เวินหนิงก็ไปทำงานปกติ แต่ว่า พอมองเห็นห้องทำงานที่ว่างเปล่าของลู่จิ้นยวน เธอก็รู้สึกว่าในใจก็ว่างเปล่าเหมือนกัน
ผู้ชายคนนั้น ยังไม่ออกจากโรงพยาบาล
ถึงแม้ไปเยี่ยมเขาครั้งก่อน เขาดูหายดีเป็นปกติแล้ว ยังมีแรงมาจูบเธออีก แต่เวินหนิงก็อดเป็นห่วงไม่ได้ว่าอาจจะเป็นเพราะอุบัติเหตุรถชนครั้งก่อนเลย ทำให้เขาเป็นแบบนี้หรือเปล่า
คิดไปด้วย ในใจเวินหนิงก็รู้สึกเป็นห่วงมาก
พออันเฉินมาถึงบริษัท ก็เห็นใจเธอไม่อยู่กับเนื้อกับตัว จากนั้น เขาก็เดาได้เลยว่าเป็นเพราะอะไร
"ช่วงนี้บอสได้รับการตรวจเช็คร่างกายที่โรงพยาบาลอย่างละเอียด แต่ว่า ถ้าคุณอยากจะไปเยี่ยมเขาก็ได้ ตอนนี้ที่นั่นมีแค่คุณหมอ"
เมื่อเวินหนิงได้ยินคำพูดของเขา ก็รู้สึกเกรงใจ เธอแสดงออกชัดเจนขนาดนั้นเลยหรอ?
แต่ว่า ถ้าไม่มีคนนอก……เธอไปเยี่ยม แล้วถามอาการก็ยังดี ครั้งก่อน เธอยังไม่ได้ถามเลยว่าเป็นยังไงบ้าง
คิดไปด้วย เวินหนิงก็เก็บของตัวเอง อันเฉินเห็นว่าเธอหวั่นไหวแล้ว ก็ให้เอกสารบางอย่างกับเธอด้วย "ถ้างั้น ถ้าคุณกำลังจะไปพอดีก็ฝากเอกสารนี้ไปด้วย"
เวินหนิงพยักหน้าแล้วรับเอกสารมา ถ้าแบบนี้ ไม่ว่าจะเจอใคร ก็บอกว่าตัวเองมาส่งเอกสารก็ได้
คิดไปด้วย เวินหนิงก็ออกจากบริษัท แล้วโบกรถไปโรงพยาบาล
ไม่นาน เวินหนิงก็ไปถึงที่หมาย
เธอขึ้นไปชั้นบนอย่างระมัดระวัง แน่ใจแล้วว่าไม่มีคนอื่นอยู่ ก็เลยเคาะประตู
ลู่จิ้นยวนขมวดคิ้ว คิดว่าพยาบาลหรือว่าคุณหมอมาตรวจ "เข้ามาได้"
เวินหนิงก็เลยเดินเข้าไป แล้วมองไปที่ผู้ชายที่นั่งอยู่บนเตียงที่กำลังเปิดเอกสารดูอยู่ "ฉัน……ฉันมาส่งของ"
เวินหนิงรู้สึกว่าอันเฉินคิดได้รอบคอบมาก ไม่งั้นเธอก็คงอึดอัดน่าดู
"ส่งของ?"
ลู่จิ้นยวนมองไปที่เอกสารในมือเวินหนิง ในใจก็เข้าใจอะไรบางอย่าง จากนั้นมุมปากก็เลิกขึ้น "งั้นเธอเอามาให้ผมเลย"
เวินหนิงพยักหน้าแล้วเดินไป โดยที่ไม่ทันตั้งตัว ก็โดนลู่จิ้นยวนดึงข้อมือ ร่างกายก็พยุงตัวไม่อยู่ แล้วล้มลงไปบนตัวเขา พร้อมนอนทับหน้าอกของผู้ชายคนนั้นไว้
"แค่มาส่งของ?"
