บทที่ 150 บันยะบันยังหน่อย – ตอนที่ต้องอ่านของ บ่วงแค้นแสนรัก
ตอนนี้ของ บ่วงแค้นแสนรัก โดย ชิวเซิง ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายInternetทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่ 150 บันยะบันยังหน่อย จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที
ตอนที่เวินหนิงได้สติตื่นขึ้นมา เธอลืมตาขึ้นมาอย่างเต็มตา ความทรงจำที่หายไปก่อนหน้านั้นค่อยๆ ปรากฏขึ้นมาในสมองทีละฉากๆ
เธอจะไปหายวี๋เฟยหมิง แต่กลับถูกรู้ทันจนแผนแตก เกือบที่จะโดนเขาเอาคืนไปแล้ว!
อาจจะเป็นเพราะฤทธิ์ของยานั้นยังไม่หายไปทั้งหมดดี เพียงแค่เธอนึกย้อนคิดได้ถึงตรงนั้น สมองของเวินหนิงก็ส่งเสียงกรีดร้องออกมาราวกับจะระเบิด ใบหน้าอันเรียวเล็กของเธอก็พลันซีดเซียวลงอย่างน่ากลัว
เวินหนิงหันมองไปรอบๆ ภาพทั้งหมดดูเป็นภาพมัวๆ ที่พร่าเลือน ที่มือของเธอยังมีสายให้น้ำเกลือปักเสียบคาเอาไว้อยู่ แต่ทว่าเวินหนิงไม่มีอารมณ์ที่จะมานอนต่อไปแบบนี้ รีบยันกายลุกขึ้นนั่งจากเตียงทันที แต่ก็กลับส่งเสียงร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดอย่างอดกลั้นไม่อยู่ “โอ๊ย เจ็บ”
ลู่จิ้นยวนที่อยู่ข้างนอกกำลังคุยอยู่กับคุณป้าที่คอยพยาบาลเธอให้ก็ได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวในห้อง จึงรีบเดินเขามาหา
เวินหนิงเห็นลู่จิ้นยวน ความรู้สึกที่หวาดกลัวไม่สงบใจเมื่อสักครู่ก็คลายลงไปเล็กน้อย ทว่าแก้มทั้งสองข้างก็แดงขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้
เธอไม่ใช่เด็กสาวใสซื่อที่ยังไม่เคยผ่านเรื่องราวต่างๆ อีกต่อไป เรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อวานนั้น เธอจำได้อย่างชัดเจน
ดังนั้น ลู่จิ้นยวนเป็นคนช่วยเธอเอาไว้ ภาพที่ดูงดงามแต่กลับกระจัดกระจายอยู่ในห้วงความทรงจำนั้นไม่ใช่ความฝันที่เธอนึกคิดเอาตอนที่สติยังเลือนราง แต่มันเป็นความจริงต่างหาก!
ลู่จิ้นยวนเห็นสีหน้าของเธอที่เปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน “ทำไม ไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า”
เวินหนิงส่ายหัวอย่างงุนงง สภาพเธอที่ดูสับสนงุนงันอยู่แบบนี้นั้นทำให้นัยน์ตาของลู่จิ้นยวนที่จ้องดูเธออยู่มืดขรึมขึ้นเล็กน้อย
เวินหนิงสัมผัสได้ว่าสายตาของลู่จิ้นยวนนั้นจ้องมองมาอย่างเขม็ง คราวนี้ไม่เพียงแต่ใบหน้าเท่านั้นที่แดงก่ำ แม้แต่ใบหูของเธอก็พลันขึ้นสีตามด้วยเช่นกัน
ทันใดนั้นเวินหนิงก็นึกอะไรขึ้นมาออก มือลูบไปที่บริเวณท้องน้อย ถามออกมาอย่างร้อนรน “ลูกของฉัน.......”
