เพื่อป้องกันสายลับของเทียงฉิว พวกฝู้หลินจ้านพาพวกจูนจิ่วเดินไปทางหลังเขา ห่างไกลผู้คน ตรงไปที่ที่พวกเขาอาศัยอยู่โดยตรง จากนั้นฝู้หลินจ้านกับฝู้หลินซวงไปเชิญเจ้าสำนักศึกษาจื่อเซียวมา
ที่ตามเจ้าสำนักศึกษาจื่อเซียวมาด้วย ยังมีจี้อีหมิง พอเห็นจูนจิ่ว จี้อีหมิงก็ดวงตาเป็นประกายยิ้มหน้าบาน “พี่สาวพวกเราพบกันอีกแล้ว ”
“หืม”เจ้าสำนักศึกษาจื่อเซียวหันไปมองจี้อีหมิง จี้อีหมิงเห็นแล้วก็สะดุ้ง รีบยืนตัวตรงแสร้งทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นมาก่อน เห็นปฏิกิริยาของเขาแล้ว พวกฝู้หลินจ้านก็อดไม่ได้ที่จะอมยิ้ม
จูนจิ่วยิ้มบางๆ นางมองไปทางเจ้าสำนักศึกษาจื่อเซียว “ท่านเจ้าสำนักเชิญนั่ง ”
“ไปดูมู่จิ่งหยวนก่อน เรื่องเป็นมาอย่างไร หลินจ้านกับหลินซวงบอกข้าแล้ว”
ได้ยินเช่นนั้น จูนจิ่วก็พยักหน้า นางเดินอยู่ข้างหน้าผลักประตูห้องข้างในออก หลังจากเจ้าสำนักศึกษาจื่อเซียวเห็นกับตาว่ามู่จิ่งหยวนยังมีชีวิตอยู่ จึงได้เชื่อที่พวกฝู้หลินจ้านอธิบายให้ฟัง
เงยหน้ามองไปทางจูนจิ่ว สายตาของเจ้าสำนักศึกษาจื่อเซียวฉลาดเคร่งขรึม เขาพูดว่า “ข้าขอคุยกับเจ้าตามลำพังได้หรือไม่ ”
“อาจารย์ ”ฝู้หลินจ้านได้ยินก็รู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย
จี้อีหมิงก็พูดตามขึ้นมาว่า “ท่านปู่ไม่เชื่อพี่สาวหรือ มู่จิ่งหยวนอยู่ที่นี่ ก็คือเรื่องจริงนี่นา ”
เจ้าสำนักศึกษาจื่อเซียวมองทั้งสองคน แต่ไม่ได้พูดอะไร แววตาไหววาบ จูนจิ่วยิ้มพูดกับทุกคนว่า “พวกเจ้าออกไปก่อนเถอะ”
ได้ยินจูนจิ่วพูดขนาดนี้แล้ว พวกชิงหยู่จึงได้แต่เก็บความกังวลไว้หมุนตัวเดินออกไป เมื่อประตูปิดลง ในเรือนจึงเหลือแต่พวกเขากับมู่จิ่งหยวนที่สลบไสลไม่ตื่น เจ้าสำนักศึกษาจื่อเซียวลูบหนวดเครา สีหน้าซับซ้อน
เขาพูดกับจูนจิ่วว่า “คิดไม่ถึงว่า พวกเขาจะเชื่อฟังเจ้า”
ชิงหยู่เป็นศิษย์พี่ของจูนจิ่ว นี่ไม่เป็นไร แต่ฝู้หลินจ้าน ฝู้หลินซวงแล้วยังมีจี้อีหมิงไม่เพียงแต่เชื่อจูนจิ่วอย่างไร้เงื่อนไข ยังเชื่อฟังจูนจิ่วยิ่งกว่าเขาผู้เป็นอาจารย์ ท่านปู่ซะอีก นี่มันเป็นไปได้อย่างไร
ริมฝีปากยิ้ม จูนจิ่วเชิญเจ้าสำนักศึกษาจื่อเซียวนั่งคุย
