รถหงส์เก้าม้าไปหยุดนิ่งอยู่กลางกลุ่มตำหนักไท่หวงบนภูเขาทางทิศตะวันออก ผางเจียเยว่แนะนำว่า “ภูเขาลูกนี้เป็นตำหนักหลักของตำหนักไท่หวง ข้างหลังยังมีภูเขาน้อยใหญ่อีกเป็นร้อยลูก ล้วนเป็นอาณาเขตของเจ้าตำหนักทั้งเจ็ดแห่งตำหนักไท่หวง ในตำหนักหลักนี้ ตอนนี้มีเพียงผู้ดูแลสามคนและเจ้าตำหนักเท่านั้นที่อาศัยอยู่ภายใน”
“เจ้าตำหนักอีกสองท่านอาศัยอยู่ด้านทิศใต้และด้านตะวันตกของตำหนักหลัก ระยะทางระหว่างตรงกลางนั้นค่อนข้างยาวไกล ปกติจะไม่ได้พบหน้ากัน เชิญคุณหนูจูนเข้าไปพักที่วังยู่หลันก่อน สักพักเจ้าตำหนักจะมาพบคุณหนูจูน ”ผางเจียเยว่เดินลงมาจากรถหงส์ก่อน ยกมือขึ้นจะช่วยประคองจูนจิ่ว
เหมียว จากนั้นที่กระโดดลงมาคือแมวตัวหนึ่ง
จูนจิ่วเดินออกมาเห็นท่าทีที่จะช่วยประคองตนของผางเจียเยว่ จึงเอ่ยด้วยเสียงเรียบๆว่า“ไม่ต้อง”นางเดินลงจากรถม้าเอง เสี่ยวอู่เดินส่ายหางอย่างเชื่อฟังอยู่ข้างเท้านาง เหมือนแมวองครักษ์ที่ดูน่าเกรงขามโอหังและอวดดีตัวหนึ่ง ทำให้ผางเจียเยว่ต้องจ้องเขม็งไปที่ตัวเสี่ยวอู่หลายครั้ง
แมวตัวนี้ช่างเชื่อฟังดีจริงๆ อยากจะลองลูบดูสักครั้ง
เก็บความคิดทั้งหมด ใบหน้าของผางเจียเยว่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม ผายมือ “คุณหนูจูนเชิญ”
เสียงพูดเพิ่งจะสิ้นสุดลง ฟิ้ว เสียงหนึ่งแหวกทะลุอากาศมา พุ่งตรงมาตรงหน้าของจูนจิ่วอย่างรวดเร็ว สีหน้าของผางเจียเยว่เปลี่ยนไปทันที กำลังจะไหวตัวเข้าไปบังแต่ก็มีคนที่เร็วกว่านางหนึ่งก้าว
หมับ
เหลิ่งยวนกางมือจับลูกดอกเอาไว้ สีหน้าเคร่งขรึมเย็นชากำมือไว้แน่น บีบจนลูกดอกนั้นแตกละเอียดเป็นผุยผงคามือ เขาคำรามเสียงต่ำ “ใครกันแอบลอบทำร้าย ออกมา”
“ข้าเอง”เสียงของหญิงสาวที่แฝงไปด้วยความกล้าหาญกระตือรือร้น หญิงสาวสวมชุดกระโปรงสีแดงทับทิมคนหนึ่งเดินเชิดอกเข้ามา
เป็นนาง
ผางเจียเยว่ไม่ตกใจที่เหลิ่งยวนปรากฏตัวออกมากลางอากาศ นางรู้ว่าข้างกายจูนจิ่วมีองครักษ์ฝีมือร้ายกาจอยู่ด้วยคนหนึ่ง ถึงแม้จะรู้ว่าพลังที่แท้จริงมีมากแค่ไหน แต่เจ้าตำหนักยังบอกเลยว่าร้ายกาจ เช่นนั้นก็คงไม่ธรรมดา แต่ตอนที่เห็นหญิงสาวเดินเข้ามา ผางเจียเยว่กลับสูดลมหายใจเฮือกใหญ่
นางรีบถอยหลังไปครึ่งก้าวทันที ย่อตัวลงข้างกายจูนจิ่วรีบพูดขึ้นด้วยเสียงต่ำว่า “คุณหนูจูน นี่เป็นบุตรสาวของเจ้าตำหนักลี่ชื่อลี่หยุนซู นางหลงรักเจ้าตำหนักของข้ามาโดยตลอด ท่านต้องระวังตัวด้วย”
