บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ นิยาย บท 430

สรุปบท บทที่ 430 ของขวัญของโม่อู๋เยว่จอมหยอก: บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ

ตอน บทที่ 430 ของขวัญของโม่อู๋เยว่จอมหยอก จาก บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

บทที่ 430 ของขวัญของโม่อู๋เยว่จอมหยอก คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายโรแมนซ์ บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ ที่เขียนโดย ต้าวเมียวเมียว เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

“นกยูงรำแพนจะข่วนอย่างไร”จูนจิ่วเลิกคิ้ว ถามเสี่ยวอู่อย่างหยอกล้อ

เสี่ยวอู่โมโหจนขนระเบิด ทำให้ร่างของมันดูพองโตไปหมด มันกระทืบเท้าอยู่กับที่ “เจ้านาย นี่มันเวลาอะไร ท่านยังจะล้อข้าอีก เหมียว ตอนนี้ที่สำคัญก็คือ คิดหาวิธีจะกลั่นยาอย่างไร ”

จูนจิ่วมุมปากโค้งขึ้น นางมองไปรอบๆ ไฟใต้ดินถูกสกัด เตากลั่นยาถูกวางยาพิษ คิดอยากจะกลั่นยาที่นี่ แทบเป็นไปไม่ได้

เสี่ยวอู่เกิดมีความคิดขึ้นมาอย่างกะทันหัน “เหมียว พวกเรารีบออกไปบอกเรื่องนี้กับพวกเขา จากนั้นก็เปลี่ยนห้อง ”

“ไม่ได้นะ ”จูนจิ่วเดินไปอุ้มเสี่ยวอู่ “พวกเขาทำลายที่นี่ได้ ก็ทำลายที่อื่นได้เช่นกัน ถ้ารู้ว่าข้าเปลี่ยนห้อง ย่อมต้องลงมือทำลายการกลั่นยาของข้าอยู่ดี ”

เสี่ยวอู่ “แต่ว่าจะอยู่กลั่นยาที่นี่ได้อย่างไร น่าโมโห จะออกไปจับพวกเขาไว้ก่อนไม่ได้หรือ ”จูนจิ่วลูบหัวเสี่ยวอู่อย่างปลอบโยน ที่จริงในใจนางก็มีความคิดนี้ผุดขึ้นเช่นกัน อยากจะจัดการกับคนร้ายให้สิ้นซาก จะได้ไม่ต้องเสียเวลาอีก แต่ก่อนที่จูนจิ่วจะตัดสินใจ ฝั่งหนึ่งของหน้าต่างก็มีเสียงเบาๆของเหลิ่งยวนถามขึ้น “แม่นางจูน ข้าเข้าไปได้หรือไม่ ”

“เข้ามา ”

ที่หน้าต่างมีช่องเล็กๆแง้มออก เห็นเพียงแสงสีดำที่แวบเข้ามา เหลิ่งยวนก็มายืนอยู่ตรงหน้าจูนจิ่วแล้ว

เห็นเพียงในมือของเหลิ่งยวนถือเตากลั่นยาเล็กแต่ดูประณีตมาก เขายื่นไปตรงหน้าจูนจิ่ว “แม่นางจูน นี่คือของที่เจ้านายข้ามอบให้ท่าน ชื่อของมันคือเตาฟ้าดินเพรียวปราด อย่าเห็นว่ามันเล็กแค่นี้ เจ้าเตาฟ้าดินเพรียวปราดนี้ ขอเพียงใช้หินทิพย์ในการขับเคลื่อน ก็สามารถเปลี่ยนเป็นเล็กใหญ่ได้ตามต้องการ ”

เหลิ่งยวนไม่ได้บอกว่า เจ้าเตาฟ้าดินเพรียวปราดนี้ สามารถหดเล็กจนเป็นที่อุ่นมือได้ และถ้าขยายใหญ่ ก็ใหญ่จนสามารถกลืนเมืองทั้งเมืองได้ แน่นอน แม้จูนจิ่วจะมีอยู่ในมือก็ยังไม่มีพลังแข็งแกร่งเพียงพอที่จะทำได้

เหลิ่งยวนบอกเพียงว่า “เจ้านายรู้ว่าตอนนี้แม่นางจูนขาดเตากลั่นยา นี่เหมาะแกการใช้พอดี อีกอย่างมันไม่ต้องใช้ไฟใต้ดิน ใช้หินทิพย์ก็สามารถแทนไฟใต้ดินได้ นี่คือหินทิพย์ที่ให้ไว้เพื่อให้แม่นางจูนใช้ หินทิพย์ชั้นสี่หนึ่งร้อยเม็ด”

“น่าจะพอให้แม่นางจูนกลั่นยาแล้ว ถ้าไม่พอ ให้เรียกข้า ข้าจะส่งเพิ่มมาให้แม่นางจูน”ระหว่างที่เหลิ่งยวนพูด มือก็เอาถุงใส่หินทิพย์ออกมาหนึ่งถุง ส่งให้จูนจิ่วในช่องว่างแห่งแหวน

ถุงเก็บของเป็นเครื่องเก็บของในช่องว่างที่มีระดับต่ำที่สุด บรรจุได้จำกัด เทียบไม่ได้แม้แต่หนึ่งในแสนของแหวนแห่งช่องว่างที่โม่อู๋เยว่มอบให้นางเลย แต่ในชั้นต่ำสามชั้นก็ยังเป็นของล้ำค่าที่พบเจอได้ยากมาก

