บ่วงแค้นแสนรัก นิยาย บท 250

ความทะยานอยากที่ต้องการจะควบคุมนี้ ทำให้คนรู้สึกอึดอัดหายใจไม่ออก นี่จะต้องเป็นเพราะเคยได้รับบาดแผลทางจิตใจอย่างใหญ่หลวงถึงได้เป็นอย่างรุนแรงถึงขนาดนี้

“ฉันเหนื่อยแล้ว ไปพักผ่อนได้หรือยัง”

เวินหนิงไม่อยากที่จะไปเกี่ยวข้องกับเย่หวานจิ้งมากไปกว่านี้ จึงเอ่ยปากพูดขึ้นมาอย่างนิ่งๆ

“เธอก็เพียงแค่ต้องร่วมมืออย่างว่าง่าย ฉันก็จะไม่ทำให้เธอรู้สึกลำบากแล้ว ไปเถอะ”

เย่หวานจิ้งตอบกลับ เพียงแต่ว่าอะไรบางสิ่งที่อยู่ในแววตาของเวินหนิงนั้น ทำให้เธอรู้สึกไม่พึงพอใจ

เย่หวานจิ้งกลับเห็นความชิงชังและสมเพชที่มีต่อตัวเธอที่อยู่ในสายตาของผู้หญิงคนนี้ เวินหนิงที่มีสถานะตำ่ช้าแบบนี้ จะไปคู่ควรที่จะทำแบบนั้นได้อย่างไรกัน

เพียงแค่เย่หวานจิ้งคิดว่าจะได้ไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับเวินหนิง ก็ทำให้ตัวเธอรู้สึกไม่สบายไปทั้งกาย จึงไม่คิดที่อยู่เพื่อเกี่ยวข้องตรงนี้อีก “พวกแกก็ดูแลเธอให้ดีด้วย ฉันต้องกลับประเทศไปจัดเตรียมเรื่องงานหมั้น และต้องมั่นใจว่าจะดูแลเด็กให้ปลอดภัยไร้กังวลนะ”

เวินหนิงที่ยังเดินจากไปได้ไม่ไกลนัก ได้ยินคำว่าหมั้นคำนี้ ร่างกายก็สั่นเทิ้มขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ สภาพของเธอนั้นตกไปอยู่ในสายตาการรับรู้ของเย่หวานจิ้ง จึงทำให้เธอรู้สึกพอใจขึ้นมาได้แล้วบ้าง

ดูท่าแล้ว ผู้หญิงคนนี้จะมีแนวคิดที่ว่าแม่เทิดทูนลูกเป็นดั่งสมบัติ แต่ทว่าตอนนี้ก็ได้ถูกเธอทำลายลงเสียแล้ว

เคราะห์ดี ที่เธอมาเจอได้อย่างทันเวลา

เย่หวานจิ้งจากไปแล้ว เวินหนิงกลับไปที่ห้องนอน นางพยาบาลสองคนอยู่ที่ทางด้านหลังของเธอเองก็ไม่มีความคิดที่จะจากไปไหน

“พวกเธอทำอะไรอยู่ที่นี่” เวินหนิงรู้สึกไม่สบายใจที่ถูกคนจับจ้องดูอยู่แบบนี้ จึงคิดที่จะไล่ให้คนออกไป

“พวกเราเองก็ได้รับหน้าที่ให้ต้องปฏิบัติตามนะคะ คุณหนูเวิน เพียงแค่หนึ่งเดือนนี้เองค่ะ ขอให้คุณได้โปรดอดทนเอาหน่อยนะคะ”

เวินหนิงมองดูท่าทางที่ดูเย็นชาของสองคนนั้น ก็รู้สึกอัดอั้นตันใจ “พวกเธอที่ไปช่วยเหลือคนเลวแบบนี้ ฉันดูพวกเธอแล้วก็หลับไม่ลง ออกไปให้พ้นซะ! ”

“ขอโทษด้วยค่ะ คุณหนูเวิน ได้โปรดทำตัวให้ชินด้วยนะคะ”

