บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ นิยาย บท 373

บทที่ 373 เทวีประลองหมากรุก คนเหมือนไก่อ่อน

จี้อีหมิงที่ขี้ขลาด มองจูนจิ่วอย่างน่าสงสาร “แต่ว่าถ้าข้ากลับไป ตรงประตูหินไม่มีทางให้เดินแล้ว ข้าก็ออกไปไม่ได้อยู่ดี”

“หากเจ้าจะถอนตัว ข้าจะส่งเจ้าออกไปเอง”เสียงกังวานล่องลอยนั้นดังขึ้นอีกครั้ง ทำเอาฝู้หลินจ้านพวกเขาตกใจจนระแวง มีเพียงจูนจิ่วที่อุ้มเสี่ยวอู่เอาไว้ลูบก้นไปมา ญาณสุสานนี้ช่างโรคจิต แอบฟังอยู่ด้วย

ตอนนี้จี้อีหมิงได้แต่ถอนตัวไปก่อน ใช้สายตาส่งเขาออกจากตำหนักมังกร ชิงหยู่แสร้งทำเป็นเอาห่อผ้าที่แบกไว้ให้จูนจิ่วไปเปลี่ยนเสื้อผ้า จูนจิ่วถือห่อผ้าที่ทั้งเบาทั้งว่างเปล่าเดินไปหลังเสา นางยื่นมือเข้าไปในช่องว่างของกำไลข้อมือหยิบชุดสีแดงออกมา สีแดงดูดเลือด ครั้งหน้าหากได้รับบาดเจ็บจะได้ไม่เป็นที่สังเกตเช่นนี้

ตอนที่จูนจิ่วเปลี่ยนเสื้อผ้า ชิงหยู่ก็จ้องพวกฝู้หลินจ้านเอาไว้ ไม่ให้ใครได้ขยับศีรษะแม้แต่องศาเดียว รอจนจูนจิ่วเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้วเดินออกมาพวกเขาจึงไปต่อยังด่านต่อไป

ระหว่างทางฝู้หลินจ้านยังขอยาอีกหลายเม็ดกับจูนจิ่ว แม้ว่าพวกเขาเองก็มีเตรียมไว้ติดตัวตลอด แต่เมื่อครู่ที่ตำหนักมังกรได้เห็นผลหลังจากใช้ยาของจูนจิ่ว มันห่างไกลจากยาที่พวกเขามีอยู่มากนัก ใครกันจะไม่อยากได้ยาของหมอเทวดาจูนจิ่ว

จูนจิ่วมอบยาให้พวกเขาโดยไม่เหมือนกันคนละสองขวดอย่างเต็มใจ ขวดหนึ่งรักษาบาดแผล อีกขวดใช้ฟื้นฟูพลังทิพย์

เอ่ยขอบคุณแล้วก็เดินหน้าต่อ ฝู้หลินจ้านยังกังวลว่าหงยิงจะไปถึงก่อน

แต่ปรากฏว่าหลังจากรอให้ถึงด่านแรกของสุสานอ๋องเซ่หยิ่งเริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ ฝู้หลินจ้านก็ต้องหัวเราะฮ่าๆ กลุ่มคนที่ยืนอยู่ข้างหน้าพวกเขา ท่าทางจนใจทั้งโมโหทั้งแค้น ที่แท้ด่านแรกอย่างเป็นทางการนั้น ต้องรอทุกคนมากันจนครบจึงจะเริ่มได้

หงยิงสีหน้าชั่วร้าย เอ่ยด้วยเสียงเยาะเย้ย “พวกเจ้าขาหักเดินไม่ไหวแล้วหรืออย่างไร”