“ไม่ต้องเป็นห่วง ไม่ได้เป็นอะไร”
“งั้นก็ดี งั้นก็ดีแล้ว.......” เวินหนิงลูบท้องตัวเองไปมาอย่างเบาๆ ตอนนี้เด็กในท้องก็โตขึ้นมากแล้ว แม้ว่า ลู่จิ้นยวนจะไม่รู้ว่าเด็กคนนี้เป็นลูกของเขา แต่เขาก็ไม่ได้ทำร้ายเด็กเลย ทำให้เวินหนิงสบายใจลงไปมาก
หรือว่า จะมีวันที่ลู่จิ้นยวนจะยอมรับเด็กคนนี้กันนะ
ลู่จิ้นยวนมองดูการกระทำของเวินหนิง เดินเข้ามากดเธอนอนลงไปกับเตียง “ในเมื่อร่างกายยังไม่ฟื้นตัวดีนัก ก็ต้องเข้ารับการรักษาให้ดี นี่ถึงจะเป็นวิธีการรับผิดชอบต่อเด็กที่อยู่ในท้องของเธอ”
แม้ว่าเวินหนิงจะได้สติฟื้นคืนมาแล้ว แต่น้ำเสียงของลู่จิ้นยวนนั้นกลับเข้มงวดมาก
เขาจำเป็นต้องให้ผู้หญิงที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวคนนี้รู้ว่าการทำอะไรโดยไม่รู้จักไตร่ตรองคิดให้ดีเสียก่อนนั้นอันตรายมากแค่ไหน
“เธอเคยคิดบ้างไหมว่า ถ้าไม่ใช่ว่าฉันหาห้องนั้นเจอ เปิดประตูเข้ามา เธอจะเป็นยังไง”
ลู่จิ้นยวนบีบคางของเวินหนิง ใช้แรงขืนบังคับให้เธอจ้องเข้ามาในดวงตาเขา ไม่ให้โอกาสในการหลบหนีแก่ฝ่ายหญิงเลย
ไม่ยอมให้เธอได้รับบทเรียนเพียงแค่ครั้งเดียว เพราะเธอคงจะไม่รู้ตัวเป็นแน่ว่าตัวเองได้ทำเรื่องที่อันตรายขนาดไหนลงไป
“ฉัน........” ริมฝีปากของเวินหนิงขยับขึ้นลง เธอบุ่มบ่ามเกินไปแล้วจริงๆ ไม่ได้พิจารณาถึงความอันตรายในข้อนั้นให้ดี นึกถึงตอนที่ยวี๋เฟยหมิงพูดว่าจะทำให้ลูกของเธอแท้งออกมานั้น นัยน์ตาของเธอก็ปรากฏความขมขื่นออกมา
“แล้วเขาล่ะ หลักฐานที่ฉันต้องการ.......”
ลู่จิ้นยวนจับคางของเธออย่างอ่อนโยน ผิวที่ขาวซีดของเธอถูกความร้อนจากร่างกายของเขาสัมผัสโดน ก็พลันแดงก่ำขึ้นมาในทันที
ในสายตาของฝ่ายชายแล้วเห็นเวินหนิงมีท่าทีเป็นอย่างไร ชะงักตัวแข็งทื่อไปแล้ว ไม่กล้าแม้แต่ที่จะเอ่ยอะไรออกมางั้นเหรอ ทำไมเขาถึงได้.........งี่เง่าแบบนี้กันนะ
เมื่อเห็นว่าเวินหนิงไม่ยืนกรานที่จะตามไปด้วยอีกต่อไป ลู่จิ้นยวนก็พึงพอใจเป็นอย่างมาก ประทับรอบจูบลงไปบนริมฝีปากสีแดงระเรื่อนั้นอย่างแผ่วเบา “ได้ข่าวอะไรแล้ว ฉันจะบอกเธอแน่นอน ฉันไม่อนุญาตให้เธอทำเรื่องแบบนี้อีกแล้ว เข้าใจชัดเจนไหม”
