สรุปเนื้อหา บทที่ 411 ถูกตบจนหน้าชา – บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ โดย ต้าวเมียวเมียว
บท บทที่ 411 ถูกตบจนหน้าชา ของ บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ ในหมวดนิยายโรแมนซ์ เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย ต้าวเมียวเมียว อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที
เปรี้ยงปร้าง
เสียงฟ้าผ่า ดังราวกับจะผ่าให้แผ่นดินแยกจากกันอย่างไรอย่างนั้น หยุนหนีตกใจจนกรีดร้องเสียงหนึ่ง รีบทรุดตัวนั่งลงเอามือกุมหัว เห็นท่าทีของนาง บวกกับคำพูดที่นางเพิ่งพูดไป บรรยากาศในตำหนักใหญ่ก็ผิดปกติขึ้นมา
จูนจิ่วเลิกคิ้วยิ้มมุมปาก ฟ้าผ่าได้เวลาพอดิบพอดี เสียงฟ้าผ่าดังแค่ไหน เสียงตบหน้าหยุนหนีก็ดังเท่านั้น
ในตำหนักใหญ่ ไม่มีใครเห็นโม่อู๋เยว่ที่เพิ่งจะเก็บนิ้วมือที่ทำท่าดีดนิ้วเมื่อครู่กลับไป ยิ้มอย่างชั่วร้าย มองจูนจิ่วอย่างรักเอ็นดูเก็บซ่อนผลงานและชื่อเสียงเอาไว้
หยอกล้ออย่างเปิดเผย จูนจิ่วยิ้มมองหยุนหนี “พูดต่อสิ ทำไมไม่พูดเล่า ”
“ไม่ ข้าไม่ได้โกหก อย่าผ่าข้านะ ”หยุนหนีตกใจจนฉี่เกือบราด เพิ่งพูดจบก็มีเสียงฟ้าผ่า หรือว่าสวรรค์จะมีตาจริงๆ ได้ยินที่นางพูดโกหกก็จะผ่านาง เคยเกือบตายมาแล้ว ตอนนี้แม้แต่คำว่ากลัวตายหยุนหนียังไม่กล้าพูด
เห็นท่าทีของนาง พวกเจ้าสำนักศึกษาเทียนซูก็โกรธจนหน้าบิดเบี้ยว ไร้ประโยชน์จริงๆ
ตอนนี้เอง ซิงโล่เฉินก็เดินออกมาและพูดด้วยน้ำเสียงอันตรายเย็นชา“จูนจิ่ว หยุนหนีไม่กล้าพูด เจ้าก็คิดว่าเจ้าจะพ้นโทษหรือ เจ้าไม่ได้ฆ่ามู่จิ่งหยวน เช่นนั้นคงเป็นศิษย์พี่เจ้าชิงหยู่เป็นคนฆ่า คนร้ายมีแค่พวกเจ้าสองคน ”
“ทำไม หรือเจ้าจะเถียง ว่าการตายของผู้อาวุโสใหญ่กับมู่จิ่งหยวนนั้น เจ้ากับชิงหยู่คือผู้บริสุทธิ์ไม่ได้ทำอะไรเลย หึ จูนจิ่วเจ้ายอมรับผิดซะดีๆเถอะ”
เสียงของซิงโล่เฉินเผยแววข่มขู่ ดุจมีดคมที่แขวนอยู่บนหัวของจูนจิ่ว
เขากำลังแจ้งเตือนจูนจิ่ว อย่าลืมลูกศิษย์ของสำนักเทียนอู่จงที่อยู่ในมือเขา แล้วก็วิชาฝึกตนชั้นที่สี่
