โม่โยวเอานิ้วแกะมือใหญ่ที่คว้าคอเธออยู่อย่างโรยแรง อากาศที่ลอดผ่านหลอดลมนั้นค่อยๆ ไหลผ่านช้าลงเรื่อยๆ ใบหน้าของเธอขึ้นสีแดงทีละนิดๆ ทรมานอย่างที่สุด
“แค่ก แค่กแค่ก ปล่อยนะ......”
ในตอนนั้นเอง ก็มีเสียงดังขึ้น รถยนต์สีดำคันหนึ่งก็พุ่งชนทะลุผ่านประตูเหล็กของคฤหาสน์ตระกูลโม่เข้ามา
เสียงชมโครมที่ดังกึกก้องตามขึ้นมา ประตูเหล็กถูกชนจนเปิดออก การมาอย่างไม่ทันได้ตั้งตัวนี้ทำให้บรรดาคนใช้ที่กำลังทำงานอยู่บริเวณด้านนอกตกใจจนส่งเสียงแหลมกรีดร้องไม่หยุด
โม่เทียนยวี๋ที่อยู่ชั้นสองเองก็ตกใจเช่นกัน เพียงเงยหน้าขึ้นมอง ก็เห็นเหตุการณ์นี้เข้าพอดี ตอนที่ร่างของลู่จิ้นยวนก้าวลงมาจากรถนั้น นัยน์ตาของโม่เทียนยวี๋สั่นคลอน ตัวเขาไม่รับรู้ถึงความหวาดผวาเลย แรงที่อยู่ในมือก็คลายออกลงในทันที
อากาศสดชื่นไหลลงสู่ปอดอีกครั้ง โม่โยวผลักตัวโม่เทียนยวี๋ออกไป เนื่องด้วยแรงฝืนของตนเองทำให้ร่างทั้งร่างร่วงลงไปจากหน้าต่าง
“อ๊าา........”
ลู่จิ้นยวนลงมาจากรถก็เห็นฉากที่อยู่ตรงหน้าพอดี นัยน์ตาของเขาหดเล็กลง หัวใจกระตุกวูบราวกับหยุดทำงาน สมองยังคงไม่กลับมาตอบสนอง แต่ร่างกายเริ่มเคลื่อนไหวในทันที รีบพุ่งเข้าไปหาโดยพลัน
เคราะห์ดีที่หน้าต่างจากชั้นสองนั้นอยู่ไม่ห่างจากสวนที่อยู่ด้านล่าง ลู่จิ้นยวนพุ่งเข้าไปช้อนตัวของโม่โยวได้อย่างทันท่วงที อาศัยแรงช่วยแล้วกลิ้งลงไปบนสนามหญ้า
โม่โยวได้หมดสติลงไปแล้ว ลู่จิ้นยวนมองดูใบหน้าที่ซีดเผือดของเธอ เนื้อตัวเต็มไปด้วยรอยเปื้อนของเลือด จึงรีบถอดเสื้อนอกของตัวเองคลุมร่างของเธอเอาไว้ ในดวงตาปรากฏแววแห่งความเจ็บปวดออกมา
เขาเงยหน้าขึ้นมา ประจวบเหมาะพอดีกับโม่เทียนยวี๋ที่อยู่ชั้นและกำลังสองมองลงมาที่ข้างล่างนี้ โดยเขาพลันก้าวถอยหลังไปอย่างลุกลี้ลุกลน รีบเปิดประตูออกไปในทันที
ลู่จิ้นยวนตอนนี้มีแต่ความคิดที่อยากจะฆ่าโม่เทียนยวี๋ให้ตายเพื่อระบายความโกรธ แต่นั่นมันจะถือว่าเมตตาเขาจนเกินไป อีกทั้งตอนนี้เขาเป็นกังวลกับสถานการณ์ของโม่โยวเสียมากกว่า หันไปมองอันเฉินหนึ่งที แล้วก็อุ้มโม่โยวขึ้นรถแล้วจากไป
อันเฉินออกคำสั่งกับบรรดาลูกน้อง ให้ทำให้โม่เทียนยวี๋สลบแล้วพากลับไปด้วย แล้วจึงออกไปจากที่นั่นตาม
