บทที่ 371 ปล่อยมือ ข้าจะรับเจ้าเอง
ปัง
เสียงดังลั่น ดังจนสะเทือนเลือนลั่นไปหมด ในหูมีเสียงอื้ออึงเกิดขึ้น ตรงหน้ากลายเป็นสีดำ ทุกคนต่างพยายามเบิกตากว้าง รีบหันไปตะโกนเรียจูนจิ่วด้วยความร้อนใจ
เห็นเพียงมังกรยักษ์สำริดที่ชนเข้ากับเสาหินที่แข็งแรงจนเกิดเป็นหลุม มันส่ายหัวไปมาราวกับไม่ได้รับผลกระทบอะไรและถอยออกมา คำราม มังกรยักษ์สำริดได้ใจยิ่งนัก ที่อยู่บนหัวคงถูกชนเละเป็นโจ๊กเนื้อไปแล้ว แต่แล้ว ทุกคนก็ต้องสูดลมหายใจเข้า
บนหัวของมังกรยักษ์สำริด มีม่านกำบังกึ่งใสปรากฏ จูนจิ่วยืนอยู่ระหว่างม่านกั้นนั้น มือหนึ่งถือดาบป๋ายเย่เสียบไว้บนเขาของมังกรยักษ์สำริด อีกมือก็กำกระดิ่งเงินไว้แน่น โม่อู๋เยว่เคยบอกนางว่า กระดิ่งเงินสามารถปกป้องนางได้ ตอนเขาอยู่ เขาจะเป็นคนกระตุ้นกระดิ่งเงิน ตอนที่เขาไม่อยู่ ต้องจับกระดิ่งเงินเองม่านกั้นจึงจะเปิดออก
จูนจิ่วไม่สงสัยในพลังของโม่อู๋เยว่เลยแม้แต่น้อยเพราะต้องเหนือกว่ามังกรยักษ์สำริดแน่นอน ฉะนั้นนางจึงไม่หลบ “อะแฮ่ม”มุมปากของจูนจิ่วมีเลือดซึมออกมาเล็กน้อย การพุ่งชนเมื่อครู่ทำให้นางได้รับผลกระทบจากการกระแทกเล็กน้อย กดเลือดลมที่หมุนวนอยู่ในอก จูนจิ่วคลายมือออกไปเกี่ยวกับเขาบนหัวของมังกรยักษ์สำริดเอาไว้
นางตะโกนอย่างดุเดือด“ยังยืนบื้อทำไม ควักลูกตามัน เร็วเข้า”
ฝู้หลินซางกับมู่จิ่งหยวนจึงรีบเก็บอาการตะลึง รีบเคลื่อนตัวอย่างว่องไวไปช่วยจูนจิ่ว ชิงหยู่กับฝู้หลินจ้านต่างก็ประคองกันลุกขึ้นมา พวกเขาก็อยากจะช่วยแต่ก็กะโผลกกะเผลก ไม่รู้ว่าจะเดินไปถึงเมื่อไหร่
ฝู้หลินจ้านสบถด่าในใจดึงชิงหยู่เอาไว้ เขาเอ่ยว่า “พวกเราอย่าไปเลย ไปก็รังแต่จะเป็นภาระเสียเปล่า ”
“แต่ว่าศิษย์น้อง ”ชิงหยู่จิตใจร้อนรุ่มดุจไฟเผา
เงยหน้ามองจูนจิ่วที่ยืนอยู่บนหัวของมังกรยักษ์สำริด มังกรยักษ์สำริดใหญ่เกินไป เทียบกับจูนจิ่วแล้วเล็กจนน่าสงสาร สูดลมหายใจเข้าลึกๆ ฝู้หลินจ้านกัดฟันลากตัวชิงหยู่เอาไว้
เขาพูดว่า “จูนจิ่วฉลาดขนาดนั้น นางเป็นถึงหมอเทวดาจูนจิ่ว พาสำนักเทียนอู่จงของเจ้าทำลายสำนักตันจง กลับแพ้เป็นชนะ นางไม่ใช่คนโง่ นางรู้ดีว่าตัวเองกำลังทำอะไร ”
