เวลาล่วงเลยผ่านไปหลายวัน เวินหนิงใช้ชีวิตอย่างสงบสุข สงบสุขจนถึงขนาดที่ว่า ตัวเธอเองยังไม่อยากจะเชื่อในความราบรื่นนี้
เมื่อฝนโหมกระหน่ำลงมา ก็จะมีคนใจดียื่นร่มมาให้เธอ เมื่อเรียกรถไม่ได้ ก็จะมีคนใจดีไปส่งเธอถึงที่
เธอใช้ชีวิตมาอย่างมืดหม่นถึง 20 ปีแล้ว ราวกับว่าในช่วงเวลานี้ที่ชีวิตก็สว่างไสวขึ้นมาโดยฉับพลัน
เวินหนิงคิดได้แบบนี้ ก็วาดรอยยิ้มลงบนใบหน้า หรือว่านี่จะเป็นการเริ่มต้นครั้งใหม่ของเธอ ชีวิตใหม่ของเธอจะเริ่มต้นนับจากนี้ต่อไปแล้ว
ขณะที่กำลังคิดอยู่นั้น ไม่ไกลออกไปก็มีรถโรลส์รอยซ์ที่คุ้นตาจอดนิ่งสนิทอยู่
ทำไมเวินหนิงถึงจะจำไม่ได้ว่านี่คือรถประจำตำแหน่งของลู่จิ้นยวน ทันทีที่ได้เห็นรถคันนี้ เธอก็นึกถึงวันนั้นที่หน้าทางเข้าโรงแรม คนคนนั้นได้ให้ความรู้สึกอันขมขื่นและอัปยศแก่เธอ
ลู่จิ้นยวนมาทำอะไรที่นี่กัน
อันเฉินจอดรถและขณะที่กำลังจะเปิดประตูให้ลู่จิ้นยวนนั้นเอง “เธอเห็นนายแล้ว”
ลู่จิ้นยวนเห็นเวินหนิงยืนอยู่ไม่ไกลออกไปนัก บางครั้งเรื่องจำพวกนี้ก็มักจะแปลกประหลาดเช่นนี้ เพียงแค่ได้เข้าไปใกล้ เขาก็จะรู้สึกตัวได้ถึงการมีตัวตนอยู่ของเธอ ราวกับว่าเป็นสัญชาตญาณอย่างไรอย่างนั้น
“คุณหนูเวิน? ” อันเฉินถึงพึ่งจะสังเกตเห็นเวินหนิง เมื่อสักครู่เขาไม่ได้ใส่ใจไปที่ด้านนี้นัก “งั้น พวกเราจะไปจากที่นี่ไหมครับ”
ในเมื่อตอนนี้ลู่จิ้นยวนกำลังช่วยเวินหนิงอยู่ โดยล้วนแล้วแต่เป็นการยื่นมือเข้ามาช่วยอย่างลับๆ ถ้าหากว่าถูกพบเข้าล่ะก็ ความพยายามที่เก็บเป็นความลับมาก่อนหน้านี้ก็คงจะสูญเปล่าไป
“ไม่จำเป็น” ลู่จิ้นยวนส่ายหน้า เขามองทะลูออกไปนอกกระจกหน้าต่าง สบสายตาเข้ากับเวินหนิง เธอเองก็สังเกตเห็นฝั่งนี้แล้วเช่นกัน อีกทั้งยังคงจำเขาได้ดี
ถ้าจะหนีไปตอนนี้อีก ก็กลัวว่าจะทำให้ดูน่าสงสัยยิ่งขึ้น
“ฉันจะลงไปคุยกับเธอสักหน่อย”
ลู่จิ้นยวนคลายเน็กไทด์ออกเล็กน้อย หัวใจของเขาเต้นแรงขึ้น เพราะว่าการพบกันที่แสนจะธรรมดาในครั้งนี้ค่อนข้างจะมีความโกลาหลปนอยู่ด้วยนิดหน่อย
ทั้งๆ ที่ก็เป็นเพียงเพราะว่าไม่ได้เจอหน้ามาหลายวันแท้ๆ เขาถึงได้คิดถึงผู้หญิงคนนั้นมากเสียขนาดนี้ ในชั่วระยะเวลาที่ได้แอบช่วยเหลือเธออย่างลับๆ นี้ก็รู้การเคลื่อนไหวของเธอมาโดยตลอดแท้ๆ แต่พอคิดว่าจะได้มาเจอหน้ากันเช่นนี้ ลู่จิ้นยวนก็กลับไม่ได้ดูสงบเยือกเย็นเหมือนที่จินตนาการเอาไว้
