ตอน บทที่ 26 กระตุ้น จาก บ่วงแค้นแสนรัก – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง
บทที่ 26 กระตุ้น คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายInternet บ่วงแค้นแสนรัก ที่เขียนโดย ชิวเซิง เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย
“ตอนนี้ก็ไม่มีอะไรมาก หลังจากนี้ก็ขึ้นอยู่ที่แก”
“เวินฉีโม่ อย่าหน้าด้านให้มาก!” เวินหนิงหงุดหงิด ตั้งแต่ต้นแม่เธอไม่เคยทำอะไรไม่ดีกับเขามาก่อน
ในตอนแรกเวินฉีโม่เป็นแค่คนที่ไม่มีอะไรเลย เขามาได้ไกลขนาดนี้ก็เพราะแม่ช่วยเขาทำงานดึกดื่นถึงมีบริษัทจนถึงทุกวันนี้
แต่ดูที่เขาตอบแทนแม่สิ เหมือนวัวลืมตีน หลอกลูกของเธอจนได้เข้าคุก พอเธอล้มป่วยก็เอามาขู่ลูกสาวเธออีก
“เวินหนิง ระวังไว้ว่ากำลังพูดกับใคร ผ่านมาหลายปีแกสะกดคำว่ามารยาทไม่เป็นแล้วเหรอ”
“มารยาทงั้นเหรอ นั่นมีไว้สำหรับคน สิ่งที่ไม่ใช่คนก็ไม่จำเป็น” เวินหนิงกำหมัดแน่น อยากจะเข้าไปต่อยหน้าให้ได้
“เวินหนิง ฉันจะเตือนแกเป็นครั้งสุดท้าย อย่ามาพูดจาไร้สาระ ถ้าแกไม่รู้จักมารยาท คืนนี้ก็มาที่บ้าน ฉันจะสั่งสอนให้ดีเอง ถ้าไม่มา ก็รับผลที่จะตามมาให้ได้ล่ะ”
เวินฉีโม่พูดอย่างเย็นชาก่อนตัดสายไป
เวินหนิงพอได้ยินเสียงตัดไปก็อยากจะรีบไปหยิบมีดเพื่อไปฆ่าคน
ยังไงก็ตาม แม่กับเขาก็เป็นสามีภรรยากันมากว่าสิบปีแล้ว ก็เหมือนเลี้ยงสัตว์ ก็ต้องดูอารมณ์มันด้วย แต่เขากับเอาเรื่องที่แม่ล้มป่วยมาเป็นเรื่องต่อรองได้
ไม่ว่าจะโกรธ จะเกลียดแค่ไหน แต่พอถึงเวลาเลิกงาน เวินหนิงก็ต้องทำตามที่เวินฉีโม่พูด
ไม่มีที่ให้เธอสามารถขัดขืนได้
พอถึงบ้านตระกูลเวิน เวินหนิงก็รออยู่นานก่อนที่จะได้รับอนุญาตให้เข้าไป
เธอคิดว่า นี่คือการแก้แค้นของเวินฉีโม่
“ทำไม เรียนรู้การพูดจารึยัง” เวินฉีโม่ยืนอยู่บนขั้นบันไดมองมาที่เธอ
เวินหนิงไม่ได้พูดอะไร “เรียกให้ฉันมาคงจะไม่ใช่เพราะเรื่องนี้ใช่ไหม”
ระหว่างทางมา เธอเตรียมใจมาแล้ว ไม่ว่าเวินฉีโม่จะพูดอะไร เธอต้องอดทน และทำให้เขาบอกเรื่องเกี่ยวกับแม่ให้ได้มากที่สุด
“แกต้องยกฟ้องหลิวลี่ลี่”
เวินหนิงบีบมือตัวเองแน่น
“หลิวลี่ลี่โดนขังก็เพราะใส่ร้ายว่าฉันขโมยของ ฉันไม่ได้บอกทนายให้ฟ้องเธอสักหน่อย เรื่องนี้ คุณมาพูดกับฉันก็ไม่มีประโยชน์”
หลิวลี่ลี่รังแกฉันไม่ใช่ครั้งสองครั้ง ยังไงเวินหนิงก็ไม่อยากปล่อยเธอ
เวินฉีโม่ครุ่นคิดสักพักก็รู้ว่าลู่จิ้นยวนฟื้นขึ้นมาแล้วแต่ตระกูลยังไม่ได้ประกาศออกไป เรื่องของหลิวลี่ลี่คงยาก เพราะลู่จิ้วยวนช่วยเธอ
“เวินหนิง ฉันรู้แกใช้อำนาจตะกูลลู่ แต่ไม่ส่องกระจกหน่อยเหรอ ตระกูลลู่เนี่ยนะจะแต่งงานกับผู้หญิงแบบนี้ อย่างกับหมา หน้าไม่อาย”
หมางั้นเหรอ?
