แน่นอนว่าตู๋กูชิงไม่ได้เพียงแต่จะให้จูนจิ่วอยู่ที่นี่อย่างมีความสุข เขาต้องการให้จูนจิ่วชื่นชอบเขา หลงรักเขาด้วย
เพื่อให้บรรลุจุดประสงค์ เขาสามารถทำได้ทุกอย่าง และทุกวิถีทาง
ผางเจียเยว่เพิ่งจะก้าวเท้าออกจากวังยู่หลันไป ก็ถูกเมี่ยวยู่เอ๋อขวางเอาไว้ทันที เมี่ยวยู่เอ๋อพาหยิงสาวคนหนึ่งตามหลังมาด้วย นางมีท่าทีราวกับกิ้งก่าได้ทอง มองผางเจียเยว่ด้วยสายตาดูแคลน เอ่ยขึ้นว่า “ผู้ดูแลผาง คนที่นั่งรถหงส์เก้าม้ามาเป็นใครกัน แล้วทำไมจึงได้เข้าไปอยู่ในวังยู่หลัน”
วังยู่หลันเป็นหนึ่งในตำหนักที่พักหลายแห่งของตู๋กูชิง ที่งดงามหรูหราที่สุดตำหนักหนึ่ง เมี่ยวยู่เอ๋อที่เป็นบ่าวรับใช้ที่ใกล้ชิดที่สุดมีอำนาจมากที่สุด ตั้งความหวังกับที่แห่งนี้มานานแล้ว
ปรากฏว่าตัวเองแม้แต่ประตูวังก็ไม่ได้ก้าวเข้าไป แต่วันนี้กลับมีคนเข้าไปอยู่ข้างในแล้ว เป็นใครกัน เมี่ยวยู่เอ๋อกัดฟันอย่างอิจฉาริษยา
แล้วก็พูดว่า “เมื่อครู่ข้ายังเห็นลี่หยุนซูมาด้วย เกิดเรื่องอะไรขึ้น บอกข้ามาก”
ต่อหน้าเมี่ยวยู่เอ๋อนั้นผางเจียเยว่วางตัวได้อย่างเหมาะสมไม่ดูต่ำต้อยหรือสูงส่งกว่า นางยิ้มและพูดว่า “คนที่อยู่ในวังยู่หลันเป็นแขกคนสำคัญของเจ้าตำหนัก เมี่ยวยู่เอ๋อถ้าเจ้าอยากจะรู้ละก็ สามารถไปถามเจ้าตำหนักได้ ส่วนเรื่องอื่น ข้ารับคำสั่งมาไม่สามารถพูดได้”
หมับ
ลงมืออย่างรวดเร็วดุจสายฟ้าฟาด เมี่ยวยู่เอ๋อบีบคอของผางเจียเยว่เอาไว้ พลังนั้นแรงพอที่จะบีบคอของนางแล้วดันให้ไปชนกับประตูตำหนักข้างหลัง สีหน้าเย็นชาโอหัง เมี่ยวยู่เอ๋อยิ้มชั่วร้าย “พูด แม้ว่าข้ากับเจ้าจะเป็นแค่สุนัขรับใช้ข้างกายเจ้าตำหนักตัวหนึ่ง แต่เจ้าเป็นตัวที่ต่ำต้อยที่สุด ข้าสามารถฆ่าเจ้าทิ้งได้ตลอดเวลา”
“เชื่อหรือไม่ แม้ข้าจะบีบเจ้าให้ตายตอนนี้ เจ้าตำหนักก็ไม่มีทางโทษข้า ผู้ดูแลผางคิดให้ดี บอกข้ามาว่าคนที่อยู่ข้างในเป็นใคร”น้ำเสียงของเมี่ยวยู่เอ๋อเต็มไปด้วยการข่มขู่ มือที่บีบคอของผางเจียเยว่ไม่เพียงจะไม่คลายลงแต่กลับบีบแน่นขึ้นไปอีก
กระทั่งบีบคนผางเจียเยว่ตาจะเหลือกขึ้นแล้ว จึงคลายมือพร้อมฮึเสียงเย็น ตลอดเวลาที่เกิดเรื่องขึ้นหญิงสาวที่ยืนห่างอยู่หลังเมี่ยวยู่เอ๋อเพียงสามก้าว เงยหน้าขึ้นมามองแวบหนึ่งแล้วก็ก้มหน้าลง ไร้สุ้มไร้เสียง
เมี่ยวยู่เอ๋อเช็ดมือด้วยความรังเกียจเดียดฉันท์ “พูด เป็นใครมาจากที่ใด”