ลู่จิ้นยวนลงจากรถไป มุ่งหน้าเดินไปทางโรงพยาบาล เวินหนิงมองดูรูปร่างอันสูงใหญ่นั้นเคลื่อนเข้ามาใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ ใจก็พลันเต้นระรัวเร็วขึ้นโดยที่เธอไม่รู้สึกตัวเสียด้วยซ้ำ
ทำเขาถึงมาปรากฏตัวอยู่ที่นี่กัน ไม่ใช่ว่าจะหมั้นแล้วเหรอ มีจุดประสงค์อะไรกันแน่ถึงได้มาที่แบบนี้
เวินหนิงพยายามปรับระดับลมหายใจให้คงที่ รักษาสีหน้าที่ไร้ซึ่งอารมณ์เอาไว้ เธอไม่อยากจะเปิดเผยท่าทีที่แสดงอาการอ่อนแอหรือคิดถึงโหยหาต่อหน้าผู้ชายคนนี้ ไม่อย่างนั้นมันจะเป็นสิ่งที่เขาจะเอามาใช้เยาะเย้ยเธอได้
ลู่จิ้นยวนค่อยๆ เดินเข้ามาใกล้ แต่กลับไม่ได้พูดอะไรกับเวินหนิง ทั้งสองคนเดินเฉียดไหล่ผ่านไปอย่างเย็นชา ราวกับคนแปลกหน้าที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน
ไม่มีใครยอมเปิดปากพูดก่อนทั้งนั้น จะมีก็เพียงแต่บรรยากาศอันแปลกประหลาดที่ลอยอบอวนอยู่ทั่วบริเวณรอบกายทั้งสองคนนั้น
จนในท้ายที่สุดแล้ว ก็เป็นเวินหนิงที่ทนนิ่งขรึมอีกต่อไปไม่ไหว “ไม่ทราบว่าคุณลู่มาทำอะไรที่นี่เหรอคะ”
ได้ยินเสียงของเธอที่เต็มไปด้วยความห่างเหิน ลู่จิ้นยวนไม่มีท่าทีที่เปลี่ยนไปเลยแม้แต่เล็กน้อย ฟังดูแล้วก็ราวกับว่าเธอนั้นสงบนิ่งมากเลยเสียด้วย
ไม่คาดคิดเลยว่า ผู้หญิงคนนี้จะดูเรียบนิ่งเป็นธรรมชาติมากกว่าที่ตัวเขาจินตนาการเอาไว้เสียด้วยซ้ำ
“ฉันมาโรงพยาบาล ไม่จำเป็นที่จะต้องอธิบายอะไรกับเธอหรือเปล่า”
ลู่จิ้นยวนกำมือทั้งสองข้างแน่นขึ้นเล็กน้อย ที่เขามาในครั้งนี้นั้นก็จะเป็นครั้งสุดท้ายที่จะมาติดต่อคนที่เขาได้สั่งให้จัดการเรื่องราวไว้ให้เรียบร้อยดี จากนั้น ก็จะกลับประเทศแล้ว
เสียงของลู่จิ้นยวนไม่มีความสั่นไหวแม้แต่น้อย เวินหนิงอดไม่ได้ที่จะแค่นยิ้มเย็นขึ้นในใจ “ฉันก็ไม่ได้สนใจว่าคุณจะมาทำอะไรที่นี่หรอกนะ แต่ว่า กังวลว่าคุณจะมาทำอะไรที่ส่งผลไม่ดีกับเรื่องของฉันกับแม่ ก็เลยจะไม่ระวังตัวก็ไม่ได้”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บ่วงแค้นแสนรัก