บทที่ 376 ไม่เพียงแต่ตบหน้ายังบดขยี้เจ้าด้วย
ดวงตาของหงยิงเกือบจะถลนออกมาแล้ว นางกัดฟันกรอด “จะเป็นไปได้อย่างไร ก็แค่นักจิตชั้นสี่ ทำไมจึงสามารถทนได้นานขนาดนี้”
อีกอย่างสีหน้าของจูนจิ่วก็สงบไร้คลื่นลม ยังคงสวยงามดุจบุปผา ยังคงงดงามทุกกระเบียดนิ้ว แล้วมองตัวเอง เหนื่อยจนเหมือนร่างจะระเบิดแล้ว สีหน้าไม่ขาวซีดก็เขียวคล้ำ ริมฝีปากไร้สีเลือด ไหนเลยจะมีความงามหลงเหลืออยู่
“เดิมที่จูนจิ่วก็ซ่อนพลังฝึกฝนเอาไว้ หรือว่าตอนนี้จะเป็นพลังที่เก็บซ่อนอยู่”เสียงของหยุนหนีส่งผ่านไปยังหูหงยิง
หงยิงหันไปมองหยุนหนี คนหลังสะดุ้งตัวสั่นรีบก้มหน้า หงยิงสีหน้าไม่น่าดู ส่งเสียงตำหนิ “ต่อหน้าคนอื่น เจ้าจะทำวิปริตไปไย กลัวคนอื่นไม่รู้หรือไงว่าเจ้าเป็นคนของเทียงฉิว”
หยินหนีกำมือไว้แน่น ร่างกายแข็งเกร็งก่อนจะกลับสู่ภาวะปกติแล้วแสร้งทำท่าสงบ หยุนหนีกระตุกมุมปาก ส่งเสียงจากจิตใจบอกว่าตนเองผิดไปแล้ว
หงยิงยังพูดอีกว่า “นางต้องซ่อนพลังฝึกฝนไว้แน่ เจ้าเคยบอกว่าตอนทดสอบพรสวรรค์นางเป็นระดับหกสีฟ้า พรสวรรค์ระดับหกสีฟ้าจะเป็นแค่นักจิตชั้นสี่ได้อย่างไร นางต้องเก็บซ่อนไว้แน่ ”ตอนนี้วิเคราะห์ว่าที่จูนจิ่วมีพลังทนทานได้สูง ไปที่เหตุผลที่ว่านางเก็บซ่อนพลังฝึกฝนที่แท้จริงไว้ หงยิงลืมไปแล้วว่าครั้งหนึ่งเคยประมือกับจูนจิ่วที่ลานฝึกวิทยายุทธเฉียนคุนที่สำนักเทียนอู๋จง นางรู้ถึงพลังของจูนจิ่วดีกว่าใคร แต่ว่าตอนนี้นางจะทำขายหน้าไม่ได้ ไม่กล้ายอมรับความจริง
แววตาชั่วร้าย หงยิงหลับตาฝึกฝนต่ออย่างรวดเร็ว แบกรับไม่ไหว ก็ต้องฝืนทนให้ได้
นางไม่สามารถแพ้ให้กับมู่จิ่งหยวน ฝู้หลินจ้านพวกเขาได้ ยิ่งไม่สามารถแพ้ให้กับคนชั้นต่ำอย่างจูนจิ่ว นางเป็นถึงหงยิงแห่งเทียนซูผู้แข็งแกร่งที่สุดนะ
จูนจิ่วยังไม่รู้ตัวว่าตัวเองเป็นคู่แข่งในการไล่ตามของทุกคน ตั้งแต่เริ่มจนตอนนี้ รวบรวมสติทั้งหมดดำดิ่งลงไปในจิตใจ พลังที่ดูดซับและย่อยได้มีเพียงหนึ่งในสิบที่ไหลเวียนไปทั่วทั้งร่างกาย สุดท้ายก็เข้าสู่จุดตันเถียน ที่มากกว่านั้น จูนจิ่วให้เสี่ยวอู่รับเอาไป
