อันเฉิน?
ทำไมเขาถึงมาอยู่ที่นี่กัน
แม้จะไม่รู้ถึงเหตุผลว่าอันเฉินมาที่ด้วยจุดประสงค์อะไร แต่ว่า เวินหนิงเชื่อว่าถ้าหากเขาได้รู้ถึงปัญหาของเธอล่ะก็ จะต้องเข้ามาช่วยเหลือแน่นอน
“ฉันอยากจะเข้าห้องน้ำ”
เวินหนิงพูดออกมาอย่างใจเย็น เย่หวานจิ้งขมวดคิ้วยุ่ง “ทำไมแกมันเรื่องเยอะเรื่องแยะแบบนี้กัน เดี๋ยวขึ้นเครื่องบินแล้วค่อยไปเข้า.........”
“ไม่ได้! ฉันปวดท้อง ห้องน้ำบนเครื่องบินมันแคบเกินไป คุณอยากจะให้เด็กที่อยู่ในท้องฉันทรมานไปด้วยงั้นเหรอ”
เวินหนิงไม่สนใจว่าการพูดแบบนี้ออกไปนั้นจะดูน่าขายหน้าหรือเปล่า แล้วก็พลันจ้องไปที่เย่หวานจิ้ง
“ก็ได้ พวกแกพาเธอไป”
บนใบหน้าของเย่หวานจิ้งเต็มไปด้วยความเย็นชา “ดูเธอเอาไว้ให้ดีล่ะ อย่าให้เธอเล่นลูกไม้อะไรเด็ดขาด แต่ว่า ฉันคิดว่าแกเองก็คงไม่กล้าหรอก”
เวินหนิงไม่ได้พูดอะไรออกมา เดินตามกลุ่มคนนั้นอยู่ด้านหลังมุ่งไปที่ห้องน้ำที่ตั้งอยู่ไม่ไกลออกไปนัก
คนทั้งกลุ่มต่างพากันไล่คนที่เข้ามาใช้ห้องออกไปก่อน จากนั้นต่อมาจึงให้เวินหนิงเข้าไปได้
เวินหนิงไม่มีข้อเห็นแย้งใดๆ เดินเข้าไปอย่างสงบเสงี่ยม เธอมองโครงสร้างในนี้ไปหนึ่งที ก็แปลกใจถึงสิ่งที่พวกเขาทำกัน หน้าต่างในนี้อยู่สูงมาก เธอที่อยู่ในสภาพนี้ปีนขึ้นไปไม่ไหวแน่ ซ้ำยังไม่มีเครื่องไม้เครื่องมืออะไรเลย เธอคิดไม่ออกแล้วว่าจะพลิกสถานการณ์ได้อย่างไร
เวินหนิงกัดริมฝีปากแน่น ทันใดนั้นก็หยิบลิปสติคสีแดงที่อยู่ในกระเป๋าเสื้อ เขียนตัวอักษรลงไปบนกำแพงด้วยความรวดเร็ว สีแดงสดที่วาดอยู่บนกำแพงช่างดูเด่นชัด
เธอทำได้เพียงแต่คาดหวังว่าร่อยรอยอันชัดเจนนี้จะสามารถดึงดูดความสนใจจากเขาได้
หลังจากที่เขียนเสร็จ เวินหนิงก็เดินออกมาจากห้องน้ำ แล้วล้างมืออย่างช้าๆ ดูแล้วไม่มีอะไรที่ดูผิดแปลก
“ต้องเข้าไปตรวจสอบดูก่อนไหม”
ในสถานการณ์ที่ทุกอย่างดูเป็นปกติดี จู่ๆ ก็มีคนพูดเสนอข้อคิดเห็นขึ้นมา เวินหนิงชะงักค้างไปในทันที ทันใดนั้นเธอก็กุมท้องตัวเองเอาไว้แล้วส่งเสียงแผดร้องออกมา
“ฉันปวดท้อง รีบพาฉันกลับไปเร็ว! ”
เสียงของเวินหนิงสั่นเครือ ฟังดูแล้วเจ็บปวดมากเสียจนอ่อนระโหยไร้เรี่ยวแรง คนทั้งกลุ่มไม่กล้าที่จะไม่สนใจเธอ และก็ไม่อาจที่จะทำสิ่งอื่นใดได้ จึงรีบพยุงเธอออกไปโดยทันที
เวินหนิงจึงถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก หัวใจนั้นบีบรัดจนตื่นเต้นไปหมด หวังว่าจะมีใครสักคนเห็นร่องรอยที่เธอได้ทิ้งเอาไว้ จากนั้นก็ทำให้เป็นเรื่องใหญ่สักหน่อย เพื่อให้อันเฉินรู้ถึงเรื่องนี้!
“คราวนี้เธอไม่ได้ก่อเรื่องอะไรใช่ไหม” เย่หวานจิ้งเห็นเวินหนิงกลับมาแล้ว ก็อดไม่ได้ที่จะยุแหย่เธอ
“ไม่มี”
เวินหนิงก็ไม่ได้ทำสิ่งใดที่เกินกว่าเหตุอีกเลย ตามเย่หวานจิ้งขึ้นเครื่องบินไปอย่างว่าง่าย มองทะลุออกไปนอกหน้าต่าง เธอมองลงไปที่เมืองที่เธอได้ใช้ชีวิตเป็นช่วงระยะเวลาหนึ่งเป็นครั้งสุดท้าย
เธอจะได้กลับมา อย่างแน่นอน......
……….
หลังจากที่อันเฉินมาถึงที่ ก็ได้รายงานถึงสถานการณ์ให้ลู่จิ้นยวนทราบก่อนเป็นอันดับแรก ตอนนี้การหายตัวไปของเวินหนิงได้ถูกยืนยันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่ทว่า สุดท้ายแล้วใครเป็นคนพาตัวเธอไปนั้นยังไม่อาจทราบได้
ก่อนที่คนพวกนั้นจะลงมือได้มีการเตรียมการมาเป็นอย่างดี เครื่องบันทึกภาพอะไรทุกอย่างต่างล้วนถูกทำลายทิ้งทั้งสิ้น ไม่มีร่อยรอยหลงเหลือเอาไว้เลย เครื่องติดตามที่อยู่ในโทรศัพท์มือถือของเวินหนิงก็ถูกทำลายเช่นกัน
ดังนั้น การที่คิดอยากจะหาตำแหน่งที่อยู่ของเวินหนิงในตอนนี้นั้น ถือว่าเป็นเรื่องที่ยากมากเลยทีเดียว
“ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ต้องหาตัวเธอให้พบ”
สีหน้าของลู่จิ้นยวนดูแย่มาก ตอนนี้เขาถูกคุมตัวกักขังอยู่ที่นี่ จะปลีกตัวออกไปก็ไม่ได้ แม้ใจจะร้อนรนดั่งเปลวไฟ แต่ก็ไม่อาจที่จะทำอะไรได้เลย
ความรู้สึกแบบนี้ ได้กัดกินไปจนถึงแกนในสุดของเขาแล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บ่วงแค้นแสนรัก