คฤหาสน์ตระกูลลู่
โม่โยวนอนไม่ได้สติยู่บนเตียง
“คุณลู่ ผู้ป่วยมีบาดแผลภายนอกเพียงหนึ่งแห่ง ทำการรักษาเรียบร้อยแล้วครับ บนร่างกายไม่มีบาดแผลอื่นๆ ที่ร้ายแรง ที่สลบไปในตอนนี้อาจเนื่องด้วยอาการตกใจขีดสุด รอให้เธอฟื้นขึ้นแล้วทำการดูแลไม่กี่วันก็ไม่มีปัญหาแล้วครับ”
หลังจากที่อันเฉินส่งคุณหมอกลับไป แล้วกลับมาที่ห้องอีกครั้งก็พูดด้วยเสียงที่แผ่วเบาว่า “บอสครับ มีเรื่องหนึ่งที่ผมต้องรายงานให้ท่านทราบครับ”
ลู่จิ้นยวนหันมามองเขาหนึ่งที รู้ว่าในช่วงเวลาแบบนี้ถ้าหากไม่ใช่เรื่องเร่งด่วน อันเฉินไม่มีทางมาคุยกับเขาเด็ดขาด พลันมองไปที่โม่โยว ห่มผ้าห่มให้เธอดีๆ แล้วจึงเดินออกไป
“เรื่องอะไร”
อันเฉินเม้มริมฝีปากเล็กน้อย “รถคันนั้นที่เราไล่ตาม ผู้ชายสองรายได้เสียชีวิตลงแล้วครับ ส่วนโม่เทียนยวี๋ก็เสียสติไปแล้ว”
สีหน้าของเขาขรึมลงมาในทันที คิ้วขมวดยุ่งแล้วมองไปที่อันเฉินอ“เกิดอะไรขึ้น”
“ผมให้คนไปดูแล้ว ผู้ชายสองรายนั้นใช้สารพิษชนิดหนึ่ง จากการวิเคราะห์ สารพิษจะออกฤทธิ์หลังจากผ่านไปสิบสองชั่วโมง หรือพูดได้ว่า ในช่วงเวลาสิบสองช่วงโมงก่อนหน้า ทั้งสองคนก็ได้มีการใช้สารพิษไปแล้วครับ”
“สองคนนั้นน่าจะไม่ทราบว่าในร่างกายของตนเองมีสารพิษชนิดนี้อยู่”
“สถานการณ์ทางด้านของโม่เทียนยวี๋เองก็เหมือนกันครับ สิ่งที่เป็นสาเหตุการเสียสติของเขา ก็เป็นสารพิษชนิดหนึ่งที่จะทำลายระบบประสาทซึ่งเราได้พบในร่างกายของเขาครับ โดยออกฤทธิ์หลังจากผ่านมาแล้วสิบสองชั่วโมง”
สีหน้าของลู่จิ้นยวนไม่สู้ดีเลย ไม่ว่าจะเป็นที่โม่เทียนยวี๋เสียสติแล้ว หรือว่าที่ทั้งสองคนนั้นเสียชีวิตไป ล้วนต่างก็เป็นปัญหาเดียวกันอย่างเห็นได้ชัด แล้วยังมีเรื่องมืออันดำมืดที่อยู่เบื้องหลังทั้งหมดนี้อีก
แน่นอนว่า เรื่องนี้เขาได้ทำการตรวจสอบไปก่อนหน้านี้แล้ว แต่ทว่า ไม่เคยตรวจพบอะไรเลย
เมื่อดูตอนนี้แล้ว เรื่องที่เกิดขึ้นกับโม่โยว คงจะไม่ได้ง่ายดายอย่างที่เขาคาดเอาไว้ ความรู้สึกแย่ที่ทุกอย่างอยู่นอกเหนือการควบคุมนั้น ลู่จิ้นยวนไม่ได้สัมผัสมันมานานมากแล้ว
………
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บ่วงแค้นแสนรัก