ระยะห่างระหว่างทั้งสองคนนั้นใกล้มาก ขณะที่ลู่จิ้นยวนเอ่ยปากขึ้นพูด ไอร้อนจากลมหายใจเขาก็กระทบลงบนใบหน้าของเวินหนิง ทำให้ใบหน้าเธอขึ้นสีแดง ซ้ำยังทำให้เธอรู้สึกคล้อยตามอย่างว่าง่าย จึงพยักหน้ารับคำอย่างเชื่อฟัง
“ดีมาก ฉันเรียกคนให้มาทำอาหารบำรุงให้เธอแล้ว”
เห็นเวินหนิงเชื่อฟังอย่างว่าง่ายแบบนี้แล้ว อารมณ์ของลู่จิ้นยวนก็ดีอยู่ไม่น้อย เอาจมูกกดลงไปหอมแก้มของเธอซ้ำอีกที ก่อนจะจากไปอย่างรวดเร็วราวกับสายลม
พยาบาลที่ถือของอยู่เต็มสองไม้สองมือที่รออยู่ข้างนอกประตูมาโดยตลอด เมื่อเห็นลู่จิ้นยวนจากไปก็เดินเข้ามาในห้อง เห็นเวินหนิงที่มีใบหน้าแดงก่ำ มือก็วางของลงพร้อมกับพลางเอ่ยออกมาด้วยความอิจฉาอย่างอดใจไม่อยู่ “สามีคุณดีมากเลยนะคะ คุณสลบไปตั้งหนึ่งวันหนึ่งคืน เขาอยู่ที่นี่คอยดูแลคุณตลอดเลย ไม่เพียงแค่นั้น ยังบอกให้ฉันต้มแกงจืดไก่เพื่อบำรุงร่างกายคุณเป็นพิเศษเลย ผู้ชายดีๆ แบบนี้หายากมาเลยนะคะ”
เวินหนิงได้ยินคำว่าสามีคำนี้ขึ้นมา ก็คิดจะปฏิเสธออกไป ในเมื่อแต่แรกเดิมทีเธอกับลู่จิ้นยวนก็ไม่ได้มีความสัมพันธ์ฉันสามีภรรยาอยู่แล้ว แต่เมื่อเห็นพยาบาลมีท่าทีอิจฉาแบบนั้น เธอก็พูดไม่ออกขึ้นมา
เพราะว่าสลบไปเป็นเวลานาน แม้ว่าจะมีการให้สารบำรุงเข้าร่างกายผ่านสายน้ำเกลือไปแล้ว แต่ในกระเพาะก็ยังคงว่างเปล่าอยู่ เวินหนิงละทิ้งซึ่งความกระอักกระอ่วนเล็กน้อยๆ ทิ้งไป และกินอาหารที่ถูกเตรียมมาด้วยความใส่ใจที่อยู่ตรงหน้าอย่างเต็มปากเต็มคำ
ลู่จิ้นยวนยังคงจำรสชาติที่ถูกปากของเธอได้อย่างชัดเจน อาหารทุกชนิดล้วนแล้วแต่เป็นของโปรดที่เธอชอบทาน อีกทั้งแกงไก่ก็ไม่มีความมันอยู่เลยแม้แต่น้อย ไขมันทั้งหมดนั้นถูกกำจัดเอาออกไปก่อนแต่แรกแล้ว นี่จึงทำให้เธอมีความรู้สึกถูกเอาใจใส่ได้รับการดูแลราวกับเกินจริง
มองดูเวินหนิงจนกินข้าวเสร็จ พยาบาลก็รีบจัดการเก็บกวาดด้วยความรวดเร็ว มือหนึ่งก็เก็บของไป ปากก็พลางเอ่ยชวนเวินหนิงคุยให้เธอรู้สึกสบายใจ ทว่าตอนที่สังเกตเห็นชุดผู้ป่วยตัวใหญ่ที่คลุมตัวเธออยู่นั้น ก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามขึ้นมา “วัยรุ่นมีจิตใจที่ร้อนแรงมันก็ดีอยู่หรอกค่ะ แต่ว่า คุณหนูเวินยังท้องยังไส้อยู่ ก็ต้องควบคุมให้บันยะบันยังหน่อยนะคะ!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บ่วงแค้นแสนรัก