เปรี้ยงปร้าง
เสียงฟ้าผ่า ดังราวกับจะผ่าให้แผ่นดินแยกจากกันอย่างไรอย่างนั้น หยุนหนีตกใจจนกรีดร้องเสียงหนึ่ง รีบทรุดตัวนั่งลงเอามือกุมหัว เห็นท่าทีของนาง บวกกับคำพูดที่นางเพิ่งพูดไป บรรยากาศในตำหนักใหญ่ก็ผิดปกติขึ้นมา
จูนจิ่วเลิกคิ้วยิ้มมุมปาก ฟ้าผ่าได้เวลาพอดิบพอดี เสียงฟ้าผ่าดังแค่ไหน เสียงตบหน้าหยุนหนีก็ดังเท่านั้น
ในตำหนักใหญ่ ไม่มีใครเห็นโม่อู๋เยว่ที่เพิ่งจะเก็บนิ้วมือที่ทำท่าดีดนิ้วเมื่อครู่กลับไป ยิ้มอย่างชั่วร้าย มองจูนจิ่วอย่างรักเอ็นดูเก็บซ่อนผลงานและชื่อเสียงเอาไว้
หยอกล้ออย่างเปิดเผย จูนจิ่วยิ้มมองหยุนหนี “พูดต่อสิ ทำไมไม่พูดเล่า ”
“ไม่ ข้าไม่ได้โกหก อย่าผ่าข้านะ ”หยุนหนีตกใจจนฉี่เกือบราด เพิ่งพูดจบก็มีเสียงฟ้าผ่า หรือว่าสวรรค์จะมีตาจริงๆ ได้ยินที่นางพูดโกหกก็จะผ่านาง เคยเกือบตายมาแล้ว ตอนนี้แม้แต่คำว่ากลัวตายหยุนหนียังไม่กล้าพูด
เห็นท่าทีของนาง พวกเจ้าสำนักศึกษาเทียนซูก็โกรธจนหน้าบิดเบี้ยว ไร้ประโยชน์จริงๆ
ตอนนี้เอง ซิงโล่เฉินก็เดินออกมาและพูดด้วยน้ำเสียงอันตรายเย็นชา“จูนจิ่ว หยุนหนีไม่กล้าพูด เจ้าก็คิดว่าเจ้าจะพ้นโทษหรือ เจ้าไม่ได้ฆ่ามู่จิ่งหยวน เช่นนั้นคงเป็นศิษย์พี่เจ้าชิงหยู่เป็นคนฆ่า คนร้ายมีแค่พวกเจ้าสองคน ”
“ทำไม หรือเจ้าจะเถียง ว่าการตายของผู้อาวุโสใหญ่กับมู่จิ่งหยวนนั้น เจ้ากับชิงหยู่คือผู้บริสุทธิ์ไม่ได้ทำอะไรเลย หึ จูนจิ่วเจ้ายอมรับผิดซะดีๆเถอะ”
เสียงของซิงโล่เฉินเผยแววข่มขู่ ดุจมีดคมที่แขวนอยู่บนหัวของจูนจิ่ว
เขากำลังแจ้งเตือนจูนจิ่ว อย่าลืมลูกศิษย์ของสำนักเทียนอู่จงที่อยู่ในมือเขา แล้วก็วิชาฝึกตนชั้นที่สี่
แต่ทุกคนในตำหนักใหญ่เมื่อได้ยินคำพูดของซิงโล่เฉินแล้ว ต่างก็พยักหน้า ไม่ผิด ถ้าจูนจิ่วไม่ได้เป็นคนฆ่า ก็คงเป็นชิงหยู่ คนร้ายมีแค่พวกเขาสองคน เป็นพวกเดียวกันไม่ว่าใครก็หนีไม่พ้น ศิษย์ทรยศต้องฆ่า
หงยิงยิ้มร้าย “จูนจิ่วเจ้าแก้ตัวไปก็ไร้ประโยชน์”
“โธ่เอ้ย”จูนจิ่วถอนหายใจอย่างจนใจ “ถ้าพวกเจ้าไม่เชื่อข้า เช่นนั้นก็คงต้องให้ศิษย์พี่มู่มาอธิบายด้วยตัวเองแล้ว ”
