บ่วงแค้นแสนรัก นิยาย บท 243

เวินหนิงถูกเอามืออุดปากแล้วพาลงมาจากชั้นบน เธอดิ้นขัดขืนมาตลอดทั้งทาง พยายามดิ้นสะบัดตัวไปมาแต่ก็ไม่มีประโยชน์อะไรเลย

คนพวกนี้ล้วนแล้วแต่เป็นคนที่ผ่านการฝึกฝนมาแล้วทั้งนั้น การที่ให้มาจัดการผู้หญิงที่ไร้ซึ่งกำลังแบบนี้ ช่างเป็นเรื่องที่ง่ายดายเสียเหลือเกิน

เวินหนิงดิ้นไม่หลุดจริงๆ จึงกลับกลายเป็นว่าเงียบลงแทนทันที เธอพยายามทำใจให้สงบลง ตอนนี้เธอจะฝืนดิ้นอย่างไม่มีแผนไม่ได้ เพราะถ้าหากว่าเธอขัดขืนอย่างสิ้นสติ ก็จะเป็นการปิดโอกาสทางหนีมากยิ่งขึ้นไปอีก

เมื่อเห็นว่าในที่สุดเธอก็ตัดสินใจหยุดดิ้นแล้ว คนทั้งกลุ่มก็สบายใจลงไปไม่น้อย ในเมื่อผู้หญิงคนนี้ท้องแก่เสียขนาดนี้ อีกทั้งนายใหญ่ยังออกคำสั่งมาว่าห้ามให้กระทบไปถึงตัวเด็กที่อยู่ในท้องโดยเด็ดขาด จะให้ควบคุมในเรื่องนี้นั้นไม่ใช่เรื่องที่ง่ายเลย

“คุณหนูเวิน สงบสติอารมณ์ลงได้ถือว่าเป็นการดีที่สุดแล้วครับ พวกเราเองก็ไม่อยากทำให้คุณลำบาก ถ้าคุณมากับพวกเราเสียดีๆ ก็จะไม่ได้รับบาดเจ็บครับ”

จะไม่ได้รับบาดเจ็บอย่างงั้นเหรอ

เวินหนิงฟังแล้วก็อยากจะหัวเราะ มีแต่คนโง่เท่านั้นแหละถึงจะเชื่อคำพูดตอแหลของพวกมัน เมื่อเห็นว่าพวกมันดูจะระวังเกี่ยวกับท้องของเธอมาก ก็รู้ว่าจุดประสงค์หลักของคนคนนั้นก็คือตัวเด็ก

ตระลู่รู้ได้อย่างไรกัน............

ความคิดที่อยู่ในหัวของเวินหนิงตีกันยุ่ง เธอหลับตาลงไม่อยากที่จะเห็นคนพวกนี้ จึงทำได้เพียงใช้สมองครุ่นคิดอย่างรวดเร็ว คิดว่าจะหนีออกไปได้อย่างไร

ถ้าหากว่าเธอไม่ได้กำลังท้องอยู่ หรือว่าสามารถที่จะเสี่ยงดวงทุ่มสุดกำลังกระโดดลงไปจากบนรถได้ และลุ้นดูว่าจะสามารถหลุดพ้นออกไปได้ไหม แต่ว่าตอนนี้ เธอจะเสี่ยงอันตรายไม่ได้ ถ้าตอนนี้ทำแบบนั้นก็จะเป็นการสละทั้งสองชีวิตไป

ที่อยู่เบื้องหน้าเธอนั้น ราวกับว่ามีเพียงแต่ทางตันอันมืดบอดแล้ว..........

