เวินหนิงที่มีสติเลือนรางไปแล้ว แต่ก็ยังพอที่จะนึกออกว่าเมื่อสักครู่ยวี๋เฟยหมิงได้ทำอะไรลงไปบ้าง ถ้าสิ่งที่เขาถ่ายเอาไว้ทั้งหมดนั้นเผยแพร่ออกไปล่ะก็ ไม่อาจที่จะคิดถึงผลลัพท์ที่ตามมาได้เลย
“ฉันไม่เคยคิดมาก่อนเลยนะว่า องค์ชายแห่งตระกูลยวี๋นั้นจะสกปรกโสมมถึงขนาดนี้”
ลู่จิ้นยวนเดินเข้าไปหาช้าๆ จ้องสบสายตาไปที่ยวี๋เฟยหมิงที่ยังคงมีท่าทีสงบจิตสงบใจอยู่ ทันใดนั้นเอง ก็เตะเข้าไปที่จุดสำคัญกล่องดวงใจของเขาเข้าไปอย่างเต็มแรง!
ลู่จิ้นยวนแต่เดิมทีก็เคยเรียนศิลปะศาสตร์การป้องกันตัว เขาที่มีร่างกายกำยำแข็งแรง การขยับตัวเพียงครั้งเดียวของเขานั้น ไม่มีทางที่จะสามารถนำไปเปรียบเทียบกับพละกำลังของเวินหนิงได้
ยวี๋เฟยหมิงก็เจ็บจนเหงื่อแตกพลั่กในทันที สองขาอ่อนแรง สุดท้ายก็คุกเข่าลงไปที่พื้นอย่างอเนจอนาถ
“อ๊า! ลู่จิ้นยวน แกมันบ้าไปแล้ว!”
“หาคนมาพามันออกไป” ลู่จิ้นยวนพูดเสร็จก็ไม่ได้สนใจเขาอีกต่อไป ออกคำสั่งกับอันเฉินไปหนึ่งประโยค และเดินเข้าไปภายในห้องก็มองเห็นกล้องถ่ายวีดีโอเครื่องนั้น นั่ยน์ตานิ่งขึงเย็นเยียบ ไม่มีความลังเลแม้แต่น้อยทุบให้ตกแตกลงมาที่พื้นทันที
อุปกรณ์ราคาแพงแตกกระจายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยอย่างน่าสงสาร ลู่จิ้นยวนมองหนึ่งทีแล้วหยิบการ์ดความจำที่อยู่ในกองเศษซากนั้นออกมา เวินหนิงก็คงจะได้ผ่อนคลายสภาพจิตใจลงไปได้บ้าง
น้ำเสียงอันแหบพร่าของลู่จิ้นยวน “ไปเรียกหมอมา! ”
ลู่จิ้นยวนออกคำสั่งกับอันเฉิน จากนั้นก็หาห้องที่ว่างอยู่เจอและเดินเข้าไปข้างในนั้น
แมรี่ดูสถานการณ์ที่เกิดขึ้นตรงหน้า เดิมทีก็ไม่ได้คิดอยากจะไปขวางทางถ่วงแข้งขาอะไรหรอก แต่เมื่อได้เห็นท่าทีที่ดูรุนแรงนั้นของลู่จิ้นยวน ก็กลับกลายเป็นว่าไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่าม ผู้ชายคนนี้ดูแล้วก็เหมือนกับว่าจะใส่ใจเวินหนิงมากเลยทีเดียว ถ้าอย่างนั้นก็คงจะไม่เกิดเรื่องอะไรขึ้นอย่างนั้นหรอกมั้ง
ขณะที่คิด แม่รี่ก็ไม่กล้าที่จะรั้งอยู่ที่นี่อีกต่อไป เพราะว่าอันเฉินเองก็ได้สังเกตถึงพนักงานทำความสะอาดที่คอยยืนดูเหตุการณ์อันดุเดือดนี้มาโดยตลอด จึงทำได้เพียงต้องลี้เป็นการชั่วคราวไปก่อน
คนก็ไปกันหมดแล้ว ยวี๋เฟยหมิงที่ดิ้นพล่านไปมาอยู่บนพื้นสักครู่ ก็มีความคิดที่จะลุกขึ้นมาแล้วหนีจากไป แต่ก็กลับถูกอันเฉินกดให้หยุดอยู่กับที่เอาไว้
“คุณยวี๋ครับ ต้องขออภัยด้วย ขอความกรุณาให้ความร่วมมือกับเราด้วยครับ เมื่อสักครู่คุณชายลู่ออกคำสั่งมาแล้วว่าให้ผมดูแลท่านให้เป็นอย่างดีครับ”
“กูขอบอกมึงให้รู้ไว้เลยนะ ว่ากูเนี่ยเป็นทายาทผู้สืบทอดของตระกูลยวี๋ พวกมึงกล้าคิดจะทำอะไรกูนะ ตระกูลยวี๋ไม่ปราณีปล่อยเรื่องให้จบไปแค่นี้แน่ แล้วมึงเป็นได้แค่ผู้ช่วยตัวเล็กๆ ยังคิดจะกล้าวางอำนาจออกคำสั่งกับกูอีกเหรอ”
“ตระกูลยวี๋จะว่าอย่างไรก็ต้องไปคุยกับหัวหน้าผมเอาเองครับ แต่ว่าตอนนี้คุณห้ามไปไหนทั้งนั้น! ”
อันเฉินมองดูชายที่ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงที่อยู่เบื้องหน้าอย่างสมเพชเวทนาหนึ่งที ตามที่เขาได้เห็นมาว่าลู่จิ้นยวนนั้นถูกยั่วโมโหให้โกรธมากแค่ไหน เขาจะต้องไม่ปล่อยยวี๋เฟยหมิงไปอย่างง่ายๆ โดยเด็ดขาด ถึงแม้ว่าจะเป็นถึงตระกูลยวี๋ก็ตาม.........
การที่จะบ่อนทำลายให้พินาศสิ้นซากไปนั้น เรื่องเวลาก็ไม่ใช่ปัญหาเลย!
…………
ลู่จิ้นยวนอุ้มเวินหนิงไปไว้ที่อีกห้อง ระหว่างที่อุ้มไปนั้นเวินหนิงก็ดิ้นไปมาอยู่ในอ้อมอกของเขาตลอดทาง ตอนนี้เธอแทบจะสูญเสียการควบคุมไปหมดแล้ว คิดเพียงแต่ว่าอยากจะระบายความอึดอัดทรมานที่อยู่ข้างในนี้ออกมา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บ่วงแค้นแสนรัก