ลู่จิ้นยวนมองเห็นหูของเวินหนิงแดงทั้งสองข้าง ก็อดไม่ได้ที่จะแกล้งเธอเล่น จากนั้น ก็จงใจเข้าใกล้หูเธอ แล้วเอ่ยเสียงเบา
เวินหนิงรู้สึกขนลุก หูของเธอเซนซิทีฟอยู่แล้ว พอโดนผู้ชายคนนี้เข้าใกล้ ในร่างกายก็เหมือนกลับว่าโดนไฟช็อต
"มา……มาเยี่ยมนายด้วย"
เห็นท่าทางลู่จิ้นยวนที่ถ้าไม่ได้ดั่งใจก็จะไม่ปล่อยมือ เวินหนิงก็เลยพูด แต่ว่าเสียงเบามาก จนคนอื่นได้ยินไม่ชัดว่าเธอกำลังพูดอะไร
แต่ลู่จิ้นยวนได้ยินชัดแน่นอน แต่ว่า ความนุ่มนวลของผู้หญิงบนตัว ทำให้เขาไม่อยากปล่อย จากนั้น เขาก็มีความคิดที่ไม่ดี "ผมไม่ได้ยินว่าเธอพูดอะไร พูดอีกรอบสิ"
เวินหนิงทั้งอายทั้งหงุดหงิด เธอจะฟังน้ำเสียงของลู่จิ้นยวนไม่ออกได้ยังไง แต่ว่า แรงของผู้ชายคนนี้มีเยอะมาก เธอไม่มีทางดิ้นได้เลย ทำได้แค่หายใจเสียงดังเท่านั้น "มาเยี่ยมว่านายบาดเจ็บสาหัสหรือเปล่า พอใจหรือยัง?"
ลู่จิ้นยวนเลิกคิ้ว "งั้นเธออยากจะให้ผมบาดเจ็บสาหัสหรือไม่สาหัส?"
เวินหนิงรู้สึกเอือมระอา เธอไม่คิดเลยว่าลู่จิ้นยวนจะเป็นคนหน้าด้านขนาดนี้ กำลังจะตอบ แต่ทันใดนั้น ก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น
"คุณชายลู่ ควรจะเปลี่ยนยาแล้วค่ะ"
เสียงที่อ่อนโยนของพยาบาลลอยมาจากนอกประตู
"เธอหึง?"
ลู่จิ้นยวนได้ยินน้ำเสียงที่เหน็บแนมของเธอ ไม่ได้รู้สึกโกรธ แต่กลับจงใจแกล้งเธอ
เวินหนิงก็ไม่รู้จะทำตัวยังไง ก็เลยไม่พูดอะไรต่อ
ลู่จิ้นยวนยื่นมือออกมา แล้วจับยาฆ่าเชื้อภายนอกไว้ในมือ "มานี่ มาทายาให้ผม
เป็นเพราะเรื่องเมื่อกี้ ตอนนี้เวินหนิงก็เลยไม่เต็มใจ แต่ว่า พอเห็นหน้าผากของลู่จิ้นยวนมีรอยแผล บนใบหน้าที่หล่อเหลานั่นมีรอยด่างที่เห็นได้ชัดเจน ก็หักห้ามความไม่เต็มใจไว้
อือ……เธอก็แค่ไม่อยากให้สิ่งที่เพอร์เฟคแบบนี้มีรอยด่าง ไม่ได้เป็นห่วงเขาสักหน่อย
คิดไปด้วย เวินหนิงก็เดินไปด้วย นั่นเป็นยาลดการอักเสบที่นำเข้ามาจากต่างประเทศ แล้วยังช่วยเรื่องรอยแผลเป็นด้วย
"แผลนี้ สาหัสหรือเปล่า?"
เวินหนิงมองไปที่ลู่จิ้นยวน รอยแผลนี้ไม่ได้ใหญ่มาก แต่ว่า ก็อยู่บนศีรษะ ไม่รู้ว่าจะมีผลกระทบอะไรไม่ดีเกิดขึ้นกับสมองหรือเปล่า
"ไม่หนักมาก"
ลู่จิ้นยวนส่ายหน้า กี่วันนี้ตรวจเช็คอย่างละเอียดมาก ไม่ได้มีอาการอะไร อีกไม่นานเขาก็ออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ เวินหนิงก็โล่งอกไป เปิดขวดยาออก แล้วบีบลงบนสำลี จากนั้นก็จับใบหน้าของลู่จิ้นยวนอย่างเบามือ แล้วค่อยนำสำลีแตะไปที่แผลของเขา
แผลส่วนใหญ่เริ่มหายดีแล้ว แต่ก็ยังเป็นสีแดงสดอยู่ ดูเหมือนว่าจะเจ็บมาก
"เจ็บไหม?" เวินหนิงลงมือเบาที่สุดเท่าที่จะทำได้ กลัวว่าลู่จิ้นยวนจะรู้สึกเจ็บ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บ่วงแค้นแสนรัก