เวินหนิงกัดปากแน่น เธอไม่เคยมีช่วงเวลาแบบนี้ ที่ความรู้สึกในใจที่มีต่อคนตระกูลลู่ล้วนแล้วแต่เต็มไปด้วยความเกลียดชังและขมขื่นเช่นนี้เลย

ในขณะที่ใจของเธอกำลังโหมกระพือปานจะซัดกระหน่ำมหาสมุทรได้อยู่นั้น ในที่สุดรถก็จอดนิ่งสนิท มาหยุดอยู่ที่หน้าคฤหาสน์หลังหนึ่งที่ตั้งอยู่นอกเมือง เวินหนิงถูกพาออกไป ตอนนี้เธอก็ยอมร่วมมือไปด้วย ในเมื่อก็เดินทางมาถึงถิ่นเสียขนาดนี้แล้ว จะดิ้นขัดขืนต่อไปก็คงไม่มีประโยชน์แล้ว เธอทำได้เพียงมองไปในทุกย่างก้าวที่เดิน

ประตูถูกเปิดออก เวินหนิงที่รออยู่ในความมืดมิดเป็นเวลานาน ก็พลันเห็นแสงสว่างขึ้น แต่ยังคงมองได้ไม่ถนัดนัก เมื่อรอจนสายตาเธอปรับสภาพ ก็เห็นคนที่อยู่เบื้องหน้าได้อย่างชัดเจน แต่ก็กลับไม่ได้มีท่าทีตอบกลับรุนแรงอะไรนัก

ไม่ได้คลาดเคลื่อนไปจากที่เธอคาดเดาเท่าไหร่นัก คนที่นั่งอยู่ข้างหน้าเธอก็คือ เย่หวานจิ้ง

เปรียบเทียบกันให้เห็นได้อย่างเด่นชัดกับเวินหนิงที่อยู่ในสภาพไม่สู้ดีนัก เย่หวานจิ้งสวมใส่เสื้อผ้าราคาแพงทั้งตัว ถึงขนาดที่ว่ามีการแต่งแต้มเติมเครื่องสำอางค์บนใบหน้ามาเล็กน้อย ในมือถือชุดถ้วยน้ำชาแบบกังฮูแต้ และกำลังค่อยๆ ล้างใบชาอย่างละเมียดละไม

ฉากแบบนี้นั้นเมื่อดูแล้วก็สงบนิ่ง ไม่เหมือนคนที่ถูกลักพาตัวมาเลยแม้สักนิดเดียว กลับดูคล้ายกับว่ากำลังจะเข้าร่วมวงสนทนาดื่มน้ำชาของพวกคุณหญิงคุณนายชั้นสูง

ท่าทีที่ทำตัวยกตัวขึ้นเหนือลม ไม่สนใจผู้อื่นแบบนี้ทำให้เวินหนิงไม่พึงพอใจเป็นอย่างมาก นี่ก็คือตระกูลลู่ ที่ขมขู่และทำให้เธอหวาดผวาอย่างที่สุด กลับยังคงทำตาบอดไม่รู้เรื่องรู้ราว เสพสุขใช้ชีวิตอันหรูหราของตัวเอง นี่มันความหยิ่งยโสระดับไหนกันเนี่ย!

“ดึกดื่นค่อนคืนแบบนี้ นายหญิงลู่สั่งให้คนไปพาฉันมาถึงที่นี่ คงจะไม่ใช่เพื่อให้ฉันมาดูคุณชงชาหรอกใช่ไหมคะ”

เวินหนิงพูดออกมาอย่างไม่มีความเกรงใจ ในเมื่อเย่หว่านจิ้งไม่ชอบใจเธอ งั้นต่อให้เธอพูดจาโอ้โลมดีแค่ไหนก็ไม่มีประโยชน์

“หึ เธอก็ยังคงยั่วให้คนรังเกียจได้เหมือนเคยเลยนะ หยาบคายต่ำเป็นที่สุด”

เย่หวานจิ้งวางถ้วยใบน้อยในมือลงอย่างเบาๆ แววตาเจือไปด้วยความดูถูกเหยียดหยามเล็กน้อย แต่ขณะที่มองมาเต็มไปด้วยความหน่ายใจ

ไร้คุณสมบัติก็คือไร้คุณสมบัติ เวินหนิง ผู้หญิงคนนี้ ทั้งชาตินี้ก็เป็นได้แค่ชนชั้นผู้น้อยแบบนี้แหละนะ.........

เพียงแต่ว่า......