จูนจิ่วหมุนแหวนบนนิ้วมือของนาง นางถามเหลิ่งยวนต่อว่า “อู๋เยว่ยังพูดอะไรอีกหรือไม่ ”

“เจ้านายยังบอกว่า ให้แม่นางจูนกลั่นยาอย่างสบายใจได้ วัตถุดิบทั้งหมดเขาจะเป็นคนออกเอง หากเวลาไม่พอ เขาไปทำลายสำนักศึกษาเทียนซูครึ่งสำนัก เมื่อวุ่นวายขึ้นมาก็คงไม่มีใครสนใจเวลาของท่านแล้ว ”เหลิ่งยวนพูดยิ้มๆ

เจ้านายของเขาเพื่อแม่นางจูนจิ่วแล้ว สามารถพูดได้ว่าคิดไว้อย่างรอบคอบ

จูนจิ่วมุมปากกระตุก ทำไมนางจึงรู้สึกว่าโม่อู่เยว่นั้นเพื่อเอาใจคนที่รักแล้ว สามารถเป็นคนขาดสติไม่ว่าอะไรก็ทำได้

เสี่ยวอู่ สรุปแล้วเหมียว โม่อู๋เยว่จอมหยอกนั้นเป็นคนขาดสติที่คิดรอบคอบแล้ว

จูนจิ่วเงียบขรึมไป นางเอ่ยว่า “ข้ารู้แล้ว เจ้าไปบอกเขา ไม่จำเป็นต้องไปทำลายครึ่งสำนัก เวลาหนึ่งเดือนนั้นเพียงพอแล้ว ”เดิมทีไม่มาเตากลั่นยา ไม่มีไฟใต้ดิน จะลำบากมาก แต่ตอนนี้มี เตาฟ้าดินเพรียวปราด เพียงพอแล้ว

จูนจิ่วยิ้มมุมปาก ถ้านางเจอโม่อู๋เยว่ครั้งหน้า สามารถเรียกเขาว่าฝนทันใจ

ร่างเสี่ยวอู่ที่ใหญ่ขึ้น เดินไปไม่ไกลจากร่างจูนจิ่วนักแล้วขดตัวเป็นครึ่งวงกลม อย่างนี้ถ้าจูนจิ่วรู้สึกเหนื่อย ก็สามารถนั่งพิงร่างมันเพื่อพักผ่อนได้

นอกห้อง โม่อู๋เยว่มองจดหมายที่ยินหันส่งมาให้ มุมปากมีรอยยิ้มชั่วร้ายโค้งขึ้น ในสายตามีแววรักเอ็นดู มองไปทางจูนจิ่วอยู่เป็นระยะ ในสายตาเขา ไม่มีสิ่งใดสามารถขวางกั้นการเฝ้ามองจูนจิ่วได้

เห็นแต่ที่จูนจิ่วที่มีจิตใจหวั่นไหวนิดหน่อย เขาจะไม่เอาเรื่องที่เหลิ่งยวนพูดเรื่องที่ไม่ควรพูดเมื่อครู่ แม้ว่าเหลิ่งยวนก็ไม่ได้พูดผิด แต่เขาเป็นกังวลจริงๆ ตัวเองเข้าไปแล้วก็ไม่อยากจากไปไหน วันๆอยากจะอยู่ข้างกายจูนจิ่ว เพราะการกลั่นยาต้องใช้เวลาเป็นเดือน เขาไม่สามารถจะจูงมือเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ได้ และก็ไม่สามารถกอดนางได้ด้วย

ถูกนิ้วมือไปมา แล้วก็ค่อยๆจับที่ริมฝีปาก ที่นั่นยังคงมีรสชาติที่จูบไปบนหน้าของจูนจิ่วหลงเหลืออยู่ อ่อนนุ่มราวกับเต้าหู้ทำให้อยากจะกัดเข้าไปสักคำ ประทับตราอย่างเอาแต่ใจ

รออีกสักหน่อย อดทนรออีกสักหน่อย ผลไม้สุกแล้วก็จะสามารถเด็ดลงมาชิมรสได้

……

เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว จูนจิ่วทุ่มเทสมาธิทั้งหมดไปในการกลั่นยา ไม่ถึงหนึ่งเดือน เวลาของนางช่างเร่งรัดไม่สามารถให้เสียเปล่าได้

พวกซิงโล่เฉินคอยเฝ้าสังเกตห้องกลั่นยาอยู่ตลอดเวลา เห็นว่าจูนจิ่วไม่มีการเคลื่อนไหวอะไรก็รู้สึกประหลาดใจมาก แต่ว่าเขากับเฟยชิงต่างก็มั่นใจว่า จูนจิ่วไม่มีวิธีอื่นจึงไม่กล้าออกมา หลังจากที่พวกเขาอดทนรอเป็นเวลาหนึ่งเดือน

จูนจิ่วต้องแพ้แน่

ไม่มีไฟดิน ไม่มีเตากลั่นยา นางไม่สามารถกลั่นยาได้ อีกทั้งยังมีตั้งสิบเม็ด แม้แต่เม็ดเดียวนางก็อย่าได้คิด ซิงโล่เฉินได้เตรียมตัวเสร็จแล้ว ว่าจะเยาะเย้ยถากถางจูนจิ่วในวันนั้นอย่างไร

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