โม่โยวครุ่นคิด เขาไม่ได้ไม่ชอบเธอ แต่ดูเสียใจอยู่เล็กน้อย จะค่อนไปทางละอายสำนึกผิดเสียมากกว่า
ลู่อันหรานเหลือบตามองดูเธอเป็นพักๆ ราวกับเป็นการพบหน้ากันครั้งแรกของทั้งสองคน การที่เธอมาหานั้น ในใจของเด็กน้อยนั้นดีใจลิงโลดเป็นอย่างมาก แต่ก็พยายามไม่แสดงมันออกมา
ก็เป็นหนึ่งร่างใหญ่และหนึ่งร่างเล็กของคู่แม่ลูกที่ถูกลู่จิ้นยวนควบคุมบงการ จนกลายมาเป็นการพบหน้ากันครั้งแรกในสถานะตัวตนใหม่
“เธอ ทำไมถึงมาหากันล่ะ”
นำ้เสียงของโม่โยวนุ่มนวลอ่อนโยนเป็นอย่างมาก “ฉันได้ยินพ่อของหนูบอกมาว่า หนูไม่ยอมกินข้าวเย็น ฉันเป็นห่วง ก็เลย......”
เธอเม้มริมฝีปากเล็กน้อย “อันหราน หนู ไม่ชอบที่ฉันมาอย่างนั้นเหรอ”
“ไม่ใช่แบบนั้นสะหน่อย” เด็กน้อยรีบเอ่ยปากพูดเสียงดังขึ้นมาในทันที แต่ยังไม่ทันได้พูดให้จบก็รู้สึกอาย กระอักกระอ่วนจนทนไม่ไหว ใบหน้ากลมราวกับซาลาเปาเกร็งขึ้นมา
โม่โยวดีใจเป็นอย่างมาก มุมปากก็ยกยิ้มขึ้นมาอย่างอดไม่ไหววาดรอยยิ้มอันอบอุ่นขึ้นมา ถือถาดอาหารแล้วเดินเข้าไปหา “อันหราน ตอนเย็นไม่กินข้าวเดี๋ยวจะปวดท้องเอานะ ปวดท้องก็จะรู้สึกไม่สบายตัว พวกเรามากินข้าวกันดีไหม”
นำ้เสียงที่ใช้ปลอบประโลมเด็กน้อยทำให้ใบหน้าของลู่อันหรานแดงขึ้นมา เขาไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา
โม่โยวหยิบช้อนขึ้นมา ตักน้ำซุปไข่ขึ้นมาเล็กน้อย เป่าให้หายร้อน แล้วป้อนไปที่ปากของเขา “อันหราน เด็กน้อยไม่ดื้อเลย พวกเรากินข้าวกันเยอะๆ จะได้ตัวสูงสูง หล่อหล่อไง”
เด็กน้งเด็กน้อยอะไรกันล่ะ........เจ้าตัวน้อยหน้าขึ้นสีแดงก่ำยิ่งขึ้นไปอีก รู้สึกอายเป็นอย่างมาก แต่ก็อดที่แอบเหลือบดูโม่โยวไม่ได้ ดวงตาทั้งสองข้างส่องประกายระยิบระยับ
ตั้งแต่ตอนที่เขายังเล็กก็คิดว่า แม่ของเด็กคนอื่นๆ จะคอยปลอบให้พวกเขายอมกินข้าว ยอมอาบน้ำกันไหมนะ แล้วจะยอมอ่านหนังสือเล่านิทานให้ฟังก่อนนอนด้วยไหม
เสียงของแม่จะต้องอบอุ่นมากแน่ๆ จ้องมองตาของพวกเขาด้วยดวงตาอันอ่อนโยน เขาเคยเห็นที่โรงเรียนอนุบาล จึงทำให้รู้สึกอิจฉาเป็นอย่างมาก
