บทที่ 96 เจ้าอิจฉาริษยาเสียแล้ว?
“หยุดอยู่ตรงนั้นยังไม่อนุญาตให้ไป!” เหอจงปะทุขึ้น เขาจะยอมให้จูนจิ่วไปกับเฟิ่งเซียวได้อย่างไร เขารอมานานถึงเพียงนี้ จูนจิ่วกลับไม่มีแผลบาดเจ็บอะไรเลย กลับเป็นพวกพ้องของเขาถูกทำร้ายจนบาดเจ็บอีกครั้ง ไหล่ของเขาก็ถูกเฟิ่งเซียวบิดจนหักไป ยังมีจูนหยูนเสวี่ยที่ถูกดูหมิ่นราวถูกตบหน้า
ความแค้นนี้ เขากล้ำกลืนลงไปไม่ได้!เหอจงกวาดสายตาไป เขาจดจ้องไปยังเหล่าลูกศิษย์ในสนามใหญ่ พลันคิดแผนการขึ้นได้ เหอจงยืดตัวขึ้นพลางเอ่ย “เรื่องที่จูนจิ่วทำผู้คนบาดเจ็บ ต้องทดแทน!นี่คือกฎของสำนักเทียนโจ้ง ต้องไม่เป็นเพราะได้รับการคุ้มครองจากท่านไท่ซ่างฮ่อง นางจึงได้รับการปกป้องลืมหูลืมตา มิเช่นนั้น จะสู้หน้าศิษย์คนอื่นในสำนักเทียนโจ้งอย่างไร?”
“นั่นเป็นเรื่องของพวกเจ้า ไม่เกี่ยวกับข้าซักกระพี้เดียว” เฟิ่งเซียวตวาดกลับอย่างกราดเกรี้ยว
เหอจงหอบหายใจจนสำลัก เขารับมือเฟิ่งเซียวไม่ไหว จึงหันมองไปยังโล่ชิวเห้อ “ท่านเจ้าสำนัก ท่านจะไม่พูดอะไรเลยหรือ?”
“แค่ก แค่ก” เมื่อสบกับสายตาที่คมราวคมมีดของเฟิ่งเซียว โล่ชิวเห้อมีความกดดันเหลือแสน ทว่าเขาต้องยอมรับ สิ่งที่เหอจงพูดนั้นถูกต้อง หากไม่ลงโทษจูนจิ่วเสีย ก็ยากจะรักษากฎเกณฑ์ของสำนักเทียนโจ้งต่อไป ยิ่งมีลูกศิษย์สำนักรวมตัวกันอยู่ที่นี่มากมาย ยิ่งมิอาจทำลายกฎเพราะเรื่องส่วนตัว
เหอจงนับว่าคาดคะเนเรื่องนี้ได้อย่างเหมาะสม แม้โล่ชิวเห้อจะเอ็นดูจูนจิ่วเพียงใด อย่างไรก็ต้องลงโทษนาง!
โล่ชิวเห้อคิดขึ้นจึงเอ่ยปาก “อย่างนี้ก็แล้วกัน เรื่องต่างๆ เกิดขึ้นด้วยมีเหตุ ทั้งสองฝ่ายต่างมีข้อผิดพลาด อย่างนั้นก็ลงโทษจูนจิ่วหันหน้าเข้ากำแพงไปคิดทบทวนเรื่องต่างๆ เจ็ดวัน”
อะไรนะ?
หันหน้าคิดทบทวนเข้ากำแพงเจ็ดวัน?นี่นับเป็นการลงโทษอย่างไรกัน!
ซือถูซิวและเหอจงมิทันได้เอ่ยปาก จูนหยูนเสวี่ยอดทนไม่ได้อีกต่อไป หากเปลี่ยนเป็นพวกนางโทษอย่างเบาคือรักษากฎยี่สิบข้อ โทษหนักคือถูกขับออกจากสำนัก ทว่าทำไมเมื่อเป็นจูนจิ่ว กลับเป็นเพียงหันหน้าเข้ากำแพงคิดทบทวนเจ็ดวัน?