ฉะนั้น แทนที่จะเป็นห่วงจูนจิ่ว ไม่สู้มองดูตัวเองก่อน อย่าไปเป็นภาระดีกว่า
เกรงว่าพวกเขาจะไม่มีใครเข้าใจเลย จูนจิ่วนั้นก็แค่นักจิตระดับสามตัวเล็กๆ ไม่สิ นางเพิ่งจะเผยพลังที่แท้จริงตอนที่ปะทะกับมังกรยักษ์สำริด นางขึ้นเป็นระดับสี่แล้ว แต่นั่นก็ไม่ได้ดีขึ้นสักเท่าไหร่
นักจิตชั้นสี่คนหนึ่ง แต่กลับสู้ตายเหมือนกับนักจิตใหญ่อย่างพวกเขา หรือว่านางจะไม่รู้จักเจียมตัว ไม่รู้ว่าตัวเองมีพลังมากแค่ไหนหรือไงกัน ระหว่างบ่น พึมพำระคนตกใจ ฝู้หลินจ้านก็ยังอดไม่ได้ที่จะชื่นชม เพราะถ้าหากเขาเป็นจูนจิ่ว เขาคงไม่มีความกล้าที่จะวิ่งเข้าหาความตาย
จูนจิ่ว เจ้ามั่นใจจริงๆหรือ
“พวกเราถอย ศิษย์น้องเจ้าต้องระวังตัวเองดีๆนะ”ชิงหยู่ถูกฝู้หลินจ้านกล่อมสำเร็จ เขาถอยไปอยู่ในจุดที่ปลอดภัย
เงยหน้าขึ้น หัวของมังกรยักษ์สำริดมีเขาใหญ่เท่ากับเกล็ดหนาสามแถว จูนจิ่วจับอย่างมั่นคงแล้วปีนขึ้นไป พยายามเข้าใกล้ดวงตาของมังกรยักษ์สำริดให้มากที่สุด มังกรยักษ์สำริดยังคงคิดจะใช้วิธีการเดิมเพื่อพุ่งชนจูนจิ่ว ตอนนี้เองมู่จิ่งหยวนกับฝู้หลินซวงพุ่งตัวเข้ามา รั้งตัวมังกรยักษ์สำริดไว้สำเร็จ
ค่อยๆเข้าใกล้ จุนจิ่วมองแล้วก็อยู่ไม่ไกลจากเท้าของตัวเองนัก ดวงตาของมังกรยักษ์ข้างขวา นางสูดลมหายใจเข้าลึกๆ มือซ้ายหยิบเอาดาบโยวยิ่งเสียบไปที่เกล็ดของมังกรยักษ์สำริด มือขวากำดาบป๋ายเย่ไว้แน่น จูนจิ่วลองสำรวจที่ดวงตาของมังกรยักษ์สำริด
ยังห่างอีกนิดเดียว
นางค่อยๆลงไป จิกปลายเท้าลงไปจึงจะยืนอยู่บนรอยต่อระหว่างเกล็ดของมังกรยักษ์สำริดได้ ใช้โยวยิ่งเป็นหลักยึดให้ตัวเองมั่นคง
ฝู้หลินซวงกับมู่จิ่งหยวนคอยหลอกล่ออยู่ข้างหน้า มองการเคลื่อนไหวของจูนจิ่วในระยะใกล้ ในใจมีเหงื่อเย็นผุดขึ้น นี่จูนจิ่วกำลังเสี่ยงอันตรายอย่างมาก หากพลาดเพียงนิดเดียวก็ต้องตายอยู่ในปากของมังกรยักษ์สำริด
บุรุษชุดแดงเห็นดังนี้ ริมฝีปากหยักขึ้นจากรอยยิ้มที่มีเลศนัยก็ปรากฏเป็นรอยยิ้มที่ชัดเจนขึ้น เขาพูดว่า “กล้าดี”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ
หนังสือยังไม่จบ ไม่อัปต่อแล้วเรอค่ะ...