บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ นิยาย บท 377

บทที่ 377 เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์เจ้าลองดู

ไม่เพียงแต่ฝู้หลินจ้าน พวกเขาต่างก็รำคาญหงยิง แต่ก่อนตอนที่ยังไม่รู้ ทุกคนต่างก็เป็นศิษย์เอกของเจ้าสำนักแห่งสำนักศึกษาทั้งสาม ความสัมพันธ์นับว่าไม่เลว ภายหลังมารู้ว่าหงยิงเป็นคนที่ใช้ทุกวิถีทางอย่างไม่รู้ผิดชอบชั่วดี และเป็นเพชฌฆาตหญิงที่โหดเหี้ยมอำมหิต จึงได้ตัดขาดการติดต่อกัน

หากเปลี่ยนเป็นสำนักศึกษาจื่อเซียวกับไท่ชู ถ้าพวกเขากล้าเลียนแบบหงยิงคงถูกตีขาหักไปนานแล้ว แต่หงยิง ได้รับความเอ็นดูจากเจ้าสำนักเทียนซู พูดได้เลยว่าคนที่ถูกนางทรมานนั้นก็สมควรได้รับทุกคน

ตลอดทางฝู้หลินจ้านได้สาธยายความชั่วร้ายของหงยิงให้ชิงหยู่กับจูนจิ่วฟัง เงยหน้ามองเห็นหงยิง ฝู้หลินจ้านจึงหยุดพูด แล้วจดจ่อไปที่ด่านสุดท้าย “เอ๋ นี่มันแท่นบูชาหรือ”

จูนจิ่วก็เงยหน้ามองไป

ตรงหน้าของพวกเขา มีแท่นบูชาที่มีแท่นสี่เหลี่ยมจัตุรัสซ้อนกันสามชั้นวางอยู่ตรงกลาง

ตอนที่พวกเขามาถึง หงยิงพวกเขากำลังเดินไปมารอบๆแท่นบูชานี้เพื่อวิเคราะห์ แท่นบูชานี้ใช่ด่านสุดท้ายหรือไม่

พอคิดถึงด่านแท่นบูชา ในใจของทุกคนก็มีความคิดเดียวกัน นั่นก็คือการบูชายัญ

ตอนที่ทุกคนต่างยืนอยู่ตรงหน้าแท่นบูชา เสียงกังวานดังขึ้น “นี่ก็คือด่านสุดท้าย บูชาเลือด มีเพียงผู้บูชาเลือดคนเดียวเท่านั้น จึงจะสามารถเปิดประตูด้านล่างแท่นบูชาเพื่อเข้าสู่ใจกลางแห่งสุสานอ๋องเซ่หยิ่ง เพื่อรับมรดก”

ทุกคนใจกระตุกวูบ แล้วก็ได้ยินเสียงพูดขึ้นว่า “มรดกมีเพียงหนึ่งเดียว ไปถึงก่อนก็ได้ก่อน เหอะ ทั้งสิบคน พวกเจ้าทุกคนต่างมีโอกาสเพียงหนึ่งครั้งที่จะได้เข้าสู่ใจกลางสุสาน ”ตอนนี้เอง น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยแววชั่วร้ายก็เปิดเผยออกมา

สิบคน มีโอกาสคนละครั้ง

ถ้าอย่างนั้นคงต้องฆ่าอีกฝ่าย ต่างฆ่าฟันกัน สุดท้ายเหลือห้าคนจึงจะสามารถช่วงชิงโอกาสที่ว่าได้จริงๆ และสุดท้ายมรดกจะตกเป็นของคนคนเดียว น้ำเสียงนี้กำลังกระตุ้นให้พวกเขาเข่นฆ่ากันเอง ในใจของพวกเขาเข้าใจในความจริงที่โหดร้ายนี้ดี เงยหน้าขึ้นสีหน้าของทุกคนไม่เหมือนกันเลย

ลูกศิษย์สามคนนั้นหวาดกลัวมาก ใครก็สามารถฆ่าพวกเขาได้ ถอยหลังอย่างไม่รู้ตัวคิดอยากจะซ่อนตัวไว้ ตอนนี้เองหงยิงได้ตะคอกออกไป “หยุดนะ”

ทั้งสามร่างยืนนิ่งไม่ไหวติง เห็นหงยิงมองพวกเขาด้วยสายตาดุร้าย มุมปากมีรอยยิ้มชั่วร้ายไอสังหารพวยพุ่ง นางเงยหน้ามองไปยังจูนจิ่วและพูดว่า “พวกเจ้าเข้าไปพร้อมกัน ฆ่าจูนจิ่วบูชาเลือด คนที่ไม่ฟังข้า ข้าจะฆ่าพวกเจ้าก่อน ”

“ศิษย์น้อง”ชิงหยู่กำหมัดแน่น ก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าวปกป้องอยู่หน้าจูนจิ่ว