อยู่ในสำนักศึกษาจื่อเซียว จูนจิ่วไม่มีความขัดเขินหรือไม่เป็นตัวเองเลย นางรินน้ำชาให้กับเจ้าสำนักศึกษาจื่อเซียวอย่างอ่อนโยนสง่างาม จากนั้นก็เอ่ยขึ้นว่า“ท่านเจ้าสำนักศึกษาจื่อเซียวอยากจะถามอะไรหรือ”
“ทำไมผู้อาวุโสใหญ่ของสำนักศึกษาไท่ชูต้องฆ่าพวกเจ้าด้วย พูดให้ถูกคือ ทำไมเขาต้องหาเจ้า ยังมีอีก เจ้าสำนักเทียนซูปล่อยข่าวลือไปทั่ว ส่งหงยิงไปที่สองสำนักสิบแคว้น แล้วก็ส่งซิงโล่เฉินมาจับเจ้า เรื่องนี้ต้องมีความลับซ่อนอยู่แน่ ใช่หรือไม่ ”เจ้าสำนักศึกษาจื่อเซียวถาม
มองเจ้าสำนักศึกษาจื่อเซียวและยิ้มอ่อนๆ จูนจิ่ว “สมกับที่เป็นเจ้าสำนักศึกษาจื่อเซียว”
มองออกในแวบเดียว ถามได้ตรงประเด็น
ไม่ว่าจะเป็นเพราะว่าเจ้าสำนักศึกษาจื่อเซียวมีการตรวจสอบเรื่องนี้มาก่อน หรือว่าวิเคราะห์จากที่ฝู้หลินจ้านกับฝู้หลินซวงเล่าให้ฟัง ก็เพียงพอที่จะมองเห็นถึงความชาญฉลาดของเจ้าสำนักศึกษาท่านนี้ อีกทั้งยังเป็นมิตรอีกด้วย ไม่เช่นนั้นเจ้าสำนักศึกษาจื่อเซียวคงไม่ให้นางมาอยู่ที่นี่
เจ้าสำนักศึกษาจื่อเซียวพูดอีกว่า “จูนจิ่ว เจ้าจะสามารถพูดความลับนี้ให้ข้าฟังได้หรือไม่ ”
“ข้าเพียงแต่สามารถบอกกับท่านเจ้าสำนักศึกษาจื่อเซียวได้ว่า เจ้าสำนักศึกษาเทียนซูกับเทียงฉิวต้องการของสิ่งหนึ่งจากตัวข้า เพื่อของสิ่งนี้แล้ว พวกเขาทำให้ทั้งห้าสำนักเกิดหายนะ และส่งคนไล่ล่าจนถึงบัดนี้ ส่วนของชิ้นนี้เป็นอะไร ต้องอภัยที่ข้าไม่สามารถบอกท่านได้ ”
จูนจิ่วมองเจ้าสำนักศึกษาจื่อเซียวด้วยสายตาเรียบนิ่ง ใครๆต่างก็สามารถเห็นความตรงไปตรงมาอย่างจริงใจของนางได้ ไม่มีแววของความเสแสร้งหลอกลวงเลยสักนิเดียว
เจ้าสำนักศึกษาจื่อเซียวลูบหนวดเคราของตนเองอย่างใช้ความคิด เพื่อของสิ่งหนึ่งหรือ
เป็นสิ่งของอะไรกันแน่ ที่สามารถทำให้เจ้าสำนักศึกษาเทียนซูเคลื่อนไหวเทียงฉิว จึงได้รวบรวมคนมากมายเพื่อจับหญิงสาวเพียงคนเดียว เจ้าสำนักศึกษาจื่อเซียวไม่ได้ถามต่อ ว่าของสิ่งนั้นคืออะไร แต่เขาสามารถเดาได้ว่า ของสิ่งนี้ต้องสำคัญมาก
เจ้าสำนักศึกษาจื่อเซียว“ยังมีเหตุผลอื่นอีกหรือไม่”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ
หนังสือยังไม่จบ ไม่อัปต่อแล้วเรอค่ะ...