จูนจิ่วกับชิงหยู่เดินออกไปไกลพอสมควรแล้ว เหลิ่งยวนค่อยตามมา พอตามทันคำพูดแรกที่เขาพูดก็คือ “แม่นางจูน เจ้าอย่าเชื่อเจ้าคางคกนั้นเด็ดขาด เขาหลอกลวงเจ้า ข้าเพิ่งจะหลอกเขา บอกว่าข้าเป็นองครักษ์ที่แม่เจ้าให้มาคอยปกป้องดูแล แต่ข้าไม่เคยได้ยินมาก่อนว่าเจ้ามีสัญญาแต่งงาน สีหน้าเขาเปลี่ยนไปเลย เป็นเท็จ ต้องเป็นเรื่องไม่จริงแน่”
“เรื่องไม่จริง แต่ทำไมเขาต้องหลอกลวงศิษย์น้องด้วย”ชิงหยู่ขมวดคิ้วถาม
เหลิ่งยวนเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเฉียบขาดว่า “ต้องเป็นเพราะหวังอยากจะได้ความงามของแม่นางจูน ชายหนุ่มที่เจ้าชู้เช่นนี้ แม่นางจูนต้องอยู่ห่างจากเขาให้มากๆ”
มุมปากของจูนจิ่วโค้งขึ้น นางมองไปทางเหลิ่งยวน “ข้าไม่ได้เชื่อเขา แต่ว่าเหลิ่งยวนเจ้าไม่ต้องกลับไปหรือ”
ตลอดเวลาที่ผ่านมาเหลิ่งยวนได้แต่ปกป้องคุ้มครองอยู่อย่างลับๆ อีกทั้งเวลาที่โม่อู๋เยว่อยู่ จะไม่ได้พบเห็นเข้าด้วยซ้ำไป ไม่ใช่แอบอู้ แต่ด้วยความชาญฉลาดจึงไม่อยู่เป็นก้างขวางคอใคร
ได้ยินคำพูดนี้ เหลิ่งยวนรีบยืนตัวตรงทันที เอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า “แม่นางจูนวางใจได้ ปกติข้าจะไม่บดบังสายตาของเจ้าอย่างเด็ดขาด แต่ขอเพียงเจ้าคางคกนั่นยังอยู่ ข้าต้องปรากฏตัวขึ้นขวางเขาเอาไว้ ”
“ทำไมเจ้าต้องทำเช่นนี้ด้วย”ชิงหยู่ถามขึ้นอย่างอยากรู้
เหลิ่งยวนหลุดปากตอบออกไปอย่างรวดเร็วว่า “แม่นางจูนนั้นต้องแต่งงานกับเจ้านายของข้า จะให้ถูกคางคกตัวนั้นคาบไปกลางทางได้อย่างไร”
ชิงหยู่:……
จูนจิ่ว:……
พอได้สติว่าตัวเองพูดอะไรออกไป เหลิ่งยวนก็ไหวตัวหายวับไร้เงาไปอย่างรวดเร็ว
ชิงหยู่ได้สติกลับมา มองจูนจิ่วด้วยสีหน้าซับซ้อน อยากจะพูดบางอย่างแต่ก็หยุดเอาไว้ เป็นจูนจิ่วที่ทนดูต่อไปไม่ไหวแล้วจึงพูดขึ้นว่า “ศิษย์พี่ท่านมีอะไรก็พูดออกมาตรงๆเถอะ”
“ศิษย์น้อง เจ้าวางแผนจะแต่งงานกับโม่อู๋เยว่แล้วหรือ”ครั้งนี้ไม่เรียกว่าผู้อาวุโสโม่ เรียกชื่อไปตรงๆเลย ศิษย์น้องวางแผนจะแต่งงานแล้ว เช่นนั้นคุณสมบัติย่อมไม่เหมือนเดิม
“ตอนนี้ยังไม่ได้คิดเรื่องนี้”จูนจิ่วยิ้ม
ชิงหยู่พยักหน้าติดๆกันพูดว่าอ้อ จากนั้นฝีเท้าก็หยุดลงยืนแข็งทื่ออยู่กับที่ เขาเบิกตากว้าง ตอนนี้ยังไม่มีความคิดนี้ นี่ไม่เท่ากับว่าในอนาคตอาจจะมีความคิดนี้ก็ได้ ไม่ว่าอย่างไร ก็ยังจะแต่งงานกับโม่อู๋เยว่อยู่ดี
อ้าปากยังอยากจะถามจูนจิ่วต่อ แต่สุดท้ายพอเงยหน้าขึ้นก็เห็นจูนจิ่วเดินไปไกลจนไม่เห็นเงาแล้ว
จูนจิ่วเดินเร็วมาก เพราะต้องรีบกลับไปขวางปีศาจบางตนเอาไว้ก่อน เปิดประตูออก ปีศาจบางตนนั่งอยู่บนตั่งสาวงาม เปลือกตาหลุบลงไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่ จูนจิ่วมองแล้วก็รู้สึกว่า ร่างของโม่อู๋เยว่มีไอแห่งความดุร้ายสายหนึ่งรายล้อมอยู่ เป็นความน่ากลัวอย่างโหดเหี้ยมเพียงหนึ่งแรงโกรธปะทุก็สามารถทำให้บาดเจ็บล้มตายกันเป็นเบือ
นางกระแอมหนึ่งเสียง “ข้ากลับมาแล้ว”
“เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์”โม่อู๋เยว่เงยหน้าขึ้นมองมายังนาง ชั่วพริบตานั้นความดุร้ายได้กลายเป็นความแค้นเคือง มองจนทำให้จูนจิ่วรู้สึกผิด
โม่อู๋เยว่พูดว่า“น้อยมากที่ข้าจะเข้าไปยุ่งเรื่องของเจ้า เพราะคิดว่าเจ้าต้องการอิสระ ไม่ว่าจะดีร้ายอย่างไรก็ยังมีข้าคอยแบกรับ ไม่กลัว แต่ว่าว่าที่สามีคนนี้ ข้าควรแยกร่างเขาเป็นชิ้นๆ หรือว่าจับวิญญาณเขามาทำเป็นหุ่นเชิดดี หรือว่าจะถลกหนังดึงเส้นเอ็น เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์เจ้าเลือกสักอย่าง”
“อะแฮ่ม เป็นว่าที่สามีตัวจริงหรือเปล่าก็ยังไม่รู้”จูนจิ่วไอขึ้นอีกหนึ่งเสียง
เสี่ยวอู่เดินตามเข้ามา แต่มันปีนอยู่บนหลังคาเงี่ยหูฟังจนได้ยินทั้งหมดแล้ว เสี่ยวอู่กำลังส่งสัญญาณเสียงด้วยความยินดีในความโชคร้ายของผู้อื่น“เจ้านาย โม่อู๋เยว่หึงแล้วฮ่าๆๆ”
โม่อู๋เยว่:……เขาได้ยิน
นั่งตัวตรง โม่อู๋เยว่หรี่ตาลงเล็กน้อยแววตาเย็นชา “ไม่จริงก็สมควรตาย”
มีเจตนาร้ายต่อเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ สมควรฆ่า
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ
หนังสือยังไม่จบ ไม่อัปต่อแล้วเรอค่ะ...