คำพูดของเวินหนิง ไม่มีประโยชน์เลยแม้แต่น้อย ทั้งสองคนนั้นยังคงยืนอยู่ที่ข้างเตียงของเธอ ราวกับเป็นเทพที่อารักขาประตูอย่างไรอย่างนั้น ยืนปักหลักไล่ก็ไม่ไป

แม้ว่าเวินหนิงจะรู้สึกไม่สบายใจ แต่ก็ไม่มีทางเลือก “แล้วแต่พวกเธอละกัน ฉันจะพักผ่อน ห้ามพวกเธอส่งเสียงรบกวนฉันเด็ดขาด”

พูดเสร็จก็ดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมตัวเองจนถึงศรีษะ คิดที่อยากจะหลีกหนีความรู้สึกที่คอยถูกจับตาดูอยู่แบบนี้

“คุณหนูเวิน ทำแบบนี้จะอึดอัดไม่ดีนะคะ เพื่อเด็กที่อยู่ในท้อง อย่าทำแบบนี้จะดีกว่านะคะ”

ในตอนนี้เองที่เวินหนิงมาถึงขีดสุดของความโมโหแล้ว “นี่ก็ไม่ได้ นั่นก็ไม่ได้ พวกเธอคิดอยากจะทำอะไรกันแน่”

“หน้าที่ของพวกเราก็คือทำให้เด็กปลอดภัย คลอดออกมาอย่างแข็งแรงสมบูรณ์ดี ได้โปรดคุณหนูเวินอย่าทำให้พวกเราลำบากเลยค่ะ ไม่อย่างนั้นล่ะก็ พวกเราคงต้องรายงานนายหญิงใหญ่ให้เธอมาจัดการนะคะ”

เวินหนิงใบหน้าซีดเผือด ถ้าเย่หวานจิ้งรู้เข้าล่ะก็ ไม่แน่ว่าอาจจะลงไม้ลงมือกับคนแม่ได้ นอกจากที่เธอจะต้องร่วมมือแต่โดยดีแล้ว เธอก็ไม่อาจทำอย่างอื่นได้เลย

คิดได้ดังนี้ ในใจเวินหนิงก็มีความรู้สึกขมขื่นที่ทำอะไรไม่ได้ผุดขึ้นมา หรือว่าลู่จิ้นยวนจะวางแผนจัดการมาตั้งแต่แรกเลยนะ

ที่ได้เชิญคุณหมอมาดูอาการป่วยของแม่ ล้วนแต่เป็นการลวงหลอก ทำไปเพียงเพื่อที่จะได้ควบคุมตัวเอาไว้ ตอนนี้คุณแม่ก็ได้กลายมาเป็นเบี้ยที่พวกเขาเอามาใช้ขมขู่ ความรู้สึกซาบซึ้งที่มีในตอนแรกนั้น ก็คงเป็นได้เพียงเรื่องที่น่าเยาะเย้ยเรื่องหนึ่ง

เวินหนิงไม่ได้ตั้งใจที่จะหาเรื่องอะไรอีก นอนทอดกายอยู่บนเตียง หลับตาลง เพียงแค่ว่าทำอย่างไรเธอก็หลับไม่ลง

อันเฉินจะเห็นข้อความพวกนั้นไหมนะ หรือว่าจะมีคนช่วยเธอโทรศัพท์ออกไปไหมนะ ติดต่อไปที่ต่างประเทศนั่น

ตอนนี้สิ่งที่เธอทำได้ ก็มีเพียงแต่จะต้องรอเท่านั้น

………

พลบค่ำ

ลู่จิ้นยวนมองดูมู่เยียนหรานหนึ่งที บางทีเธอก็ไม่เข้าใจผู้หญิงคนนี้เลย ตอนแรกเขาก็รักเธอเสียจนนอกจากเธอแล้วก็จะไม่แต่งงานกับใครอีก แต่เธอก็ไม่สนใจแลเขา ไม่ว่าจะเป็นตายร้ายดีก็จะออกไปไขว่คว้าตามหาสิ่งที่เรียกว่าความฝัน