มองเมี่ยวยู่เอ๋อด้วยความขยาดหวาดกลัว ผางเจียเยว่จับที่ลำคอด้วยสีหน้าเจ็บปวด นางกระแอมหนึ่งเสียง พอเปิดปากพูดน้ำเสียงก็เปลี่ยนเป็นแหบแห้งไปแล้ว ผางเจียเยว่กัดฟันเอ่ยขึ้นว่า “เมี่ยวยู่เอ๋อ ข้าบอกกับเจ้าได้แค่ว่านางแซ่จูน เรื่องอื่น ถ้าข้าบอกให้เจ้ารู้ เจ้าตำหนักก็คงไม่ไว้ชีวิตข้าเช่นกัน ”
สีหน้ามีความไม่พอใจ แต่เมี่ยวยู่เอ๋อรู้ดีว่านางเองก็สามารถรู้ได้เพียงเท่านี้ แซ่จูน นี่หมายความว่าอย่างไร
คิดไม่ถึงว่าตอนนี้เอง หญิงสาวที่อยู่ด้านหลังนางก็เงยหน้าขึ้นถามด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความร้อนใจและโหดเหี้ยมว่า “แซ่จูน จูนจิ่วใช่หรือไม่ มาจากสำนักศึกษาทั้งสาม ”
สีหน้าของผางเจียเยว่ตกตะลึง เห็นดังนั้น เมี่ยวยู่เอ๋อก็ละความสนใจจากผางเจียเยว่ทันที นางหันหน้ากลับไปทางหญิงสาวคนนั้น
“เห็นทีหงยิงเจ้าจะรู้จักสินะ มา พูดให้ข้าฟังซะดีดีว่าจูนจิ่วคนนี้เป็นใคร ทำไมนางจึงมาที่ตำหนักไท่หวง ”อีกทั้งยังนั่งรถหงส์เก้าม้ามา อาศัยอยู่ในวังยู่หลัน
หงยิงก้มหน้าลงอีกครั้ง สายตามีแววเคียดแค้นชิงชังเข้ากระดูกวาบผ่าน นางพูดว่า “เป็นนางที่ฆ่าซิงโล่เฉิน ”
อะไรนะ
สีหน้าของเมี่ยวยู่เอ๋อเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน เป็นโหดเหี้ยมอำมหิต เป็นนางเองหรือที่ฆ่าซิงโล่เฉิน
……
จูนจิ่วสัมผัสได้ถึงเจตนาร้ายที่ก่อตัวขึ้นมาอย่างกะทันหัน ไม่ช้าก็หายไป เร็วจนเหมือนคิดไปเองอย่างไรอย่างนั้น
สายตาเย็นชา จูนจิ่วยกน้ำชาขึ้นมาดื่มไปอึกหนึ่ง อันตราย ตั้งแต่วินาทีที่นางก้าวเท้าเข้าสู่ตำหนักไท่หวง นางก็ได้เอาตัวเองเข้ามาอยู่ในอันตรายแล้ว จูนจิ่วเตรียมใจไว้ตั้งแต่แรก และคิดวิธีการตอบโต้ไว้แล้ว สมองของนางเป็นเหมือนเครื่องจักรขนาดใหญ่เครื่องหนึ่ง ไม่มีเวลาใดที่ไม่หมุนเวียนอย่างรวดเร็วเพื่อคิดวิเคราะห์
“แม่นางจูน พวกเรามาถึงตำหนักไท่หวงแล้ว ท่านมีแผนการอะไรหรือไม่”เหลิ่งยวนเปิดปากเอ่ยถามขึ้น
เสี่ยวอู่กำลังรู้สึกผ่อนคลายสบายใจ นอนราบอ้าขากว้างกรนไม่หยุด ให้จูนจิ่วลูบที่ท้องของมัน พอได้ยินสิ่งที่เหลิ่งยวนพูด เสี่ยวอู่ก็ลืมตาแมวขึ้นมองไปยังจูนจิ่ว
ยกริมฝีปากขึ้นยิ้ม จูนจิ่วตอบว่า “คอยสังเกตความเปลี่ยนแปลงอย่างเงียบๆ นั่งรอให้ตู๋กูชิงมาหาถึงที่ จากนั้นเหลิ่งยวนเจ้าช่วยข้ายืนยันให้แน่ใจเรื่องหนึ่ง ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ
หนังสือยังไม่จบ ไม่อัปต่อแล้วเรอค่ะ...