“นกยูงรำแพนจะข่วนอย่างไร”จูนจิ่วเลิกคิ้ว ถามเสี่ยวอู่อย่างหยอกล้อ
เสี่ยวอู่โมโหจนขนระเบิด ทำให้ร่างของมันดูพองโตไปหมด มันกระทืบเท้าอยู่กับที่ “เจ้านาย นี่มันเวลาอะไร ท่านยังจะล้อข้าอีก เหมียว ตอนนี้ที่สำคัญก็คือ คิดหาวิธีจะกลั่นยาอย่างไร ”
จูนจิ่วมุมปากโค้งขึ้น นางมองไปรอบๆ ไฟใต้ดินถูกสกัด เตากลั่นยาถูกวางยาพิษ คิดอยากจะกลั่นยาที่นี่ แทบเป็นไปไม่ได้
เสี่ยวอู่เกิดมีความคิดขึ้นมาอย่างกะทันหัน “เหมียว พวกเรารีบออกไปบอกเรื่องนี้กับพวกเขา จากนั้นก็เปลี่ยนห้อง ”
“ไม่ได้นะ ”จูนจิ่วเดินไปอุ้มเสี่ยวอู่ “พวกเขาทำลายที่นี่ได้ ก็ทำลายที่อื่นได้เช่นกัน ถ้ารู้ว่าข้าเปลี่ยนห้อง ย่อมต้องลงมือทำลายการกลั่นยาของข้าอยู่ดี ”
เสี่ยวอู่ “แต่ว่าจะอยู่กลั่นยาที่นี่ได้อย่างไร น่าโมโห จะออกไปจับพวกเขาไว้ก่อนไม่ได้หรือ ”จูนจิ่วลูบหัวเสี่ยวอู่อย่างปลอบโยน ที่จริงในใจนางก็มีความคิดนี้ผุดขึ้นเช่นกัน อยากจะจัดการกับคนร้ายให้สิ้นซาก จะได้ไม่ต้องเสียเวลาอีก แต่ก่อนที่จูนจิ่วจะตัดสินใจ ฝั่งหนึ่งของหน้าต่างก็มีเสียงเบาๆของเหลิ่งยวนถามขึ้น “แม่นางจูน ข้าเข้าไปได้หรือไม่ ”
“เข้ามา ”
ที่หน้าต่างมีช่องเล็กๆแง้มออก เห็นเพียงแสงสีดำที่แวบเข้ามา เหลิ่งยวนก็มายืนอยู่ตรงหน้าจูนจิ่วแล้ว
เห็นเพียงในมือของเหลิ่งยวนถือเตากลั่นยาเล็กแต่ดูประณีตมาก เขายื่นไปตรงหน้าจูนจิ่ว “แม่นางจูน นี่คือของที่เจ้านายข้ามอบให้ท่าน ชื่อของมันคือเตาฟ้าดินเพรียวปราด อย่าเห็นว่ามันเล็กแค่นี้ เจ้าเตาฟ้าดินเพรียวปราดนี้ ขอเพียงใช้หินทิพย์ในการขับเคลื่อน ก็สามารถเปลี่ยนเป็นเล็กใหญ่ได้ตามต้องการ ”
เหลิ่งยวนไม่ได้บอกว่า เจ้าเตาฟ้าดินเพรียวปราดนี้ สามารถหดเล็กจนเป็นที่อุ่นมือได้ และถ้าขยายใหญ่ ก็ใหญ่จนสามารถกลืนเมืองทั้งเมืองได้ แน่นอน แม้จูนจิ่วจะมีอยู่ในมือก็ยังไม่มีพลังแข็งแกร่งเพียงพอที่จะทำได้
เหลิ่งยวนบอกเพียงว่า “เจ้านายรู้ว่าตอนนี้แม่นางจูนขาดเตากลั่นยา นี่เหมาะแกการใช้พอดี อีกอย่างมันไม่ต้องใช้ไฟใต้ดิน ใช้หินทิพย์ก็สามารถแทนไฟใต้ดินได้ นี่คือหินทิพย์ที่ให้ไว้เพื่อให้แม่นางจูนใช้ หินทิพย์ชั้นสี่หนึ่งร้อยเม็ด”
“น่าจะพอให้แม่นางจูนกลั่นยาแล้ว ถ้าไม่พอ ให้เรียกข้า ข้าจะส่งเพิ่มมาให้แม่นางจูน”ระหว่างที่เหลิ่งยวนพูด มือก็เอาถุงใส่หินทิพย์ออกมาหนึ่งถุง ส่งให้จูนจิ่วในช่องว่างแห่งแหวน
ถุงเก็บของเป็นเครื่องเก็บของในช่องว่างที่มีระดับต่ำที่สุด บรรจุได้จำกัด เทียบไม่ได้แม้แต่หนึ่งในแสนของแหวนแห่งช่องว่างที่โม่อู๋เยว่มอบให้นางเลย แต่ในชั้นต่ำสามชั้นก็ยังเป็นของล้ำค่าที่พบเจอได้ยากมาก
จูนจิ่วหมุนแหวนบนนิ้วมือของนาง นางถามเหลิ่งยวนต่อว่า “อู๋เยว่ยังพูดอะไรอีกหรือไม่ ”
“เจ้านายยังบอกว่า ให้แม่นางจูนกลั่นยาอย่างสบายใจได้ วัตถุดิบทั้งหมดเขาจะเป็นคนออกเอง หากเวลาไม่พอ เขาไปทำลายสำนักศึกษาเทียนซูครึ่งสำนัก เมื่อวุ่นวายขึ้นมาก็คงไม่มีใครสนใจเวลาของท่านแล้ว ”เหลิ่งยวนพูดยิ้มๆ
เจ้านายของเขาเพื่อแม่นางจูนจิ่วแล้ว สามารถพูดได้ว่าคิดไว้อย่างรอบคอบ
จูนจิ่วมุมปากกระตุก ทำไมนางจึงรู้สึกว่าโม่อู่เยว่นั้นเพื่อเอาใจคนที่รักแล้ว สามารถเป็นคนขาดสติไม่ว่าอะไรก็ทำได้
เสี่ยวอู่ สรุปแล้วเหมียว โม่อู๋เยว่จอมหยอกนั้นเป็นคนขาดสติที่คิดรอบคอบแล้ว
จูนจิ่วเงียบขรึมไป นางเอ่ยว่า “ข้ารู้แล้ว เจ้าไปบอกเขา ไม่จำเป็นต้องไปทำลายครึ่งสำนัก เวลาหนึ่งเดือนนั้นเพียงพอแล้ว ”เดิมทีไม่มาเตากลั่นยา ไม่มีไฟใต้ดิน จะลำบากมาก แต่ตอนนี้มี เตาฟ้าดินเพรียวปราด เพียงพอแล้ว
จูนจิ่วยิ้มมุมปาก ถ้านางเจอโม่อู๋เยว่ครั้งหน้า สามารถเรียกเขาว่าฝนทันใจ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ
หนังสือยังไม่จบ ไม่อัปต่อแล้วเรอค่ะ...