สรุปตอน บทที่ 372 วิชาแพทย์ไร้เทียมทาน – จากเรื่อง บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ โดย ต้าวเมียวเมียว
ตอน บทที่ 372 วิชาแพทย์ไร้เทียมทาน ของนิยายโรแมนซ์เรื่องดัง บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ โดยนักเขียน ต้าวเมียวเมียว เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง
บทที่ 372 วิชาแพทย์ไร้เทียมทาน
วินาทีนั้น จูนจิ่วนึกว่าโม่อู๋เยว่กลับมาแล้ว แต่พอตกลงไปอยู่ในอ้อมแขนที่แสนจะเยือกเย็นนั้น จูนจิ่วเงยหน้าขึ้นมองเห็นเป็นฝู้หลินซวง เขากับฝู้หลินซวงหน้าตาเหมือนกันยิ่งนัก แต่กลับให้อารมณ์ที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
เย็นชาดุจน้ำแข็ง ไร้อารมณ์ดุจประติมากรรมน้ำแข็ง ตอนที่ก้มหน้ามองนาง ขมวดคิ้วเล็กน้อย
“เจ้าบาดเจ็บหนักมาก”
“ศิษย์น้อง”
“ศิษย์น้องจูน”
“จูนจิ่ว”
ทุกคนวิ่งเข้ามา เห็นร่างของจูนจิ่วที่เต็มไปด้วยเลือดก็ตกใจจนสูดลมหายใจ จูนจิ่วสวมชุดของลูกศิษย์สำนักศึกษาไท่ชู สีอ่อนๆนั้นถูกย้อมจนเป็นสีแดงเลือด บาดแผลที่นางได้รับ หนักหนากว่าของพวกเขารวมกันเสียอีก
ชิงหยู่อ้าปาก น้ำตารื้น “ศิษย์น้องเจ้าเจ็บหรือไม่ ถ้าเจ็บก็กัดข้า อย่างนี้เจ้าจะได้สบายหน่อย”
จูนจิ่ว“……ท่านโง่หรือเปล่า โอ๊ย ประคองข้านั่งที”
“ศิษย์น้องจูน หลังเจ้ามีบาดแผล ไม่สามารถนั่งได้”มู่จิ่งหยวนขมวดคิ้วมองจูนจิ่ว พลางก็ล้วงมือเข้าไปหยิบเอายาออกมาจากแขนเสื้อดูสิว่าขวดไหนจะมีผลดีที่สุด เห็นปฏิกิริยาของพวกเขา จูนจิ่วก็ได้แต่ลงมือเอง
แต่พอลุกขึ้น ก็มีมือหนึ่งจับที่แขนของนางประคองนางขึ้น เงยหน้าขึ้นมอง จูนจิ่วประสานเข้ากับสายตาของฝู้หลินซวงอีกครั้ง เขาเอ่ยเสียงเย็น “ข้าช่วยอะไรได้บ้าง”
“ผงยานี้โรยไปที่หลังข้าทั้งหมด ถ้าเสื้อผ้าเป็นปัญหา ก็ฉีกออกได้เลย”ฝู้หลินซวงรับขวดยาไปนิ้วมือแข็งไปชั่วครู่ เขารับมาอย่างนิ่งขรึม ยื่นมือไปฉีกเสื้อด้านหลังของจูนจิ่ว เจ็บจนจูนจิ่วตัวสั่นสะท้าน แต่นางก็อดกลั้นเอาไว้
ผงยาถูกโรยไปที่หลัง ความเจ็บทวีคูณขึ้น
จูนจิ่วไม่สนใจพวกชิงหยู่ที่กำลังคุยกัน นางยื่นมือหยิบเอายาสองเม็ดออกมากิน รำคาญจึงได้เอ่ยขึ้นว่า “หุบปาก”
ทุกคนจึงเงียบลง เห็นจูนจิ่วกินยาแล้วหลับตานั่งขัดสมาธิ ด้านหลังฝู้หลินซวงช่วยโรยผงยาจนขาวโพลนไปทั่ว หยุดเลือดไว้แล้ว นี่จูนจิ่วกำลังรักษาบาดแผล มู่จิ่งหยวนเพิ่งจะนึกได้ว่าจูนจิ่วเป็นหมอเทวดา นางไม่ขาดเหลือเรื่องยา จึงได้เก็บยาของตนเอง
ชิงหยู่พูด “พวกเราอย่างรบกวนศิษย์น้องรักษาบาดแผล ป้องกันอย่าให้คนอื่นเข้าใกล้จะดีกว่า ”
อย่าลืมล่ะ ว่าหงยิงก็ยังอยู่ที่นี่
นึกถึงนางก็เงยหน้าขึ้นมอง ที่เห็นก่อนก็คือร่างอันมหึมาของมังกรยักษ์สำริดที่ล้มอยู่ ในปากของเสี่ยวอู่คาบดวงตาข้างหนึ่งของมังกรยักษ์สำริดเอาไว้ ที่เท้าของมันยังมีอีกดวงที่กำลังใช้กรงเล็กตะกายไปข้างหลัง มันรู้ว่าจูนจิ่วกำลังรักษาตัวเองอย่างไร้แรงกดดัน ฉะนั้นมันจึงวิ่งไปหาดวงตาอย่างไร้กังวล
