บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ นิยาย บท 455

สรุปบท บทที่ 455 เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์เป็นของเขา: บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ

ตอน บทที่ 455 เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์เป็นของเขา จาก บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

บทที่ 455 เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์เป็นของเขา คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายโรแมนซ์ บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ ที่เขียนโดย ต้าวเมียวเมียว เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

จูนจิ่วกับชิงหยู่เดินออกไปไกลพอสมควรแล้ว เหลิ่งยวนค่อยตามมา พอตามทันคำพูดแรกที่เขาพูดก็คือ “แม่นางจูน เจ้าอย่าเชื่อเจ้าคางคกนั้นเด็ดขาด เขาหลอกลวงเจ้า ข้าเพิ่งจะหลอกเขา บอกว่าข้าเป็นองครักษ์ที่แม่เจ้าให้มาคอยปกป้องดูแล แต่ข้าไม่เคยได้ยินมาก่อนว่าเจ้ามีสัญญาแต่งงาน สีหน้าเขาเปลี่ยนไปเลย เป็นเท็จ ต้องเป็นเรื่องไม่จริงแน่”

“เรื่องไม่จริง แต่ทำไมเขาต้องหลอกลวงศิษย์น้องด้วย”ชิงหยู่ขมวดคิ้วถาม

เหลิ่งยวนเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเฉียบขาดว่า “ต้องเป็นเพราะหวังอยากจะได้ความงามของแม่นางจูน ชายหนุ่มที่เจ้าชู้เช่นนี้ แม่นางจูนต้องอยู่ห่างจากเขาให้มากๆ”

มุมปากของจูนจิ่วโค้งขึ้น นางมองไปทางเหลิ่งยวน “ข้าไม่ได้เชื่อเขา แต่ว่าเหลิ่งยวนเจ้าไม่ต้องกลับไปหรือ”

ตลอดเวลาที่ผ่านมาเหลิ่งยวนได้แต่ปกป้องคุ้มครองอยู่อย่างลับๆ อีกทั้งเวลาที่โม่อู๋เยว่อยู่ จะไม่ได้พบเห็นเข้าด้วยซ้ำไป ไม่ใช่แอบอู้ แต่ด้วยความชาญฉลาดจึงไม่อยู่เป็นก้างขวางคอใคร

ได้ยินคำพูดนี้ เหลิ่งยวนรีบยืนตัวตรงทันที เอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า “แม่นางจูนวางใจได้ ปกติข้าจะไม่บดบังสายตาของเจ้าอย่างเด็ดขาด แต่ขอเพียงเจ้าคางคกนั่นยังอยู่ ข้าต้องปรากฏตัวขึ้นขวางเขาเอาไว้ ”

“ทำไมเจ้าต้องทำเช่นนี้ด้วย”ชิงหยู่ถามขึ้นอย่างอยากรู้

เหลิ่งยวนหลุดปากตอบออกไปอย่างรวดเร็วว่า “แม่นางจูนนั้นต้องแต่งงานกับเจ้านายของข้า จะให้ถูกคางคกตัวนั้นคาบไปกลางทางได้อย่างไร”

ชิงหยู่:……

จูนจิ่ว:……

พอได้สติว่าตัวเองพูดอะไรออกไป เหลิ่งยวนก็ไหวตัวหายวับไร้เงาไปอย่างรวดเร็ว

ชิงหยู่ได้สติกลับมา มองจูนจิ่วด้วยสีหน้าซับซ้อน อยากจะพูดบางอย่างแต่ก็หยุดเอาไว้ เป็นจูนจิ่วที่ทนดูต่อไปไม่ไหวแล้วจึงพูดขึ้นว่า “ศิษย์พี่ท่านมีอะไรก็พูดออกมาตรงๆเถอะ”

