ตระกูลลู่นั้นสำหรับตระกูลเล็ก ๆ อย่างตระกูลหลิน ภายนอกดูยิ่งใหญ่แท้จริงไม่ได้มีดีอย่างที่เห็น คู่สามีภรรยาตระกูลหลินได้ยินคำพูดของเขา พวกเขาอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ
ตามคำพูดของประธานลู่ คุณนายหญิงน้อยตระกูลลู่ผู้นี้ที่ไม่มีใครเคยได้ยินชื่อเสียงมาก่อน ในตอนนี้ท่าทางที่ไม่รับรู้อะไร ราวกับมีความสัมพันธ์กับลูกสาวของตัวเอง?
ความคิดนี้ ทำให้พวกเขาตกใจเป็นอย่างมาก
เขารู้แล้ว ทำไมพวกเขาจึงจะต้องรู้?
หลินเป้ยถูกลูกน้องของลู่จิ้นยวนทำให้ตกใจอยู่ไม่น้อย เมื่อได้ยินประโยคนี้ก็ยิ่งตื่นกลัว การตอบสนองแรกก็คือไม่ยอมรับ เธอส่ายหน้าอย่างแรง
“ไม่รู้ ฉันไม่รู้ว่านายพูดเรื่องอะไร ฉันไม่ได้ทำอะไรทั้งนั้น”
เธอมองไปทางพ่อแม่ของตัวเอง “คุณพ่อ คุณแม่ ช่วยหนูด้วย ไม่เกี่ยวข้องกับหนู” ขณะที่เธอพูดเธอก็จะวิ่งเข้าไป
แต่วินาทีต่อมา เสียงโอดครวญดังขึ้น เธอเพิ่งจะก้าวเท้าออกไป ก็ถูกลูกน้องที่อยู่ข้างหลังเธอเตะกลับไป
คุณหนูใหญ่ที่ถูกเลี้ยงดูแบบตามใจ จะทนกับความบาดเจ็บแบบนี้ได้ที่ไหน เธอร้องอย่างจะเป็นจะตาย แขกในงานตกใจมาก ๆ พวกเขาคิดไม่ถึงว่าลู่จิ้นยวนจะลงมือร้ายแรงขนาดนี้ต่อหน้าคนเยอะแยะแบบนี้
พวกเขาถูกทำให้ตกใจ
“ลูกสาว…”
คุณแม่หลินส่งเสียงร้องอย่างรุนแรง แล้วพุ่งเข้าไปอย่างบ้าคลั่ง แต่ก็มีเสียงโอดครวญดังขึ้นมาอีก ลูกน้องที่อยู่รอบนอก ก็เตะคุณแม่หลินเข้าอย่างแรงอย่างไร้ปราณี
ภาพต่อเนื่องทั้งสองนี้ ทำให้เจ้าของธุรกิจขนาดเล็กใหญ่เหล่านี้ในเมืองเจียงเฉิงได้รับผลกระทบอย่างมาก ถึงแม้จะไม่ได้เกี่ยวกับตนเองก็ตาม แต่ก็ยังรู้สึกกลัว
จากเมื่อสักครู่ที่มีการพูดคุยกัน ตอนนี้กลับเงียบสงบเป็นอย่างมาก ไม่มีใครกล้าเอ่ยปากพูด แม้กระทั่งจะกลับออกไปก็ไม่มีใครกล้าพูดขึ้น
พ่อหลินมองสภาพลูกสาวกับภรรยาของตนเอง เขาโมโหสุดขีด ถลึงตามองไปที่ลู่จิ้นยวนที่ใบหน้าเฉยชา เขาโกรธจนกัดฟันตัวสั่น
“ประธานลู่ คุณทำเกินไปหน่อยไหม?” คำพูดแต่ละคำเล็ดลอดออกมาตามไรฟัน
อันเฉินมองเขาอย่างเฉยชา “คุณหลินครับ ทางที่ดีคุณบอกให้ภรรยาของคุณอยู่นิ่ง ๆ ดีกว่านะครับ ส่วนลูกสาวของคุณ กล้าทำร้ายนายหญิงน้อยของตระกูลลู่ เธอก็ต้องเตรียมตัวรับผลที่ตามมาทั้งหมด”
คุณพ่อหลินหน้าหงาย หน้าแดงขึ้น ถึงกับพูดอะไรไม่ออก
เห่าหวาจังที่อยู่ด้านข้างรู้ว่า เกรงว่าเรื่องวันนี้ไม่ได้ง่ายขนาดนั้น เขาไม่มีกำลังจะหยุดยั้งการกระทำของลู่จิ้นยวนได้ จึงทำได้เพียงร้อนใจอยู่เช่นนั้น
หลินเป้ยถลึงตาโต จ้องมองไปที่แม่ของตัวเองที่ล้มลงกับพื้นอย่างตะลึง เธอสมองอื้อ ไม่เคยคิดมาก่อนว่าเรื่องจะเลยเถิดมาถึงขั้นนี้
ถึงแม้คุณแม่จะเคยพูดไว้ว่า งานเลี้ยงในวันนี้ แขกเหล่านี้คนที่ไม่สามารถมีเรื่องได้ก็คือประธานของบริษัทตระกูลลู่
และเธอก็รู้ว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นคนที่ประธานบริษัทตระกูลลู่พามา แต่เธอไม่ได้ใส่ใจอะไรมากนัก
ตั้งแต่เล็กจนโตหลินเป้ยเคยร่วมงานเลี้ยงมาแล้วนับไม่ถ้วน แต่งานเลี้ยงในวันนี้ ลู่จิ้นยวนพาคนจำนวนมากบุกเข้ามา โดยไม่รักษาหน้าตาของคุณอาของเธอและแขกมากมายในงาน ทำการเอิกเกริก ไม่คำนึงต่อสิ่งใด ๆ
ที่สำคัญไปกว่านั้นคือ ท่าทีของคุณอาคุณพ่อคุณแม่แม้กระทั่งคนรอบตัว ทำให้เธอรู้ตัวแล้วว่า ตนเองก่อเรื่องร้ายแรงมาก
โดยเฉพาะตอนที่คุณแม่โดนเตะ คุณพ่อก็ยังไม่กล้าทำอะไร เธอรู้สึกแม้กระทั่งความรู้ของเธอหลายปีมานี้พังทลายลงหมดแล้ว เธอหน้าซีดขาว
ลู่จิ้นยวนไม่มีทางเสียเวลากับคนพวกนี้มากนัก เขามองไปที่อันเฉิน อันเฉินเข้าใจทันที
อันเฉินมองข้ามหลินเป้ย แล้วเดินเข้าไปหาพนักงานสองคน เขามองหนึ่งในนั้น ใบหน้าเย็นชาหรี่ตาแล้วพูดขึ้น “นายใช้มือไหนล็อกประตู?”
พนักงานเคยเจอสถานการณ์แบบบนี้ซะที่ไหน เขาตกใจจนพูดไม่ออก อันเฉินเห็นเขาไม่ตอบ จึงเลิกคิ้ว “ในเมื่อไม่อยากพูด งั้นก็ช่างเหอะ”
เมื่อพูดจบ แกร๊ก!! ลูกน้องที่อยู่ข้างหลังเขาหักมือสองข้างของเขาด้วยท่วงท่าคล่องแคล่ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บ่วงแค้นแสนรัก