เขาไม่รู้ว่าเวินหนิงเคยลำบากมามากขนาดไหน?
“ต่อจากนี้ไปจะไม่มีทางอีกแล้ว”
ลู่จิ้นยวนจับมือของเวินหนิงไว้แล้วจูบลงเบา ๆ บนนิ้วมือเรียวที่ขาวผ่องนั้นสองสามครั้ง ท่าทางที่อ่อนโยนของเขาแบบนั้น ราวกับแมลงปอเล่นน้ำ ทำให้เวินหนิงมีความรู้สึกเหมือนถูกปกป้อง
“ผ่านไปหมดแล้ว น่าจะ...ผ่านไปแล้วแหละ...”
เวินหนิงพูดพึมพำ มองดูชายหนุ่มตรงหน้า เธอมักรู้สึกว่านี่ไม่ใช่เรื่องจริง
คนแบบลู่จิ้นยวนจะทำแบบนี้ต่อเธอ เดิมทีก็น่าเหลือเชื่อพอแล้ว เธอไม่รู้ว่าตัวเองจะติดกับต่อไปอีกดีไหม
ความรู้ที่ถูกปกป้องแบบนี้ มันดึงดูดใจเป็นอย่างมาก ก็เหมือนกับต้นฝิ่น เมื่อได้ลองครั้งนึงแล้วก็ยากที่จะเลิก
“มันผ่านไปแล้ว เชื่อฉันสิ” ลู่จิ้นยวนเข้าใจดีว่าเวินหนิงยังไม่แน่ใจ ดังนั้นเขาให้สัญญากับเธอโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย
เวินหนิงยิ้มกริ่ม ณ ตอนนี้ เธอไม่อยากคิดอะไรเยอะแยะขนาดนั้น ไม่อยากคิดถึงตระกูลลู่ มู่เยียนหราน และอีกมากมายก่ายกอง เธอเพียงแค่อยากถลำลึกเข้าไปในเรื่องดี ๆ ที่ลู่จิ้นยวนมอบให้ แม้ว่าอาจจะเป็นช่วงเวลาสั้น ๆ ก็ตาม
ลู่จิ้นยวนดูเหม่อลอยนิดหน่อย ในความทรงจำของเขาเวินหนิงยิ้มน้อยมาก หรืออาจจะเป็นเพราะมีเรื่องในใจเยอะเกินไป เธอมักจะขมวดคิ้วและเศร้าหมองอยู่เสมอ เขาถึงเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าผู้หญิงตรงหน้าอายุแค่ยี่สิบสาม เป็นช่วงวัยที่เพิ่งเรียนจบมหาวิทยาลัย
“เธอยิ้มสวย จากนี้ไปยิ้มเยอะ ๆ หน่อย”
ลู่จิ้นยวนพูดจบ เขาค่อย ๆ ปัดผมที่กระจัดกระจายอยู่ข้างแก้มของเวินหนิงออก
เวินหนิงไม่ได้ตอบ แต่ก็ไม่ได้ต่อต้านอะไร เธออิงอยู่ในอ้อมกอดที่อบอุ่นของชายหนุ่มอย่างเชื่อฟัง รับความอบอุ่นแบบนั้นที่ทำให้รู้สึกสงบจิตสงบใจ
ผ่านไปครู่หนึ่ง เธอก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นได้ “อ่อใช่ ยวี๋เฟยหมิง...เขายอมรับหรือยัง?”
เมื่อครู่ลู่จิ้นยวนบอกว่าจะไปหายวี๋เฟยหมิง แบบนั้นแล้วมีความคืบหน้าอะไรบ้างไหมนะ?
“...” ลู่จิ้นยวนคิดไม่ถึงว่าเธอจะถามเรื่องนี้ขึ้น “ยังต้องรอไปก่อน”
“เขาไม่ยอมพูดความจริงออกมา?” เวินหนิงกำหมัดแน่น ความโมโหแวบผ่านดวงตา
คนแบบยวี๋เฟยหมิง ทำให้ผู้อื่นเสียหายแต่ตนเองได้รับประโยชน์ ไม่เห็นคุณค่าชีวิตคนอื่น เขาจะพูดออกมาได้ยังไง นี่เป็นปัญหาจริง ๆ
“ฉันจะให้มันพูดออกมาให้ได้โดยเร็ว”
สำหรับยวี๋เฟยหมิงแล้ว ลู่จิ้นยวนเกลียดเขาอย่างเป็นที่สุด แต่ถ้าเขาไม่พูด ก็ไม่สามารถทรมานบังคับเขาจนต้องรับสารภาพได้ ถ้าเป็นแบบนั้นแล้วถึงเขาจะรับสารภาพแต่ก็ไม่มีประโยชน์อะไร ที่จะสามารถคืนความบริสุทธิ์ให้กับเวินหนิงได้
“ฉัน...พรุ่งนี้พวกเราไปหาเขาด้วยกันได้ไหม?” เวินหนิงครุ่นคิด แล้วเอ่ยปากขึ้น
อย่างน้อยเธอก็อยากรู้ความคืบหน้าของเรื่องนี้
ลู่จิ้นยวนมองดูดวงตาที่จริงจังของเธอ ก็เข้าใจว่าเธอให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ขนาดไหน “เธอพักฟื้นให้หายดี แล้วฉันจะพาเธอไป”
เมื่อได้ยินลู่จิ้นยวนรับปาก เวินหนิงสบายใจขึ้นเยอะ ชายหนุ่มทายาบนขาให้เธออย่างระมัดระวัง แล้วก็อุ้มเธอนอนลงบนเตียงใหญ่ของคนไข้
เวินหนิงพยักหน้า รู้สึกว่าลู่จิ้นยวนไม่ได้มีท่าทีผิดปกติอะไร ความรู้สึกประหม่าก่อนหน้านี้ก็คลี่คลายลง ความง่วงค่อย ๆ ครอบงำ แล้วเข้าสู่ความฝันไปช้า ๆ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บ่วงแค้นแสนรัก