สายตาของเย่หวานจิ้งเลื่อนมองลงมาที่ท้องของเวินหนิง มองไปยังตำแหน่งบริเวณที่นูนสูงขึ้นมาแล้ว ในใจเธอก็มีความรู้สึกสับสนที่พูดไม่ออกขึ้นมา

หมายความว่าอะไรกัน

หรือว่าเธอต้องการที่จะกำจัดเด็กทิ้ง

เย่หวานจิ้งเห็นท่าทางที่ตกใจของเวินหนิงก็ยิ้มออกมา “ฉันก็เคยคิดที่จะกำจัดเด็กที่อยู่ในท้องเธอไปเหมือนกัน แต่ว่า..........ตอนนี้ก็น่าจะถือว่าเป็นสิ่งมีชีวิตแล้วใช่ไหม ถ้าจะเอาออก ไม่ใช่ว่าจะเป็นการฆ่าลูกของลูกชายด้วยน้ำมือของตัวเองอย่างงั้นเหรอ”

“ฉันพูดไปแล้วไง เด็กคนนี้ไม่ใช่ลูกของเขา! ”

เวินหนิงทนไปมากกว่านี้ไม่ไหวแล้ว จึงตะคอกใส่เย่หวานจิ้งออกไป

เธอกำจัดเอกสารนั้นด้วยตัวเองไปแล้วแท้ๆ ไม่มีทางที่จะมีคนรู้ถึงตัวตนของลูกได้

“เธอพูดแล้ว ฉันก็จะต้องเชื่อตามนั้นอย่างงั้นเหรอ” เย่หวานจิ้งยิ้มเย็น จะว่าไปแล้วท่าทีตอบกลับของเวินหนิงนั้นถือว่าไวมาก แต่ทว่า เรื่องก็มาถึงจุดนี้แล้ว เธอยังคิดที่จะหลอกตัวเองอยู่อีก ช่างไร้เดียงสาเสียจริง

“ตอนนี้เธอมีตัวเลือกเพียงตัวเลือกเดียว ฉันจะพาเธอออกไปจากที่นี่ ไปอยู่บนเกาะส่วนตัว เธอไปคลอดเด็กที่นั่น แล้วฉันก็จะไปพาเด็กคนนั้นกลับมา หลังจากนั้น เด็กก็จะถูกตระกูลลู่เลี้ยงดูจนเติบใหญ่ และจะไม่ถือว่ามีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับเธอแม้แต่น้อยอีกต่อไป”

“เรื่องอะไร? เรื่องอะไรกันล่ะ?” เวินหนิงเห็นว่าหลอกเย่หวานจิ้งไม่ขึ้นอีกต่อไป มองมาด้วยดวงตาที่แดงก่ำ ก็จะเป็นเหมือนกับสัตว์ที่สูญเสียลูกไปอย่างไรอย่างนั้น เธอในตอนนี้ เกลียดผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าเสียจนอยากจะลากให้พินาศไปด้วยกันให้รู้แล้วรู้รอด

“คุณเองก็เป็นแม่คน คุณเองก็รู้ถึงความหมายของลูกสำหรับคนเป็นแม่ แต่คุณก็ยังคิดที่จะพรากเด็กออกจากแม่ คุณไม่คิดละอายแก่ใจบ้างหรือไง”

สภาพอารมณ์ของเวินหนิงนั้นใกล้ที่จะพังทลายลงแล้ว ในหัวก็ปรากฏภาพเรื่องราวของลูกขึ้นมาทีละฉากๆ

ตั้งแต่เหตุการณ์ไม่คาดคิดที่ได้เกิดขึ้นในตอนแรก จนถึงไม่อยากจะเก็บเด็กเอาไว้ ความรู้สึกของเธอค่อยๆ เปลี่ยนไปทีละน้อยๆ หลังจากนั้นต่อมาก็ได้พบเจอเหตุการณ์ที่เสี่ยงอันตรายมากมาย จะให้เธอจะมาละทิ้งไปได้อย่างไรกันล่ะ

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บ่วงแค้นแสนรัก