มองผ่านพวกมันไป จึงเห็นหงยิง อีกฝั่งของตำหนักไม่เพียงหงยิงคนเดียว ยังมีพวกหยุนหนีพวกเขาที่เร่งเข้ามาช่วยหงยิงจนเอาชนะมังกรสำริดได้สำเร็จ
“เหมียว”
ไม่นานเสี่ยวอู่ก็กลับมาอยู่ข้างกายจูนจิ่ว มันขยับเอาดวงตาของมังกรยักษ์สำริดไปวางไว้ใกล้ขาของจูนจิ่ว จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นเลียที่หลังมือของจูนจิ่ว ชิงหยู่เห็นก็เอ่ยขึ้นว่า “เสี่ยวอู่ อย่ารบกวนศิษย์น้อง”
“ไม่เป็นไร”จูนจิ่วลืมตาขึ้น ยกมือขึ้นลูบหัวเสี่ยวอู่ “ทำได้ดีมาก”
“เหมียว”เสี่ยวอู่ขยับหัวไปมาอยู่ในมือของจูนจิ่วอย่างเชื่อฟังและภูมิใจ มันรู้ว่าจูนจิ่วต้องการดวงตาของมังกรยักษ์สำริด
ตอนนี้เอง ทุกคนจึงสังเกตเห็นว่าจากสีหน้าขาวซีดของจูนจิ่วตอนนี้ได้กลับมาแดงระเรื่ออีกครั้ง ปากบางแสนสวยนั้น ก็แดงราวกับเชอรี่ ผงยาสีขาวที่หลังก็ถูกดูดซึมเข้าไปแล้ว เผยให้เห็นแผ่นหลังเปลือยเปล่าที่มีรอยบาดแผลที่สมานแล้ว พลังของการฟื้นฟูนี้ ทำเอาคนดูรู้สึกอึ้ง
งู หนึ่งด่านก็คือตำหนักมังกรที่อยู่ในตอนนี้ พวกเจ้ามียี่สิบหกคนผ่านด่าน จากนี้ยังมีอีกสามด่าน คนที่ผ่านด่านทั้งหมดได้ จึงจะมีโอกาสได้รับมรดกของอ๋องเซ่หยิ่ง ”น้ำเสียงกังวาน ล่องลอยระคนกับความประหลาดใจและชั่วร้ายอยู่หลายส่วน
จูนจิ่วฟังออก ฟังเผินๆเหมือนจะบอกว่าพวกเขาผ่านด่านอะไรบ้าง แต่แท้จริงแล้วน้ำเสียงของเขาเหมือนจะวางตัวไว้นอกเรื่อง แค่มองพวกเขาเล่นเกมผ่านด่านเท่านั้น ไอชั่วร้าย อึมครึมมาก
ญาณสุสานเช่นนี้ เห็นทีทางข้างหน้าของพวกเขาจะยากเสียแล้ว
บุรุษชุดแดงกวาดมองไปยังก้อนหินรูปข้าวหลามตัดที่อยู่ในมือจูนจิ่ว เขากลอกตาไปมา ยิ้มร้ายกาจและพูดต่อด้วยน้ำเสียงแปรปรวน ว่า “พวกเจ้ายังยืนนิ่งทำไม ถ้าอยากได้มรดกของอ๋องเซ่หยิ่ง ก็รีบผ่านด่านเร็วเข้า เวลาไม่คอยท่าแล้ว”
หงยิงมีปฏิกิริยาก่อนใครเพื่อน นางสะบัดมือออกกำเส้ยาวเอาไว้พุ่งออกไปนอกตำหนักมังกร คนที่มาทีหลังต่างยืนอยู่ฝั่งนาง รวมถึงหยุนหนีด้วย
คนที่รู้สถานะที่แท้จริงของหยุนหนีอย่างจูนจิ่วกับชิงหยู่นั้นไม่ประหลาดใจเลย แต่พวกมู่จิ่งหยวนกลับขมวดคิ้วไม่เข้าใจ
“แล้ว”จี้อีหมิงเอ่ยเบาๆ “พวกเราไม่ไปหรือ”
เจ้าอ้วนถูกมังกรสำริดเตะจนสลบไปตั้งแต่เริ่มต้น ตอนนี้ตื่นมาผ่านด่านแล้ว สามารถพูดได้ว่าโชคดีอย่างหาที่สุดไม่ได้แล้ว ฝู้หลินจ้านขมวดคิ้วมองเขา “เสี่ยวหมิง นี่แค่ด่านทดสอบแรก หลังจากนี้ไม่รู้ว่าจะอันตรายแค่ไหน พลังของเจ้า องรักษ์ของเจ้าก็ไม่ได้เข้ามาด้วย เสี่ยวหมิงเจ้าอย่าเข้าไปเลย ออกไปรอพวกเราดีกว่า ”
จี้อีหมิงเบ้ปาก เห็นได้ชัดว่าไม่อยากออกไป
ตอนนี้เองจูนจิ่วก็เอ่ยขึ้นว่า “เขาอยากร่วมด้วยก็ให้เขาไป โชคชะตาก็เป็นส่วนหนึ่งของพลัง”
ใบหน้าของจี้อีหมิงเพิ่งจะเผยรอยยิ้มสดใสประจบสอพลอ ก็ได้ยินคำพูดต่อไปของจูนจิ่วที่พูดด้วยเสียงเยือกเย็นว่า “ขอเพียงเขาเตรียมใจที่จะละทิ้งชีวิตไว้แล้วก็พอ”
จี้อีหมิงที่ขี้ขลาดดับไฟที่ลุกโชนในใจลงอย่างรวดเร็ว กลัวมาก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ
หนังสือยังไม่จบ ไม่อัปต่อแล้วเรอค่ะ...