สติของนางรับรู้ได้ว่าเสี่ยวอู่ขดตัวเป็นก้อนกลมๆ พลังโถมเข้าไป ขณะที่เสี่ยวอู่สูดลมหายใจเข้าออก ล้วยเป็นพลังที่เป็นประกายไหลออกมาแล้วก็ถูกดูดกลับไป
ตอนแรกนางยังรู้สึกกังวล แต่พอเห็นเสี่ยวอู่มีความสามารถที่จะกักเก็บได้มากดุจมหาสมุทร ราวกับไม่มีทีท่าจะถูกพลังทำให้จุกก็วางใจให้เสี่ยวอู่ดูดซับพลังต่อไป อีกทั้งพลังที่เสี่ยวอู่ดูดไป ล้วนเป็นพลังที่นางย่อยจนบริสุทธิ์แล้ว อย่างนี้เสี่ยวอู่จะได้ดูดพลังอย่างราบรื่นไร้อุปสรรค
เวลาผ่านไปเรื่อยๆ พริบตาก็วันที่เจ็ดแล้ว
บุรุษชุดแดงขมวดคิ้วแน่น ยืนมองอย่างตกตะลึงไม่อยากเชื่ออยู่บนศีรษะของทุกคน เขาแฝงตัวอยู่ในเงามืดอย่างกลมกลืน ไม่มีใครสามารถมองเห็นเขาได้ ก้มหน้าลงมอง ที่บุรุษชุดแดงมองไม่ใช่คนที่ล้มกองไปกับพื้นกลุ่มนั้น แต่จ้องเขม็งไปที่จูนจิ่วอย่างไม่อยากจะเชื่อ
หญิงสาวที่ชื่อจูนจิ่วคนนี้เป็นคนไม่ปกติหรืออย่างไร
หินหยกทิพย์ขนาดใหญ่ นี่เพิ่งจะเจ็ดวันก็ถูกนางดูดพลังจนหมด แม้จะเป็นปีศาจฟองน้ำก็คงต้องจุกตาย แต่จูนจิ่วสีหน้าทำไมไม่เปลี่ยนเลยสักนิด
คนอื่นๆก็มองจูนจิ่ว พวกเขาไม่อยากจะเชื่อสายตาตั้งแต่เริ่ม จากนั้นก็เป็นความอิจฉาริษยา สุดท้ายก็เห็นสัจธรรมต่างก็ชาไปหมดแล้ว พวกเขาจะรอดู ดูสิว่าจูนจิ่วจะสามารถดูดพลังทั้งหมดได้หรือไม่
โม่อู๋เยว่พูดไว้แล้วมากสุดก็เจ็ดวัน ก็คงไม่เกินนั้น ช่วงพลบค่ำของวันที่เจ็ด พลังทั้งหมดของหินหยกทิพย์ถูกดูดซับจนหมด
แกร๊กๆ
หินหยกทิพย์ส่งเสียงแตกดังขึ้น สุดท้ายเสียงดังปัง หินหยกทิพย์แตกออกเป็นเสี่ยงๆ กลายเป็นผุยผงเปล่งประกายร่วงไปที่พื้น มีลมพัดมา ทำให้ชั่วขณะหนึ่งผงปลิวกระจายเปล่งแสงประกายไปทั่ว ราวกับหิ่งห้อยกำลังบินอยู่ ภาพที่สวยงามเช่นนี้ ไม่มีใครดู พวกเขาต่างจ้องจูนจิ่วไม่เคลื่อนสายตาไปไหนเลย
ขนตาที่ทั้งงอนทั้งยาวราวกับปีกผีเสื้อค่อยๆขยับ จูนจิ่วลืมตาขึ้น ดวงตาสดใสแจ่มแจ้ง ไม่มีทีท่าสับสนงุนงงเลยสักนิด ยกมือขึ้นลูบเสี่ยวอู่ จูนจิ่วยกมุมปากยิ้มขึ้นมา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ
หนังสือยังไม่จบ ไม่อัปต่อแล้วเรอค่ะ...