แววตาเย็นเหยียบของจูนจิ่วประสานเข้ากับหงยิง บนใบหน้าไม่มีแววเปลี่ยนไปเลยสักนิด ตอนนี้เองมู่จิ่งหยวนกับฝู้หลินจ้านพวกเขาต่างก็ยืนบังสายตาของหงยิงเป็นแถวตรง มู่จิ่งหยวนเอ่ยว่า “หงยิง ข้าเคยบอกแล้ว มีข้าอยู่อย่าหวังจะทำร้ายจูนจิ่วได้”

“ยังมีข้ากับหลินซวง พวกข้าไม่ให้เจ้าลงมือได้แน่”ฝู้หลินจ้านกอดอก สายตาที่มองหงยิงไม่เป็นมิตร

ฝู้หลินซวงไม่พูด เห็นท่าทีเขาเย็นชา สายตาแหลมคมทำให้ไม่สามารถละความสนใจได้

หงยิงคิดไว้แต่แรกแล้วว่าต้องเจอฉากนี้ นางหัวเราะอย่างชั่วร้าย กำเส้ในมือไว้แน่น “จูนจิ่วเจ้าจะเป็นเต่าหดหัวหรือ แต่เจ้าคิดว่าหลบอยู่หลังพวกเขาก็จะปลอดภัยอย่างนั้นหรือ หึ พวกเจ้าจะปกป้องนาง พวกข้ามีกันห้าคน พวกเราก็แค่ห้าห้าเสมอกัน”

หงยิงยกมือขึ้น ลูกศิษย์ทั้งสามคนเดินออกด้วยตัวสั่นเทา หงยิงใช้สายตาจ้องเขม็งไปที่หยุนหนี คนหลังสีหน้าขาวซีดกัดริมฝีปากเดินไปยืนอยู่หลังหงยิง

เห็นท่าทีของหงยิง คงไม่ปล่อยจูนจิ่วไปแน่ หยุนหนีได้แต่ลำบากใจ เกรงว่าจะเผยสถานะที่แท้จริงของตัวเองออกไป พอกวาดตาไปมองก็เห็นพวกมู่จิ่งหยวนกำลังมองตนอยู่ หยุนหนีคิดได้ก็รีบเผยสีหน้าราวกับว่าถูกบีบบังคับอย่างจนใจ หวังว่าอย่างนี้จะสามารถหลอกมู่จิ่งหยวนเขาไปได้

จูนจิ่วยิ้ม แววตาเย็นชามองไปยังหงยิง “ห้าห้าแบ่งครึ่งเท่ากัน เจ้าแน่ใจหรือว่าในนี้ไม่มีพวกเหลวไม่เป็นท่าอยู่ด้วย”

“จูนจิ่ว ข้าจะดูว่าเจ้ายังอวดดีได้นานแค่ไหน รอให้ข้าจับเจ้าเป็นเครื่องบูชายัญเพื่อเปิดมรดกของอ๋องเซ่หยิ่งก่อนเถอะ ข้าจะเป็นผู้ชนะคนสุดท้าย ถึงตอนนั้นเจ้าคงเลือดไหลหมดตัว ตายอย่างอนาถ ส่วนพวกเขา ใครก็ช่วยเจ้าไม่ได้ทั้งนั้น ”หงยิงไม่อยากจะเสียเวลา สั่งการหนึ่งเสียงแล้วก็ฟาดเส้ไปยังจูนจิ่วทันที

ตอนที่พุ่งเข้าไป เขาส่งเสียงสั่งการพวกหยุนหนีทั้งสี่คน “พวกเจ้าไปขวางพวกมู่จิ่งหยวนเอาไว้ ขอแค่ขวางพวกเขาไว้ได้ เสร็จเรื่องจะมีรางวัลให้”

หยุนหนีได้ยิน นางไม่กล้าไปขวางมู่จิ่งหยวน คิดอย่างรวดเร็ว หยุดหนีเลือกคนที่สบายที่สุดพุ่งตรงไปยังชิงหยู่ ลูกศิษย์ที่เหลือสามคนไม่กล้าคัดค้าน ได้แต่ทำตามคำสั่งมุ่งตรงไปทางมู่จิ่งหยวน ฝู้หลินจ้านกับฝู้หลินซวงพุ่งออกไป มองแวบเดียวก็ดูออกถึงแผนการของหงยิง มู่จิ่งหยวนกับฝู้หลินซวงจะไปขวางนางเอาไว้

ใครจะไปรู้ว่าหงยิงเองก็เตรียมการไว้แล้ว เห็นพวกเขาพุ่งตัวมา ก็โน้มตัวกระโดดขึ้นสูงข้ามหัวของพวกเขาไป พอหันกลับไปจะไล่ตาม ลูกศิษย์สองคนก็พุ่งเข้ามาขวางพวกเขาไว้

มู่จิ่งหยวนได้แต่ขมวดคิ้ว ตะโกนไปทางจูนจิ่วจากที่ไกลๆ “ศิษย์น้องจูนเจ้าต้านไว้ก่อน พวกเราจะไปช่วยเดี๋ยวนี้ล่ะ”

