บทที่ 381 พวกเราทำสัญญาแลกเปลี่ยนกัน
“เจ้าจะมอบให้ศิษย์พี่เจ้าจริงหรือ”ญาณสุสานดึงสติกลับมา ดวงตามีเสน่ห์ที่กำลังตกตะลึงเบิกกว้าง ปากก็หุบลงไม่ได้
ในโลกธรรมดาที่มีของล้ำค่าในตำนานผุดขึ้นมา ใครเล่าไม่แย่งชิงอย่างเอาเป็นเอาตาย ไม่ว่าจะเป็นญาติพี่น้อง ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนพ้อง รวมถึงคนรัก ต่อหน้าของล้ำค่าคนเหล่านี้ล้วนไม่มีตัวตน แต่หญิงสาวที่สวยงามที่อยู่ต่อหน้าเขา กลับจะมอบมรดกที่ได้มาให้คนอื่น
นางคิดอะไรอยู่ นางเอาจริงหรือ
ญาณสุสานอดไม่ได้ที่จะถามต่อ “จูนจิ่วเจ้าแน่ใจนะ มรดกของอ๋องเซ่หยิ่งมอบให้ได้แค่คนเดียวเท่านั้น ใครที่ได้รับมรดกก็เท่ากับได้รับสมบัติทั้งหมดของอ๋องเซ่หยิ่ง นั่นเท่ากับว่าเป็นผู้แข็งแกร่งที่สุดคนหนึ่งในโลกราชาทิพย์ เป็นสมบัติที่ต้องค้นหาทั้งชีวิต ข้าว่าเจ้าควรพิจารณาให้ดีก่อน”
“ข้าเข้าใจดี”จูนจิ่วยังคงสีหน้านิ่ง
ทันใดนั้นนางก็ยกมือขึ้นลูบที่หน้าอก ฉวยโอกาสล้วงมือเข้าไปในสาบเสื้อบริเวณหน้าอก เห็นการกระทำของนาง ญาณสุสานก็เบิกตากว้างสูดลมหายใจ “เจ้า เจ้า เจ้าจะทำอะไร”จูนจิ่วเลิกคิ้วมองญาณสุสานอย่างอึดอัดใจ ขณะเดียวกันนางก็ควักเอาก้อนสีขาวก้อนหนึ่งออกมาจากบริเวณหน้าอก ญาณสุสานจ้องเขม็งจึงเห็นว่าเป็นแมวที่อยู่ข้างกายจูนจิ่ว เขาคิดลึกไปเอง แต่ญาณสุสานก็อดไม่ได้ที่จะคิดว่าเจ้าแมวนี้เป็นตัวผู้หรือตัวเมีย ถูกยัดไว้ที่อกวาสนาดีไม่เบาทีเดียว
เสี่ยวอู่กำลังนอนหลับเพื่อย่อยพลังของหินหยกทิพย์ ย่อมไม่มีทางตอบญาณสุสานได้ จูนจิ่วอุ้มมันไว้ที่อก ดวงตาจ้องมองญาณสุสาน
นางเปิดปากเอ่ยขึ้นว่า “กฎเกณฑ์ในสุสานเจ้าเป็นคนตั้งขึ้นใช่หรือไม่”
“ใช่”
“ในเมื่อเจ้าเป็นคนตั้งกฎ เช่นนั้นเจ้าต้องเปลี่ยนแปลงได้แน่ อ๋องเซ่หยิ่งมอบมรดกให้คนใช้ดาบเช่นข้า มันน่าเสียดาย แต่ว่าในเมื่อข้าเข้ามาในนี้ก็แสดงว่ามรดกเป็นของข้าแล้ว ของที่เป็นของข้า ข้าจะส่งมอบต่อก็ย่อมได้มิใช่หรือ”
ญาณสุสานขมวดคิ้ว อ้าปากเหมือนจะพูดอะไรแต่ก็ถูกจูนจิ่วขัดคอขึ้นอีกครั้ง นางยิ้มเย็น “หรือว่าท่านอยากจะทดสอบอีกหนึ่งด่าน แล้วเลือกใหม่”
ญาณสุสานนิ่งขรึมไม่ชั่วครู่ เขามองจูนจิ่วไม่พูดอะไร
สำหรับเขา มรดกของอ๋องเซ่หยิ่งนั้นสำคัญมาก ที่เขาอยู่ที่นี่ก็เพื่อที่จะหาคนสืบทอดมรดกของอ๋องเซ่หยิ่ง แต่ที่สำคัญเท่ากันก็คือ เขาอยากจะไปจากที่นี่
คนที่เข้าสู่สุสานของอ๋องเซ่หยิ่งทุกคน เขาล้วนเฝ้าสังเกตการณ์อยู่ตลอด ที่เขาสนใจ มีเพียงจูนจิ่ว อีกอย่างเขามีสัญชาตญาณ ขอเพียงเขาคอยติดตามจูนจิ่วเขาก็จะสมหวังตามที่ใจปรารถนาและเป้าหมายที่วางไว้ ฉะนั้น ญาณสุสานจึงเลือกที่จะปฏิบัติอย่างประนีประนอม
เขาพยักหน้า “ได้ มรดกมอบให้ศิษย์พี่ของเจ้า ศิษย์พี่เจ้าคือคนไหน”
“ชิงหยู่”
ญาณสุสานยกมือขึ้นสะบัด มีหมอกสีเทาก่อตัวเป็นรูปร่างคน แล้วหายไปในอากาศ คงออกไปแล้ว ญาณสุสานพูดว่า “ศิษย์พี่เจ้าจะตามเข้ามาเอง”
……
เห็นทุกการกระทำ โม่อู๋เยว่แววตาขรึมลง เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์พูดไว้ไม่มีผิด มรดกของอ๋องเซ่หยิ่งให้นางก็ไร้ประโยชน์ แม้ว่านางเองจะสามารถทิ้งดาบไปฝึกมีด แต่เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ของเขานั้นฉลาดมาก มีดเซ่หยิ่งไหนเลยจะสู้ป๋ายเย่กับโยวยิ่ง
นิ้วขยับเบาๆ ม้วนหนังสือหยกม้วนหนึ่งก็หมุนไปมา โม่อู๋เยว่ยิ้มอย่างชั่วร้าย “ไม่เอามรดกของอ๋องเซ่หยิ่ง เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์พวกเรามีของที่ดีกว่านั้น ”
“ใช่เพลงวิทยายุทธที่เจ้านายหามาให้แม่นางจูนใช่หรือไม่ ”เหลิ่งยวนถามอย่างอยากรู้
“อืม”โม่อู๋เยว่หรี่ตา รอยยิ้มที่มุมปากยิ่งทวีความดึงดูดใจ นี่ไม่ใช่เพลงวิทยายุทธที่เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์จะฝึกฝนได้เองเพียงลำพัง แต่พวกเขาต้องฝึกด้วยกัน แค่คิดถึงภาพนั้น โม่อู๋เยว่ก็รู้สึกตั้งตารอแล้ว
อีกฝั่ง หมอกสีเทาที่เป็นรูปคนปรากฏขึ้นอย่างกะทันหันทำเอาพวกฝู้หลินจ้านเขาตกใจสะดุ้ง
ญาณสุสานกวาดตามองพวกเขา เอ่ยด้วยเสียงกังวาน “ใครคือชิงหยู่”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ
หนังสือยังไม่จบ ไม่อัปต่อแล้วเรอค่ะ...