ตอนนี้ เขาไม่มีอารมณ์ความรู้สึกต่อเธอเลยแม้แต่นิดเดียว แต่เธอกลับคอยแต่จะเอาใจเขาทั้งวัน ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่หนีไปไหน

ประกอบกับสถานการณ์ของตระกูลมู่ในตอนนี้ จึงได้ทำให้ลู่จิ้นยวนนึกสงสัยถึงสิ่งที่เป็นแรงผลักดันให้เธอ แม้ว่าตระกูลมู่จะเป็นตระกูลยิ่งใหญ่ที่มีเกียรติ แต่เพราะด้วยเรื่องสถานการณ์ทางเศรษฐกิจที่ไม่คล่องตัว ทั้งตระกูลก็เลยไม่เหลือซึ่งอะไรแล้ว กลายเป็นเพียงชั้นวางที่ว่างเปล่า

แม้ว่าภายนอกมู่เยียนหรานจะดูเป็นหญิงงามที่สวยหยาดเยิ้ม แต่จนในท้ายที่สุดแล้วก็สูญเสียแรงสนับสนุนจากตระกูลไป ก็เลยไม่มีซึ่งความกล้าอย่างที่เคยมีในตอนแรกแล้ว

“มู่เยียนหราน เธอคิดจะแต่งงานกับฉัน สุดท้ายแล้วเป็นเพราะว่าชอบฉันคนนี้ หรือว่าเป็นเพราะฉันคือตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับเธอ และสามารถนำผลประโยชน์มาให้เธอได้มากที่สุดกัน”

คำพูดของลู่จิ้นยวน ทำให้มู่เยียนหรานตัวแข็งชะงักค้างไป เธอปฏิเสธออกไปไม่ได้เลย สำหรับลู่จิ้นยวนแล้วเธอสามารถมีได้ซึ่งทุกสิ่งอย่างตามที่ประสงค์ได้อย่างแน่นอน แต่เมื่อถูกถามออกมาตรงๆ แบบนี้แล้ว ก็ทำสีหน้าไม่ถูกขึ้นมา

“นี่คุณหมายความว่าอะไรกัน”

“หมายความว่าอะไร เธอก็รู้อยู่แก่ใจดี”

ลู่จิ้นยวนถอนสายตากลับมา เอามือขึ้นไปขยำผมอย่างสะเปะสะปะ “เธอยังจำสิ่งที่ฉันบอกกับเธอได้ไหม”

“ที่ฉันหมั้นกับเธอ ก็เป็นเพียงการหมั้นทางธุรกิจเท่านั้น ถ้าคิดอยากจะเอาอะไรนอกเหนือจากนี้ไปจากฉัน ก็อย่าแม้แต่จะคิดเลย ไม่มีทางเป็นไปได้อย่างแน่นอน”

พูดเสร็จ ลู่จิ้นยวนก็ลงไปข้างล่าง ไม่แม้แต่จะเหลือบสายตามาแลมู่เยียนหรานเลย

มู่เยียนหรานโมโหมากเสียจนกำหมัดแน่น ท่าทีที่ลู่จิ้นยวนปฏิบัติต่อเธอนั้นยิ่งแย่ลงไปมากขึ้นเรื่อยๆ ผู้หญิงคนนั้นก็ได้จากไปแล้วแท้ๆ ทำไมถึงยังเป็นแบบนี้อยู่อีกล่ะ

ขณะที่กำลังโกรธขึ้งอยู่นั้น ทันใดนั้นก็มีเสียงดนตรีอันรื่นหูดังขึ้นมาจากในห้องของลู่จิ้นยวน

มู่เยียนหรานหันไปดู ลู่จิ้นยวนลืมหยิบโทรศัพท์ไปด้วย ด้วยความสงสัยที่พลุ่งพล่านขึ้นมาในใจ เธอจึงมองดูข้อความที่ปรากฏขึ้นอยู่บนหน้าจอ

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บ่วงแค้นแสนรัก