“ฮ่าฮ่าฮ่า จูนจิ่วเจ้าบ้าไปแล้วหรือ ให้มู่จิ่งหยวนมาอธิบาย แม้แต่ศพคนตายยังหาไม่เจอ ไม่แน่อาจถูกเจ้าทำลายจนไม่เหลือร่องรอยตั้งแต่แรกแล้ว จะอธิบายอย่างไร เจ้าคิดจะแกล้งบ้าแกล้งโง่หรือไง น่าขันนัก”หงยิงรีบหัวเราะเยาะทันที
และตอนนี้เอง หงยิงเห็นหยุนหนีที่นั่งลอยู่กับพื้นเอามือกุมหัวเอาไว้ ทันใดนั้นดวงตาก็แทบจะถลนออกมา มือก็ชี้ออกไปนอกตำหนักด้วยท่าทีตกตะลึงหวาดกลัวไม่อยากเชื่อ ริมฝีปากสั่นพูดไม่ออก
ในใจมีลางสังหรณ์ไม่ดี หงยิงค่อยๆเงยหน้าขึ้นมองไปด้วยคอที่แข็งเกร็ง
คนที่มามุงดูต่างก็เบียดเข้าไปในตำหนักแล้ว ฉะนั้นข้างนอกจึงว่างเปล่าและตอนนี้มีคนสองคนกำลังเดินมา ต่างก็ดึงดูดสายตา หนึ่งในนั้นสีหน้าขาวซีด มือหนึ่งกุมที่หัวใจเอาไว้เดินมาอย่างช้าๆ แต่เห็นสีหน้าของเขาร้อนใจ คิดอยากจะเดินเร็วกว่านี้แต่ติดที่ร่างกายไม่อำนวย
คนที่เดินเคียงไหล่กับเขามาด้วย เตะตาเป็นอย่างมาก เพราะในอ้อมอกของเขาอุ้มแมวตัวหนึ่งเอาไว้ ท่าทางระมัดระวังดุจกำลังถือของล้ำค่าเอาไว้
จี้อีหมิงดีใจจนตะโกนขึ้นเหมือนจะเตือนทุกคน “ในที่สุดมู่จิ่งหยวนก็ตื่นแล้ว ”เขาเป็นคู่ปรับกับมู่จิ่งหยวน คอยแต่คิดแผนจะทำร้ายอีกฝ่ายมาหลายปี นี่ยังเป็นครั้งแรกที่เห็นมู่จิ่งหยวนแล้วดีใจขนาดนี้
“ชิงหยู่ มู่จิ่งหยวนในที่สุดพวกเจ้าก็มา”ฝู้หลินจ้านก้าวเท้าใหญ่ๆเข้าไปหา ในที่สุดใบหน้าก็เผยรอยยิ้ม
เขาพูดว่า “พวกเจ้ามาได้พอดี มีคนกำลังตาบอด บอกว่าเจ้าเป็นคนตาย นี่ไม่เท่ากับแช่งเจ้าหรือ ยังบอกว่าจูนจิ่วเป็นคนบ้า ข้าว่านางต่างหากที่เป็นนางอสรพิษที่ทั้งตาบอดทั้งบ้า”
หงยิงอยากจะด่าฝู้หลินจ้าน แต่นางพูดไม่ออกสักคำ นางก็เหมือนกับหยุนหนีที่ตาแทบจะถลนออกมาแล้ว
เจ้าสำนักศึกษาเทียนซูกับซิงโล่เฉินก็ไม่ต่างกันมาก ตกใจจนหน้าซีด มู่จิ่งหยวนตายแล้วมิใช่หรือ ทำไมยังมีชีวิตอยู่ ทำไมเขายังมีชีวิตอยู่ เดิมทีแน่ใจว่าจูนจิ่วคงผลิกสถานการณ์ไม่ได้แน่
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ
หนังสือยังไม่จบ ไม่อัปต่อแล้วเรอค่ะ...