“ศิษย์น้อง เจ้าวางแผนจะแต่งงานกับโม่อู๋เยว่แล้วหรือ”ครั้งนี้ไม่เรียกว่าผู้อาวุโสโม่ เรียกชื่อไปตรงๆเลย ศิษย์น้องวางแผนจะแต่งงานแล้ว เช่นนั้นคุณสมบัติย่อมไม่เหมือนเดิม

“ตอนนี้ยังไม่ได้คิดเรื่องนี้”จูนจิ่วยิ้ม

ชิงหยู่พยักหน้าติดๆกันพูดว่าอ้อ จากนั้นฝีเท้าก็หยุดลงยืนแข็งทื่ออยู่กับที่ เขาเบิกตากว้าง ตอนนี้ยังไม่มีความคิดนี้ นี่ไม่เท่ากับว่าในอนาคตอาจจะมีความคิดนี้ก็ได้ ไม่ว่าอย่างไร ก็ยังจะแต่งงานกับโม่อู๋เยว่อยู่ดี

อ้าปากยังอยากจะถามจูนจิ่วต่อ แต่สุดท้ายพอเงยหน้าขึ้นก็เห็นจูนจิ่วเดินไปไกลจนไม่เห็นเงาแล้ว

จูนจิ่วเดินเร็วมาก เพราะต้องรีบกลับไปขวางปีศาจบางตนเอาไว้ก่อน เปิดประตูออก ปีศาจบางตนนั่งอยู่บนตั่งสาวงาม เปลือกตาหลุบลงไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่ จูนจิ่วมองแล้วก็รู้สึกว่า ร่างของโม่อู๋เยว่มีไอแห่งความดุร้ายสายหนึ่งรายล้อมอยู่ เป็นความน่ากลัวอย่างโหดเหี้ยมเพียงหนึ่งแรงโกรธปะทุก็สามารถทำให้บาดเจ็บล้มตายกันเป็นเบือ

นางกระแอมหนึ่งเสียง “ข้ากลับมาแล้ว”

“เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์”โม่อู๋เยว่เงยหน้าขึ้นมองมายังนาง ชั่วพริบตานั้นความดุร้ายได้กลายเป็นความแค้นเคือง มองจนทำให้จูนจิ่วรู้สึกผิด

โม่อู๋เยว่พูดว่า“น้อยมากที่ข้าจะเข้าไปยุ่งเรื่องของเจ้า เพราะคิดว่าเจ้าต้องการอิสระ ไม่ว่าจะดีร้ายอย่างไรก็ยังมีข้าคอยแบกรับ ไม่กลัว แต่ว่าว่าที่สามีคนนี้ ข้าควรแยกร่างเขาเป็นชิ้นๆ หรือว่าจับวิญญาณเขามาทำเป็นหุ่นเชิดดี หรือว่าจะถลกหนังดึงเส้นเอ็น เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์เจ้าเลือกสักอย่าง”

“อะแฮ่ม เป็นว่าที่สามีตัวจริงหรือเปล่าก็ยังไม่รู้”จูนจิ่วไอขึ้นอีกหนึ่งเสียง

เสี่ยวอู่เดินตามเข้ามา แต่มันปีนอยู่บนหลังคาเงี่ยหูฟังจนได้ยินทั้งหมดแล้ว เสี่ยวอู่กำลังส่งสัญญาณเสียงด้วยความยินดีในความโชคร้ายของผู้อื่น“เจ้านาย โม่อู๋เยว่หึงแล้วฮ่าๆๆ”

โม่อู๋เยว่:……เขาได้ยิน

นั่งตัวตรง โม่อู๋เยว่หรี่ตาลงเล็กน้อยแววตาเย็นชา “ไม่จริงก็สมควรตาย”

มีเจตนาร้ายต่อเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ สมควรฆ่า

“ซิงโล่เฉินหายตัวไปสามวัน และไม่รู้ว่าใครเป็นคนฆ่าเขา แต่ต้องเกี่ยวข้องกับจูนจิ่วแน่ ข้ากับอาจารย์ต่างก็ทำงานให้เจ้าตำหนักอย่างสุดชีวิตตลอดมา แต่พวกข้าไร้ความสามารถ ไม่สามารถจับตัวจูนจิ่วเพื่อเอาของล้ำค่ามาได้ ยังมีคนพวกนั้น ล้วนเป็นคนของจูนจิ่ว พวกเขาวางแผนจะทำลายสำนักศึกษาเทียนซูมานานแล้ว”

หงยิงพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเทา เปลี่ยนเป็นคนเชื่อฟังขึ้นมาก รู้ว่าอะไรควรพูด อะไรไม่ควรพูด ไม่เยิ่นเย้ออืดอาดแน่นอน ยิ่งง่ายยิ่งตรงไปตรงมาก็ยิ่งดี

พูดจบแล้ว หงยิงกัดฟันอย่างหวาดกลัวพูดต่ออย่างระมัดระวังว่า “เจ้าตำหนัก ขอเจ้าตำหนักให้โอกาสข้าอีกสักครั้ง ข้าจะไม่ทำผิดเหมือนเช่นที่อาจารย์และซิงโล่เฉินทำเด็ดขาด”

“หืม?”ตู๋กูชิงเหลือบสายตาลงมามองหงยิงจากข้างบน เปิดปากเอ่ยขึ้นว่า“เจ้าสำนักศึกษาเทียนซูเป็นนักจิตใหญ่ชั้นหก ซิงโล่เฉินเป็นนักจิตใหญ่ชั้นสาม ส่วนเจ้า มีความสามารถอะไรที่จะให้ข้าเก็บเจ้าเอาไว้ ”

“ข้าสามารถปรนนิบัติรับใช้เจ้าตำหนักได้”

หงยิงเจ็บปวดจนตัวสั่นระริกไปหมด แต่ก็ยังคงกัดฟันลุกขึ้น นางเงยหน้าขึ้นเผยรอยยิ้มให้กับตู๋กูชิง

เพราะลักษณะนิสัยของตู๋กูชิง แต่ไหนแต่ไรมาคนของเขาทำการลงโทษจะไม่ทำลายโฉมหน้า เกรงว่าจะเวลามองแล้วจะไม่เจริญตา ฉะนั้นใบหน้าของหงยิงยังคงงดงามดึงดูดคนอยู่ นางยื่นมือไปยังที่คาดเอวของตู๋กูชิง ปัง

เท้าหนึ่งเตะจนหงยิงล้มลง เจ็บปวดจนต้องขดตัวเป็นก้อนกลมๆ ตู๋กูชิงหึในลำคอด้วยความดูถูก “ของเล่นชั้นต่ำ เจ้าไม่คู่ควรที่จะแตะต้องข้า”

“เจ้าตำหนักโปรดให้อภัยด้วย หงยิงไม่มีความสามารถอะไรเลย ขอเจ้าตำหนักไว้ชีวิตด้วย ”หงยิงเจ็บจนเกือบจะเป็นลมไปแล้ว กัดฟันพูดสองประโยคนี้ออกไปอย่างสุดชีวิต นางไม่อยากตาย ไม่อยากกลายเป็นศพที่เย็นชืดเหมือนกับซิงโล่เฉินและเจ้าสำนักศึกษาเทียนซู

ตู๋กูชิงหรี่ตาลง “เจ้ารู้เรื่องจูนจิ่วหรือไม่”

หงยิงรีบพยักหน้ารับทันที เห็นดังนั้นตู๋กูชิงก็ยิ้มขึ้นมา “ดี เช่นนั้นก็จะเก็บเจ้าเอาไว้ เจ้ารู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับจูนจิ่วบ้าง ไม่ว่าจะดีหรือไม่ดีล้วนต้องเล่าให้ข้าฟังทั้งหมด ยิ่งละเอียดก็ยิ่งดี”

หงยิงยังคงหดตัวอยู่อย่างเจ็บปวด นิ้วมือจิกไปที่ฝ่ามืออย่างรุนแรง จูนจิ่วอีกแล้ว

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