แต่ทุกคนในตำหนักใหญ่เมื่อได้ยินคำพูดของซิงโล่เฉินแล้ว ต่างก็พยักหน้า ไม่ผิด ถ้าจูนจิ่วไม่ได้เป็นคนฆ่า ก็คงเป็นชิงหยู่ คนร้ายมีแค่พวกเขาสองคน เป็นพวกเดียวกันไม่ว่าใครก็หนีไม่พ้น ศิษย์ทรยศต้องฆ่า
หงยิงยิ้มร้าย “จูนจิ่วเจ้าแก้ตัวไปก็ไร้ประโยชน์”
“โธ่เอ้ย”จูนจิ่วถอนหายใจอย่างจนใจ “ถ้าพวกเจ้าไม่เชื่อข้า เช่นนั้นก็คงต้องให้ศิษย์พี่มู่มาอธิบายด้วยตัวเองแล้ว ”
“ฮ่าฮ่าฮ่า จูนจิ่วเจ้าบ้าไปแล้วหรือ ให้มู่จิ่งหยวนมาอธิบาย แม้แต่ศพคนตายยังหาไม่เจอ ไม่แน่อาจถูกเจ้าทำลายจนไม่เหลือร่องรอยตั้งแต่แรกแล้ว จะอธิบายอย่างไร เจ้าคิดจะแกล้งบ้าแกล้งโง่หรือไง น่าขันนัก”หงยิงรีบหัวเราะเยาะทันที
และตอนนี้เอง หงยิงเห็นหยุนหนีที่นั่งลอยู่กับพื้นเอามือกุมหัวเอาไว้ ทันใดนั้นดวงตาก็แทบจะถลนออกมา มือก็ชี้ออกไปนอกตำหนักด้วยท่าทีตกตะลึงหวาดกลัวไม่อยากเชื่อ ริมฝีปากสั่นพูดไม่ออก
ในใจมีลางสังหรณ์ไม่ดี หงยิงค่อยๆเงยหน้าขึ้นมองไปด้วยคอที่แข็งเกร็ง
คนที่มามุงดูต่างก็เบียดเข้าไปในตำหนักแล้ว ฉะนั้นข้างนอกจึงว่างเปล่าและตอนนี้มีคนสองคนกำลังเดินมา ต่างก็ดึงดูดสายตา หนึ่งในนั้นสีหน้าขาวซีด มือหนึ่งกุมที่หัวใจเอาไว้เดินมาอย่างช้าๆ แต่เห็นสีหน้าของเขาร้อนใจ คิดอยากจะเดินเร็วกว่านี้แต่ติดที่ร่างกายไม่อำนวย
คนที่เดินเคียงไหล่กับเขามาด้วย เตะตาเป็นอย่างมาก เพราะในอ้อมอกของเขาอุ้มแมวตัวหนึ่งเอาไว้ ท่าทางระมัดระวังดุจกำลังถือของล้ำค่าเอาไว้
จี้อีหมิงดีใจจนตะโกนขึ้นเหมือนจะเตือนทุกคน “ในที่สุดมู่จิ่งหยวนก็ตื่นแล้ว ”เขาเป็นคู่ปรับกับมู่จิ่งหยวน คอยแต่คิดแผนจะทำร้ายอีกฝ่ายมาหลายปี นี่ยังเป็นครั้งแรกที่เห็นมู่จิ่งหยวนแล้วดีใจขนาดนี้
“ชิงหยู่ มู่จิ่งหยวนในที่สุดพวกเจ้าก็มา”ฝู้หลินจ้านก้าวเท้าใหญ่ๆเข้าไปหา ในที่สุดใบหน้าก็เผยรอยยิ้ม
เขาพูดว่า “พวกเจ้ามาได้พอดี มีคนกำลังตาบอด บอกว่าเจ้าเป็นคนตาย นี่ไม่เท่ากับแช่งเจ้าหรือ ยังบอกว่าจูนจิ่วเป็นคนบ้า ข้าว่านางต่างหากที่เป็นนางอสรพิษที่ทั้งตาบอดทั้งบ้า”
หงยิงอยากจะด่าฝู้หลินจ้าน แต่นางพูดไม่ออกสักคำ นางก็เหมือนกับหยุนหนีที่ตาแทบจะถลนออกมาแล้ว