แต่ว่าตอนนี้........สิ่งที่เขาได้เคยอิจฉาริษยานั้น กำลังเป็นจริง ณ ตอนนี้แล้ว เจ้าตัวน้อยทั้งดีใจและตื่นเต้นเป็นอย่างมาก หลังจากนั้น ก็อ้าปากกินเข้าไปเต็มปากเต็มคำ ชั่วขณะนั้นก็รู้สึกทันทีว่า นี่เป็นซุปไข่ที่อร่อยที่สุดเท่าที่เขาเคยได้กินมาเลย
สองแม่ลูกก็ป้อนข้าวกันอย่างมีความสุขแบบนี้ คนหนึ่งก็กินอย่างอารมณ์ดี เป็นภาพที่อบอวลเต็มไปด้วยความรัก
สุดท้ายสองแม่ลูกก็มีความผูกพันธ์เชื่อมโยงหากัน การที่ได้ใช้เวลาร่วมกันเมื่อสักครู่ทำให้โม่โยวเข้าใจได้ว่า อันหรานไม่ได้รู้สึกไม่ชอบตัวเธอ เธอจึงวางใจลง แล้วเช็ดปากให้เขาจนสะอาด
โม่โยวป้อนข้าวเสร็จ ซ้ำก็ยังอาบน้ำให้เจ้าตัวน้อย อุ้มเขาขึ้นไปบนเตียง ห่มผ้าห่มให้ อันหรานรีบหยิบหนังสือในชั้นแล้วยื่นให้เธอในทันที
แม้ว่าทั้งสองคนจะไม่ได้ใช้เวลาร่วมกันมากนัก แต่เมื่ออยู่ด้วยกันแล้วกลับดูเป็นธรรมชาติมาก
ถูกลูกชายขอร้องให้เล่านิทานก่อนนอนให้ฟัง โม่โยวก็ปฏิเสธไม่ลงเป็นธรรมดา เอนกายนอนอยู่ที่ด้านหนึ่งของเตียง กดเสียงลงต่ำ แล้วเริ่มเล่านิทานให้ฟัง
เวลาผ่านไปจากวินาทีเป็นนาที รอจนกระทั่งลู่อันหรานหลับสนิท โม่โยวก็ปิดหนังสือลง มองดูใบหน้าอันน่ารักน่าเอ็นดูขณะหลับของเจ้าตัวน้อย ในดวงตาล้วนแต่เต็มไปด้วยความอ่อนโยน โน้มตัวลงไป แล้วประทับรอยจูบลงบนใบหน้าเล็กๆ นั้น
เป็นการกระทำง่ายๆ เพียงอย่างเดียว แต่กลับทำให้หัวใจของเธอพองฟูเต็มไปด้วยความสุขพึงพอใจ
ขณะนั้นเองที่ลู่จิ้นยวนเดินเข้ามา
“เขาหลับแล้วเหรอ”
โม่โยวกระซิบตอบกลับ พลางพยักหน้ารับ “หลับสนิทไปแล้ว”
เขาเห็นสีหน้าบนใบหน้าของเธอก็รู้ได้ว่าทั้งสองคนนั้นเข้ากันได้เป็นอย่างดี “ตอนนี้ดึกมากแล้ว เธออย่ากลับไปเลย คืนนี้ก็นอนที่นี่แหละ”
โม่โยวลังเลเกี่ยวกับเรื่องนี้
เธอไม่ค่อยที่จะได้ทำความรู้จักกับลูกชาย จึงอยากที่จะอยู่กับเขาให้นานขึ้นเป็นธรรมดา แต่ว่า......
“เด็กๆ แบบเขาอ่อนไหวมาก วันนี้เขามีความสุข พรุ่งนี้พอตื่นขึ้นมาแล้วไม่เจอหน้าเธอ เดี๋ยวก็จะต้องงอแงอีกแน่ คืนนี้เธอก็นอนกับอันหรานไปนั่นแหละ” ลู่จิ้นยวนพูดออกมาเรียบๆ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บ่วงแค้นแสนรัก