เวินหนิงรู้สึกว่าชั่งไร้สาระ มีพ่อที่ไหนพูดกับลูกสาวแบบนี้ เธอเป็นหมา แล้วเขาล่ะ
ก็ไม่ใช่ว่าเป็นหมาที่แก่ใกล้ตายงั้นเหรอ
เรื่องแบบนี้ ฉันทำไม่ได้ เวินหนิงไม่มีอารมณ์จะเถียงด้วย
ปล่อยหลิวลี่ลี่ไปงั้นเหรอ ลืมไปได้เลย
“ลูกพี่ลูกน้องแกยังไม่ได้แต่งาน แกไปทำแบบนั้นไม่คิดถึงจิตใจเขาเหรอ ต่อไปเขาจะแต่งงานได้ยังไง”
เวินฉีโม่ขมวดคิ้ว
คำพูดของเขา ก็เหมือนเอาหัวใจเธอไปชาในธารน้ำแข็ง
เวินหนิงคิดว่าเขาไม่อยู่เลยจะทำอะไรก็ได้งั้นเหรอ?
เวินหนิงที่มีอาการมึนเมา เธอไม่ได้เป็นคนคอแข็ง ดื่มไปขวดเดียวก็เริ่มเวียนหัวและควบคุมร่างกายตัวเองไม่ได้ พอได้ยินเสียงก็ลุกขึ้นมา “ใครน่ะ?”
ลู่จิ้นยวนเหลือบมองเธอ เธอดื่มไปเท่าไร เวลานี้จะมีใครอีกที่จะเข้าห้องนี้มาได้
“นี่คุณดื่มไปเท่าไร” ชายคนนั้นดึงเน็คไทออกอย่างหมดความอดทน
ลู่จิ้นยวนเกลียดคนแบบนี้ ปกติก็ไม่ชอบคนที่เมาอยู่แล้ว พอเห็นว่าอีกคนกำลังเพ้อเจ้ออยู่ก็อยากจะโยนไปห้องพักแขก
แต่ยังไงก็ทำไม่ได้ เวินหนิงที่เดินโซเซเข้ามาเพื่อหวังดูให้ชัดว่าอีกคนคือใคร
ลู่จิ้นยวนมองเสื้อผ้าของเธอที่ดูหลุดหลวมจากการเคลื่อนไหวของเธอก็ได้แต่กลืนน้ำลาย
ยังไงเขาก็ไม่คิดจะฉวยโอกาสทำอะไรกับผู้หญิงที่ไม่มีสติ
คิดได้อย่างนั้นลู่จิ้นยวนก็หันหลังจะเดินจากไป คืนนี้เขาคงต้องนอนห้องพักแขก
“หยุดนะ!” เวินหนิงเข้าใจผิดคิดว่าเขาคือเวินฉีโม่ เธอวิ่งไปขวางแล้วถามด้วยน้ำตา “ทำไมถึงทำกับฉันแบบนี้ ในสายตาคุณฉันไม่ใช่คนเหรอ ต้องทำยังไงคุณถึงจะปล่อยฉันไป คุณพูดมาสิ!”
เวินหนิงร้องไห้ออกมา และนี่เป็นครั้งแรกที่ลู่จิ้นยวนเห็น เขาทั้งประหลาดใจและทนไม่ได้
เขาคิดว่าคนที่เข้มแข็งแบบเธอจะร้องไห้ไม่เป็น แต่เธอก็คงมีเวลาอ่อนแอเหมือนกัน
“คุณเมาแล้ว ตื่นแล้วค่อยมาคุยกัน”
ชายคนนั้นผละมือออก เวินหนิงที่จะตามไปแต่สะดุดขาตัวเองจนล้มทับร่างของลู่จิ้นยวน
การกระตุ้นแบบนั้นทำให้ลู่จิ้นยวนแทบหยุดหายใจและที่แย่ไปกว่านั้นคือเวินหนิงไม่รู้ว่าตัวเองกำลังทำอะไร
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บ่วงแค้นแสนรัก