คำพูดข้างหลัง ผางเจียเยว่พูดด้วยน้ำเสียงที่เบาที่สุด พอที่จูนจิ่วจะได้ยินเท่านั้น ได้ยินคำพูดนี้แล้ว จูนจิ่วก็เลิกคิ้วขึ้น หลงรักตู๋กูชิงหรือ
นางเงยหน้าขึ้นมองไปทางหญิงสาวที่ชื่อลี่หยุนซู ปะทะเข้ากับสายตาของหยุนซูที่มองมาพอดี ดวงตาสองคู่มองสบกัน ลี่หยุนซูนิ่งอึ้งและพึมพำว่า “เป็นสาวน้อยที่สวยงามจริงๆ”เพิ่งจะพูดจบ ลี่หยุนซูก็ได้สติใบหน้าเต็มไปด้วยความรู้สึกอายและโมโหไม่พอใจ นางยืดอกจ้องมองจูนจิ่วเขม็ง
ลี่หยุนซูเชิดคางขึ้นด้วยความหยิ่งยโส เอ่ยขึ้นว่า “ผู้ดูแลผาง พวกเขาเป็นใคร ทำไมจึงได้นั่งรถหงส์ของพี่ตู๋กู พวกเขามีความเกี่ยวข้องอะไรกับพี่ตู๋กู”
“คำนับคุณหนูลี่ คุณหนูจูนคนนี้เป็นแขกสำคัญของเจ้าตำหนัก ส่วนท่านนี้ เป็นองครักษ์ของคุณหนูจูน ”ผางเจียเยว่ยิ้มบางๆเดินออกไปแนะนำ แต่เห็นสีหน้าของลี่หยุนซูแล้ว เห็นได้ชัดว่าไม่เชื่อในคำอธิบายของผางเจียเยว่
แขกสำคัญ
แขกสำคัญอะไรที่มีสิทธิ์มากพอจะนั่งรถหงส์ แม้แต่ตัวนางเองยังไม่สามารถนั่งรถหงส์ของพ่อตัวเองได้เลย แขกสำคัญคนนี้จะเป็นไปได้อย่างไร ลี่หยุนซูไม่เชื่อ
นางจ้องมองเหลิ่งยวน เดิมทียังคิดจะใส่ใจเอาเรื่องแต่พอได้ยินว่าเป็นองครักษ์ก็รีบเบี่ยงเบนสายตาไปทันที ลี่หยุนซูเดินเข้าไปข้างหน้าหลายก้าว จ้องจูนจิ่วเขม็งและถามขึ้นว่า “ข้าถามเจ้า เจ้ากับพี่ตู๋กูเกี่ยวข้องกันอย่างไร ”
เหมียว คนฝืนฝอยหาตะเข็บมาแล้ว เสี่ยวอู่เอียงหัว แสงอาทิตย์สาดส่องจนต้องหรี่ตาเป็นเส้นตรง เสี่ยวอู่กำลังสงสัยว่าเจ้านายของตนจะอธิบายอย่างไรให้ “ศัตรูหัวใจ”คนนี้ฟัง เจ้านายเป็น “ว่าที่ภรรยา”ของตู๋กูชิง ลี่หยุนซูก็เท่ากับเป็นศัตรูหัวใจแล้วมิใช่หรือ
จูนจิ่วยิ้มอย่างมีแววล้อเล่น “เขาแก่ขนาดนั้น ข้าอายุน้อยขนาดนี้ เจ้าคิดว่าพวกเราจะเป็นอะไรกัน ”
ลี่หยุนซูนิ่งอึ้งไปชั่วขณะ
แก่ พี่ตู๋กูแก่หรือ
แต่พอก้มลงมองสาวน้อยที่งดงามจนทำให้เกิดความอิจฉาที่อยู่ตรงหน้า แล้วก็คิดถึงอายุของตู๋กูชิงดูเหมือนจะมีความแก่กว่า……นิดหน่อย ลี่หยุนซูกลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก เปิดปากเอ่ยขึ้นอย่างไม่อยากจะเชื่อว่า “หรือว่าเจ้าจะเป็นลูกสาวของพี่ตู๋กู”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ
หนังสือยังไม่จบ ไม่อัปต่อแล้วเรอค่ะ...