมตีพร้อมกัน ”

“ศิษย์น้องจูนเจ้าคอยช่วยเหลือพวกเราอยู่ด้านหลัง เพื่อสู้กับเจ้ามังกรยักษ์สำริด ให้พวกข้าคอยนำหน้าก็พอ”มู่จิ่งหยวนตะโกนบอกจูนจิ่ว เขาไหวตัวอย่างรวดเร็วไปยังมังกรยักษ์สำริด พลังของมังกรยักษ์สำริดนี้ เพิ่มขึ้นเป็นหลายเท่าตัวของมังกรสำริดสามตัวนั้น น่ากลัวมาก จูนจิ่วเป็นแค่นักจิตชั้นสามจะต่อกรได้อย่างไร อีกอย่างพวกเขาเป็นถึงบุรุษทั้งกลุ่ม จะปล่อยให้หญิงสาวไปเสี่ยงอันตรายคนเดียวได้อย่างไร ฉะนั้นมู่จิ่งหยวน ฝู้หลินจ้านกับฝู้หลินซวงจึงได้ทิ้งนางไว้ด้านหลัง

จูนจิ่วยังไม่ทันก้าวเท้า ข้างหน้าก็มีชิงหยู่เข้ามายืนขวางมองจ้องนางอย่างจริงจัง “ศิษย์น้องช่วยพวกเราอยู่ห่างๆก็พอ เจ้าไม่ต้องไปลงมือเอง”

เสี่ยวอู่ก็กอดขาของจูนจิ่วเอาไว้ “เหมียว เจ้านายอย่าไปเลย”

มังกรยักษ์แข็งแกร่งเกินไป ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของจูนจิ่วเลย จูนจิ่วยังตัวใหญ่ไม่เท่านิ้วของเจ้ามังกรยักษ์สำริดเลย คิดอยากจะตัดข้อต่อของมักกรยักษ์สำริดคงเป็นไปไม่ได้ จูนจิ่วไม่คัดค้าน นางพยักหน้า “ได้”

“จำไว้นะ ศิษย์น้องเจ้าสัญญากับข้าแล้วนะ”ชิงหยู่มองจูนจิ่วอยู่นาน ค่อยหมุนตัวพุ่งไปช่วยพวกมู่จิ่งหยวน

ทั้งสี่คนร่วมมือกัน นักจิตใหญ่สามคน นักจิตชั้นแปดหนึ่งคน

จูนจิ่วเงยหน้า เห็นเพียงพวกเขาที่อยู่ตรงหน้ามังกรยักษ์สำริดช่างตัวเล็กกระจิริดเสียจริง คิดจะฆ่ามังกรยักษ์สำริดนั้นแทบเป็นไปไม่ได้เลย ทั้งสี่คนหลบหลีกอย่างน่าอนาถ พยายามควบคุมมังกรยักษ์สำริด คนที่ว่างก็ใช้พลังทั้งร่างในการโจมตี แต่ก็ไม่สามารถทำลายเกราะป้องกันของมังกรยักษ์สำริดได้

เสี่ยวอู่เห็นก็จุ๊ปาก “หนังมันแข็งจริงๆ”

จูนจิ่วพยักหน้าไม่ตอบเสี่ยวอู่ แม้นางจะไม่ได้เข้าไปต่อสู้ด้วยตนเอง แต่ก็ไม่ยืนเฉยจนการต่อสู้สิ้นสุด จูนจิ่วจ้องมังกรยักษ์สำริดด้วยสายตาเย็นชา ค่อยๆวิเคราะห์ทุกส่วนตั้งแต่หวัจรดเท้า พยายามหาจุดอ่อนของมังกรยักษ์สำริด

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