“ชิ หรือว่าใครบางคนใจร้อนเกินไป จุ๊ๆ ใจร้อนก็กินเต้าหู้ร้อนไม่ได้เหตุผลง่ายๆแค่นี้เด็กสามขวบก็รู้ เห็นทีพวกเจ้ายังเทียบกับเด็กสามขวบไม่ได้ พวกเจ้าว่าถูกหรือไม่ ”ฝู้หลินจ้านปากจัดขึ้นมาก็ไม่แพ้ใคร เขาหันไปยักคิ้วหลิ่วตากับพวกจูนจิ่ว แสดงให้เห็นว่าตอกกลับหงยิงสำเร็จ

หงยิงถูกทำให้โมโหจนเกือบจะทนไม่ไหว แต่นางก็ไม่ได้ค่าตอบฝู้หลินจ้าน เพียงแต่มองพวกเขาด้วยสายตาชั่วร้ายเท่านั้น โดยเฉพาะตอนที่มองไปยังจูนจิ่วร้ายกาจดุจคมมีด

ชั่วร้ายดุจพิษ

ทุกคนมากันครบแล้ว พื้นด้านหน้าที่เป็นเหมือนกับกระดานหมากรุกก็มีแสงเปล่งประกายขึ้น น้ำเสียงกังวานล่องลอยดังขึ้นข้างหู “หนึ่งคนยืนหนึ่งช่อง”

ได้ยินก็รู้สึกมึนงง ทุกคนต่างมองหน้ากัน หนึ่งคนยืนหนึ่งช่อง นี่หมายความว่าไง เสี่ยวอู่ยืนอยู่บนไหล่ของจูนจิ่ว นางเดินไปยืนอยู่บนกระดานหมากรุก เห็นนางเคลื่อนไหว หงยิงก็รีบเดินตามขึ้นไปไม่เผยให้เห็นถึงความกลัวหรือท่าทีที่จะแพ้ให้กับจูนจิ่วเลยสักนิด จากนั้น ทุกคนก็เดินขึ้นไปยืนกันคนละช่องบนกระดานหมากรุก

เสียงนั้นส่งออกมาอีกครั้ง “มีคนถอนตัวหนึ่งคน คนที่ยืนอยู่บนเวทีประลองหมากรุกมีทั้งหมดยี่สิบห้าคน ”

เวทีประลองหมากรุก

การถอนตัวของจี้อีหมิงไม่ได้ดึงดูดความสนใจของทุกคนนัก แต่ที่ดึงดูดคือคำพูดที่ว่าเวทีประลองหมากรุกในเสียงที่ส่งมา นี่เป็นเวทีประลอง

ปัง

แผ่นดินใต้ฝ่าเท้าสั่นสะเทือน ทุกคนต่างตกใจ จูนจิ่วขมวดคิ้วเบาๆมองไปที่ด้านล่างของเท้า เห็นเพียงช่องบนพื้นที่มีขนาดหนึ่งเมตรสามสิบเซนติเมตรไม่ขยับเขยื้อน ช่องว่างอื่นๆที่ไม่มีคนยืนอยู่ต่างก็ตกลงไปจนหมด จากนั้นช่องของพวกเขาก็เริ่มขยับ ยกสูงขึ้นสามช่วง

“ยี่สิบห้าคน รวมทั้งสิ้นสิบสองเวทีประลอง จะมีหนึ่งคนไม่ต้องประลองแต่ผ่านด่านได้ คู่ต่อสู้ของพวกเขาจะเป็นการสุ่มเลือก สู้ชนะหรือฆ่าอีกฝ่ายได้ พวกเจ้าจึงจะผ่านด่านเวทีประลองหมากรุกได้ อ๋อใช่แล้ว พวกเจ้ามีเวลาหนึ่งก้านธูปเท่านั้น ”

เห็นได้ชัดว่าน้ำเสียงนั้นแปรปรวน แต่ก็มีความโรคจิตคิดร้ายแฝงอยู่ เขาพูดอีกว่า “หากว่าเวลาหนึ่งก้านธูปยังหาผู้ชนะไม่ได้ เช่นนั้นก็ต้องออกไปทั้งสองคน เริ่มณบัดนี้ ”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