“จูนจิ่วอย่าสู้กับหงยิงซึ่งหน้า รู้จักการปล่อยว่าวหรือไม่ ถ่วงนางไปก่อน”ฝู้หลินจ้านตะโกนไปทางจูนจิ่ว

“ฮ่าๆๆ นักจิตชั้นห้าตัวเล็กๆ ถ่วงข้า ไม่มีทาง รอพวกเจ้ามาถึง ข้าก็บิดคอนางหักแล้ว ควักหัวใจนางออกมาให้เลือดไหลหมดตัว ”หงยิงหัวเราะอย่างทะนง แววตาโหดเหี้ยมอำมหิต นางสะบัดเส้ในมือที่มีหนามแหลมโผล่ออกมา

สะบัดฟาดผ่านอากาศไปยังจูนจิ่ว

แววตาเย็นแวววาวขึ้น จูนจิ่วเตะปลายเท้าเบาๆตัวลอยไปด้านหลังทำให้ระยะห่างไกลออกไป นางยังคงอุ้มเสี่ยวอู่ไว้อย่างมั่นคง สีหน้าไร้อารมณ์มองไปยังหงยิง

ยิ้มชั่วร้ายเงยหน้าขึ้น หงยิงพูดว่า “ทำไม เจ้าคนชั้นต่ำเห็นข้าก็กลัวจนพูดไม่ออกหรืออย่างไร เมื่อครู่เจ้ายังอวดดีอยู่เลย ฮ่าๆๆ จูนจิ่ว ครั้งนี้ไม่มีกองทัพใหญ่ของเจ้า ข้าจะดูสิว่าเจ้ายังมีลวดลายอะไรให้ใช้อีก”

เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วอีกครั้ง หงยิงพุ่งตรงไปยังจูนจิ่ว

ขณะที่เข้าใกล้มากขึ้น นางกดเสียงต่ำและข่มขู่ “นังชั้นต่ำ เอาของล้ำค่าออกมา ไม่แน่ข้าอาจจะไว้ชีวิตเจ้าก็ได้ ”

“เจ้าฝันไปเถอะ ”น้ำเสียงเยือกเย็น จูนจิ่วมองหงยิงอย่างเยาะเย้ย เห็นรอยยิ้มเยาะเย้ยที่มุมปากของจูนจิ่ว หงยิงก็โมโหมาก นางใช้พลังทั้งหมดที่นักจิตใหญ่ชั้นสองมี ฟาดแส้ลงอย่างแรงจนเหมือนอากาศจะแตกกระจายออก ราวกับงูที่ขู่ฟ่อฟ่อจะฆ่าจูนจิ่วอยู่ตรงหน้า

ในใจหงยิงนั้นร้ายกาจดุดันมาก นางจะดูสิว่าจูนจิ่วที่เป็นแค่นักจิตชั้นห้า จะหลบการโจมตีด้วยพลังทั้งหมดของนักจิตใหญ่อย่างนางได้อย่างไร

จูนจิ่วไม่ได้หลบ แต่ก็ยังคงไม่ตื่นตระหนก สีหน้าปกติไม่ร้อนใจ ติดอยู่ระหว่างความเร็วที่หงยิงพุ่งเข้ามา และระยะของเส้ที่ฟาดมาตรงหน้า จูนจิ่วยกมือขึ้นกำกระดิ่งเงินไว้ ตอนที่สัมผัสไม่ได้เย็นเฉียบแต่ค่อยๆร้อนขึ้น นางอึ้งไปชั่วครู่ นางมองเห็นสายตาสีทองคู่นั้นของโม่อู๋เยว่อยู่ตรงหน้าอย่างใจลอย

ปัง

หงยิงพุ่งเข้ามา แส้ยาวฟาดลงบนม่านกั้น พลังตีกลับทำเอานางกระเด็นออกไป หงยิงกระอักเลือดเบิกตาไม่อยากจะเชื่อ เมื่อครู่นั้นคือม่านกั้น จูนจิ่วจะมีม่านกั้นที่แข็งแกร่งขนาดนี้ได้อย่างไร สามารถทำให้นางกระเด็นออกมาได้

จูนจิ่วไม่ได้สนใจมองหงยิงที่กระเด็นออกไป นางก้มหน้าสายตาหยุดอยู่ที่กระดิ่งเงินที่แขวนอยู่ที่ข้อมือ ร่างกายร้อนขึ้น พลังที่ไร้รูปร่างปรากฏเป็นรูประบบเส้นลมปราณ ขณะเดียวกัน น้ำเสียงที่คุ้นเคย ดึงดูดใจก็ดังขึ้น “ใช้พลังของหินหยกทิพย์ส่งผ่านเส้นเอ็นเหล่านี้เพื่อใช้ประโยชน์ เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์เจ้าลองดู”

เป็นโม่อู๋เยว่

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