เจ้าสำนักศึกษาเทียนซูกับซิงโล่เฉินก็ไม่ต่างกันมาก ตกใจจนหน้าซีด มู่จิ่งหยวนตายแล้วมิใช่หรือ ทำไมยังมีชีวิตอยู่ ทำไมเขายังมีชีวิตอยู่ เดิมทีแน่ใจว่าจูนจิ่วคงผลิกสถานการณ์ไม่ได้แน่
เขาพูดต่อว่า “ผู้อาวุโสใหญ่ได้ซ่อนคนไว้ที่นั่น หยุนหนีก็คือผู้สมรู้ร่วมคิด ต้นเหตุคือไม่รู้ว่าผู้อาวุโสใหญ่ไปแย่งชิงวิชาฝึกตนของสำนักเทียนอู่จงมาจากไหน เขาไม่มีวิชาจิต จึงได้ข่มขู่จูนจิ่วให้ส่งวิชาจิตออกมา”
“พลุสัญญาณเป็นผู้อาวุโสใหญ่ที่ปล่อยออกไป เขาทำเพื่อความโลภของตัวเอง ซุ่มโจมตีพวกเรา นี่คืออาวุธของผู้อาวุโสใหญ่ มีดสั้นเล่มนี้แทงทะลุใจข้า หากไม่ได้จูนจิ่ว ท่านปู่ข้าคงตายอยู่ในมือของผู้อาวุโสใหญ่ไปนานแล้ว ไม่ว่าหยุนหนีจะพูดอะไร นางนั่นแหละที่หลอกลวง ”
หยุนหนีไม่กล้ามองมู่จิ่งหยวน นางตัวสั่นเทาตกใจจนหน้าขาวซีด เพียงพอที่จะยืนยันได้ว่าใครพูดจริงพูดเท็จ
คนที่อยู่บนตำหนักใหญ่ถูกการพลิกกลับของสถานการณ์นี้ ตบหน้าจนไม่มีใครพูดอะไรออก เมื่อครู่ด่าจูนจิ่วได้ดุดันแค่ไหน ตอนนี้ใบหน้าก็เจ็บเท่านั้น
เจ้าสำนักศึกษาเทียนซูกับซิงโล่เฉินยังพอยึดเอาไว้ได้บ้าง แต่สีหน้าไม่น่าดูเอาซะเลย ส่วนหงยิง ด่าหยุนหนีลับๆว่าไร้ประโยชน์ โกรธจนไฟโทสะโจมตีหัวใจจนกระอักเลือด ใบหน้าที่สวยงามบิดเบี้ยว ดูโหดเหี้ยมกว่าการถูกตบหน้าชา
จบกัน
มู่จิ่งหยวนออกมาแบบนี้ จูนจิ่วก็สามารถพลิกสถานการณ์ได้อย่างสวยงาม แผนการของพวกเขาเหลืออีกนิดก็จะสำเร็จแล้วเชียว ไม่พอใจ
เจ้าสำนักศึกษาไท่ชูได้ยินคำพูดของมู่จิ่งหยวน ก็หันไปมองจูนจิ่วรู้สึกผิดเป็นอย่างยิ่ง เขาพูดว่า “ข้าจะยกเลิกคำสั่งไล่ล่า แล้วจะชดเชยให้พวกเจ้า และขอให้จูนจิ่ว ชิงหยู่พวกเจ้าอภัยให้ข้าด้วย”
“ตอนนี้เห็นทีความจริงก็ปรากฏแล้ว ”เจ้าสำนักศึกษาจื่อเซียวพยักหน้าอย่างพอใจ
“นี่คือเรื่องจริงหรือ เจ้าสำนักศึกษาไท่ชู เจ้าสำนักศึกษาจื่อเซียวพวกเท่านนี่ช่างหลอกง่ายเสียจริง อาศัยแค่มู่จิ่งหยวนออกมาพูดไม่กี่คำ ก็เป็นหลักฐานได้แล้วหรือ ”ซิงโล่เฉินเปิดปากพูด มองจูนจิ่วอย่างเจ้าเล่ห์อันตราย
ประสานสายตากัน ดึงสถานการณ์ให้ตึงเครียดอย่างมองไม่เห็น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ
หนังสือยังไม่จบ ไม่อัปต่อแล้วเรอค่ะ...