“ผู้อาวุโสใหญ่ มู่จิ่งหยวนถูกเจ้าฆ่าตาย เจ้าเป็นศิษย์ทรยศของสำนักศึกษาไท่ชู เรื่องนี้เป็นจริงอย่างไม่ต้องสงสัย ”ซิงโล่เฉินยิ้มอย่างโหดเหี้ยมอันตราย จ้องมองจูนจิ่วเขม็ง ด้วยระยะประชิดเช่นนี้ จูนจิ่วสามารถมองเห็นดวงตาของเขาที่ไม่ใช่สีดำสนิททั้งหมด ยังมีสีเขียวปะปนอยู่บ้าง
จูนจิ่ว “หึ”
สามารถฟังออกว่าในเสียงหัวเราะนั้นมีความเยาะเย้ยปนเปอยู่ ซิงโล่เฉินหน้าดำคล้ำ เขายืดตัวตรง มองนางอย่างยโสและชั่วร้าย “เจ้าหนีความตายไม่พ้น แต่เจ้าจะตายคนเดียว หรือจะหาคนอีกจำนวนหนึ่งตายไปด้วย ก็เลือกเอาเองเถอะ”
ในสายตาของซิงโล่เฉิน ความสงบบนใบหน้าของจูนจิ่วนั้นล้วนเป็นการเสแสร้ง
ในใจนางต้องรู้สึกตื่นตกใจ และกลัวเป็นอย่างยิ่ง แม้กระทั่งตัวสั่นจนน้ำตาไหล แต่เพื่อรักษาหน้ากับศักดิ์ศรี จึงต้องแสร้งทำเป็นแข็งแกร่ง รอดูไปเถอะ ไปถึงตำหนักใหญ่แล้วดูสิว่าจูนจิ่วจะยังเสแสร้งได้อีกหรือไม่ ถึงตอนนั้นแม้ว่านางจะคุกเข่าขอร้องเขา เขาก็จะไม่ปล่อยนางไปเด็ดขาด
ยิ้มเย็น ซิงโล่เฉินหมุนตัวก้าวจากไป ชายเสื้อคลุมสะบัดเป็นคลื่น ท่าทีดุดันและหยิ่งยโส
ด้วยท่าทีที่จูนจิ่วเผชิญหน้ากับซิงโล่เฉินอย่างไม่หวาดกลัว ทำให้ลูกศิษย์ของสำนักศึกษาจื่อเซียวประเมินนางสูงขึ้นมาก ด้วยเหตุนี้น้ำเสียงที่ใช้พูดคุยด้วยจึงเป็นมิตรขึ้นไม่น้อย “ไปเถอะ พวกเจ้าสำนักกำลังรอเจ้าอยู่ ”
จูนจิ่วพยักหน้า “ไปกันเถอะ”
ในตำหนัก พอจูนจิ่วเข้ามาทุกคนต่างมองมาที่นางเป็นตาเดียว ทุกคนต่างซุบซิบกัน บ้างก็อยากรู้ว่าจูนจิ่วฆ่าผู้อาวุโสใหญ่ของสำนักศึกษาไท่ชูจริงหรือไม่ บ้างก็ก่นด่าว่าจูนจิ่วเป็นศิษย์ทรยศ บ้างก็สาปแช่งจูนจิ่วให้ได้รับโทษตาย เป็นต้น เต็มไปด้วยคำพูดที่ไม่น่าฟัง ฟังไม่เข้าหูเอาซะเลย
สีหน้าของจูนจิ่วไม่ได้เปลี่ยนไปสักนิดเดียว นางเงยหน้าขึ้นมองไปบนตำหนัก เจ้าสำนักศึกษาไท่ชูจ้องมองมาที่นาง สายตาแค้นเคือง ประหลาดใจ เสียฝจและก็มีความรู้สึกสงสัยอยู่ด้วย หยุนหนียืนอยู่ข้างหลังของเจ้าสำนักศึกษาไท่ชู สายตาที่แหลมคมดุจมีดดุดันและแฝงไว้ด้วยแววตื่นเต้น
จากนั้นก็มองไปทางเจ้าสำนักศึกษาเทียนซู ซิงโล่เฉินมาถึงที่นี่ก่อนนาง เจ้าสำนักศึกษาเทียนซู หงยิงแล้วก็ซิงโล่เฉิน ไม่มีใครไม่จ้องมองมาที่นาง ไอสังหารกำลังขู่คำราม
จูนจิ่ว ฝู้หลินจ้านเป็นห่วงมาก เจ้าคิดจะทำอะไรกันแน่ การสอบสวนต่อหน้าทุกคนไม่ใช่เรื่องล้อเล่น
กระทั่งเจ้าสำนักศึกษาจื่อเซียวยกมือขึ้น ตำหนักใหญ่จึงเงียบลง มีดวงตาไม่น้อยที่จ้องจูนจิ่วด้วยเจตนาไม่ดี พวกเขากำลังรอให้เจ้าสำนักศึกษาจื่อเซียวเอ่ยปาก แต่พอเจ้าสำนักศึกษาจื่อเซียวพูดขึ้น ก็ทำเอาทุกคนในตำหนักใหญ่ต่างก็นิ่งอึ้งไป
เจ้าสำนักศึกษาจื่อเซียว “เอาเก้าอี้ให้จูนจิ่ว”
ทุกคน :??