ในจิตใจนางปั่นป่วนไปด้วยความริษยาและเกลียดชัง จูนหยูนเสวี่ยเอ่ยปากขึ้น “อย่างนี้ไม่เป็นธรรม ท่านไม่อาจเพราะมีไท่ซ่างฮ่องปกป้องนาง ก็จะอะลุ่มอล่วยเป็นพิเศษเช่นนี้ได้”
“จูนหยูนเสวี่ยเจ้าจะมากเกินไปแล้ว การตัดสินใจของเจ้าสำนักให้เจ้าปรามาสสงสัยได้เมื่อใด?” โล่ชิวเห้อมองไปยังจูหยูนเสวี่ย สายตาไม่สบอารมณ์
เมื่อเห็นเขาปกป้องจูนจิ่วอย่างไม่ลดละ เหอจงโกรธจนหน้าเขียวคล้ำ จูนหยูนเสวี่ยถูกโล่ชิวเห้อสั่งสอนไปครั้งหนึ่ง จิตใจถึงกับสั่นสะท้าน เมื่อหันกลับไปมองยังจูนจิ่ว กำปั้นนั้นก็ยิ่งกำแน่นขึ้น เล็บนั้นจิกเข้าไปในมือ จนเลือดซึมออกมา จูนหยูนเสวี่ยแค่นเสียงหยามเหยียดเย็นชา “จูนจิ่ว เจ้าก็เพียงพึ่งพิงการปกป้องจากไท่ซ่างฮ่อง จึงได้อวดดีดื้อรั้นถึงเพียงนี้ หากไม่มีไท่ซ่างฮ่องแล้ว เจ้านับเป็นเพียงตัวอะไร?”
“แต่ข้าได้รับการปกป้องจากไท่ซ่างฮ่อง ทำไมรึ หรือเจ้าอิจฉาริษยาเสียแล้ว?” จูนจิ่วแย้มยิ้มขึ้น มองจูนหยูนเสวี่ยราวมองตัวตลกร้ายในละคร
นางเดินย่างกรายเข้าไปยังจูนหยูนเสวี่ย เดินหลังตรงมุ่งมั่น ใบหน้าองอาจมั่นคง นางยังคงเป็นดั่งหญิงชุดแดงสง่างาม อาจหาญ เปี่ยมเสน่ห์ร้อนแรง ใบหน้าน้อยงามละเอียดผุดผ่อง ยามนี้เยียบเย็น แม้นรอยยิ้มกลับเย็นเยียบเสียดกระดูก
จูนจิ่วยืนอยู่เบื้องหน้าจูนหยูนเสวี่ย ปรายตามองนางอย่างหยามเหยียด เอ่ยขึ้น “จะมีหรือไม่มีไท่ซ่างฮ่อง ข้าก็คือจูนจิ่ว เจ้าไม่ยอมหรือจูนหยูนเสวี่ย?อย่างนั้นก็เลิกวางแผนใส่ร้ายโง่ๆ ให้ข้าดูความสามารถแท้จริงของเจ้า”
เมื่อได้ยินคำพูดของจูนจิ่ว เบื้องลึกในใจจูนหยูนเสวี่ยสะอึกขึ้น
จูนจิ่วรู้แล้ว?นางรู้แล้วว่าผู้ที่ชักนำสร้างข่าวลือขึ้นคือนาง?นางลนลานไปชั่วครู่ จูนหยูนเสวี่ยจึงจับใจความสำคัญได้ นางมองตรงไปยังจูนจิ่ว “จูนจิ่ว เจ้าอยากสู้กับข้าหรือ?ฮ่าๆๆๆๆ เจ้าล้อเล่นอะไรกัน เจ้านับเป็นเพียงตัวอะไร?ข้าใช้เพียงปลายนิ้วก็ขยี้เจ้าตายได้!”
“จริงหรือ?” จูนจิ่วมองไปยังจูนหยูนเสวี่ยแล้วงอนิ้วมือล้อเลียน “เจ้าลองดูไหม”
จูนจิ่วหันไปมองเฟิ่งเซียวและโล่ชิวเห้อ “ข้าขอยืมสถานที่หน่อย พวกท่านโปรดหลีกทาง”
“เสี่ยวจิ่วเจ้าจะสู้กับนาง?” เฟิ่งเซียวตกตะลึงนิ่งค้าง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ
หนังสือยังไม่จบ ไม่อัปต่อแล้วเรอค่ะ...