จี้อีหมิงเกินไปอย่างกระตือรือร้น เขาเอาเก้าอี้ที่นั่งสบายที่สุดของตัวเองให้กับจูนจิ่ว ยังหันไปยักคิ้วหลิ่วตากับจูนจิ่ว “พี่สาว เก้าอี้นี้นั่งสบายมาก”
เสียงของจี้อีหมิงไม่เบานัก ได้ยินคำพูดของเขา เครื่องหมายคำถามบนหัวของพวกเขาก็ผุดขึ้นมากมายจนแทบจะทับพวกเขาตาย หงยิงเอ่ยขึ้นอย่างไม่อยากจะเชื่อ “เจ้าสำนักศึกษาจื่อเซียว นี่ท่านหมายความว่าอย่างไร”
“ในเมื่อเป็นการสอบสวน ก่อนจะมีข้อสรุป จูนจิ่วยังถือว่าไร้ความผิด ในเมื่อไม่ผิด ทำไมต้องใช้ไม้แข็งให้นางยืนด้วยเล่า”เจ้าสำนักศึกษาจื่อเซียวลูบเครา พูดยิ้มๆ
หงยิงได้ยินตาแทบจะถลนออกมา นี่มันเหตุผลบ้าบออะไรกัน คนที่สามารถนั่งในตำหนักใหญ่ได้ไม่ใช่เจ้าสำนัก ก็เป็นผู้อาวุโสใหญ่ จี้อีหมิงมีที่นั่งเพราะมีสถานะพิเศษ ไม่เห็นหรือว่านางยังไม่มีเก้าอี้นั่งเลย ทำไมจูนจิ่วจึงมีสิทธิ์ได้นั่ง
นี่ยังเป็นนักโทษอยู่หรือ หงยิงแววตาชั่วร้าย เห็นได้ชัดว่าเจ้าสำนักศึกษาจื่อเซียวกำลังปกป้องจูนจิ่ว นางกำลังจะเปิดปากพูด ซิงโล่เฉินกลับส่งสายตาเพื่อให้นางหยุด
เจ้าสำนักศึกษาจื่อเซียวไม่มองหงยิงด้วยซ้ำ รอจูนจิ่วนั่งลงแล้ว เขาจึงพูดต่อไปว่า “การสอบสวนอย่างเปิดเผยในครั้งนี้ ก็เพื่อหาข้อเท็จจริงในเรื่องที่ผู้อาวุโสใหญ่ และลูกศิษย์มู่จิ่งหยวนแห่งสำนักศึกษาไท่ชูถูกฆ่า หลังจากจื่อเซียวของข้าจับตัวจูนจิ่วได้ ก็พบว่าเรื่องนี้มีบางอย่างไม่ชอบมาพากล จึงได้จัดการตัดสินอย่างเป็นธรรมขึ้น”
“หึหึ เจ้าสำนักศึกษาจื่อเซียวท่านจะยุ่งไม่เข้าเรื่องทำไม จูนจิ่วเป็นลูกศิษย์ของสำนักศึกษาไท่ชู การสอบสวนลงโทษน่าจะมอบให้สำนักศึกษาไท่ชูเป็นคนจัดการ ”เจ้าสำนักศึกษาเทียนซูยุยงกลายๆ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ
หนังสือยังไม่จบ ไม่อัปต่อแล้วเรอค่ะ...