“แม่ฮะ แม่หลับไปตั้งนาน อันหรานตกใจกลัวหมดแล้ว”
“ขอโทษนะลูกรัก ครั้งหน้าจะไม่มีอีกแล้ว แม่ขอสัญญาเลย” แรงกอดของโม่โยวที่ใช้กอดเขาแน่นมากยิ่งขึ้น
แม้ว่าก่อนหน้านี้จะรู้ว่าอันหรานเป็นลูกชายตนเอง แต่สุดท้ายแล้วอย่างไรก็ตามตอนนั้นก็ยังไม่ได้ฟื้นคืนความทรงจำ แต่ตอนนี้ไม่เหมือนเดิมแล้ว เธอรับรู้ได้อย่างชัดเจน ว่าเจ้าเด็กน้อยในอ้อมกอดเธอนั้น การที่ได้กลับมาเจอกันอีกไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลย
ไม่ว่าระหว่างเธอกับลู่จิ้นยวนจะเป็นเช่นไร อันหรานก็มักจะเป็นคนที่เธอเฝ้าคอยคิดคำนึงอยู่เสมอ เป็นความอบอุ่นที่ปกคลุมไปทั่วส่วนลึกภายในจิตใจเธอ
ถ้าหากว่าเป็นไปได้ เธอไม่คิดอยากที่ห่างข้างกายของอันหรานไปเลย แต่ว่า......
ขณะนั้นนั่นเอง ลู่จิ้นยวนเดินเข้ามาหา “ฉันได้ยินผู้ดูแลบ้านบอกว่าเธอลงมาข้างล่างแล้ว ร่างกายพอจะทานอะไรได้บ้างหรือยัง ถ้ามีตรงไหนที่รู้สึกไม่สบายให้รีบบอกฉันทันที”
เขาพูดไปพลางและนั่งลงข้างๆ เธอด้วยท่วงท่าที่ธรรมชาติมากๆ เตรียมที่จะเอามือโอบเธอ โม่โยวกลับหลบออกอย่างทันท่วงที รอยยิ้มที่ปรากฏอยู่บนใบหน้าของลู่จิ้นยวนนิ่งค้างไปในทันใด
บรรยากาศที่ปกคลุมรอบตัวของทั้งสองคนกลับมีความกดดันที่อธิบายไม่ถูกแผ่ออกมา
ผู้ดูแลที่อยู่อีกด้านเห็นสถานการณ์ดังว่า ก็รีบอุ้มเจ้าตัวเล็กขึ้นแล้วหนีไปในทันที ลู่อันหรานแม้จะไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ก็สัมผัสได้ว่ามีอะไรบางอย่างไม่ถูกต้องระหว่างทั้งสองคน จึงไม่ได้โวยวายอะไร แล้วจากออกมาอย่างว่าง่าย
“โม่โยว เธอเป็นอะไรไป หรือว่าเรื่องก่อนหน้านี้จะยังทำให้เธอตกใจอยู่ ทั้งหมดเป็นความผิดของฉันเอง ฉันไปหาเธอช้าไป แต่เธอสบายใจได้ ต่อไปนี้จะไม่เกิดเรื่องแบบนั้นอีกแน่นอน” ลู่จิ้นยวนมองเธอแล้วกล่าวขึ้นมา
โม่โยวฟังคำของเขาที่พูดออกมาอย่างนุ่มนวลอบอุ่น แววตามีความขมขื่น ในใจก็พลันมีความเศร้าโศกที่สะกดกลั้นเอาไว้ไม่อยู่ขึ้นมา เธอสูดหายใจเข้าลึกๆ มองเขาด้วยใบหน้าที่ไร้อารมณ์
“ลู่จิ้นยวน ฉันไม่ได้ชื่อโม่โยว คุณเรียกฉันว่าเวินหนิงจะดีกว่า”
คำพูดที่พูดออกมาอย่างเรียบง่าย ส่งผลให้ลู่จิ้นยวนตระหนกจนตัวค้างแข็งอยู่กับที่
เขาไม่คาดคิดเลยว่า ความทรงจำของเธอจะฟื้นคืนมากแล้ว ถ้าเป็นเมื่อก่อน เขาคาดหวังว่าเวินหนิงจะจำเรื่องราวในอดีตทั้งหมดได้ จะจำความรู้สึกของเขาได้
แต่ว่าตอนนี้........
เขานึกขึ้นว่าตั้งแต่ที่เวินหนิงฟื้นคืนสติขึ้นมา ท่าทีที่ปฏิบัติต่อเขาช่างดูห่างเหิน แล้วยังมีน้ำเสียงที่เย็นชาแบบนั้นอีก ภายในใจของลู่จิ้นยวนก็พลันเกิดความรู้สึกสับสนวุ่นวาย
“โม่ ไม่ใช่สิ เวินหนิง เธอ เธอจำได้แล้วอย่างนั้นเหรอ เธอจำเรื่องทั้งหมดได้แล้ว ฉัน.......”
ลู่จิ้นยวนเผยอปากขึ้นมาอย่างยากลำบาก ท่านประธานลู่ผู้ยิ่งใหญ่น่าเกรงขาม กลับมีท่าทีที่เคว้งคว้างสับสนจนทำอะไรไม่ถูก ขณะที่กำลังอ้ำๆ อึ้งๆ อยู่นั้น
“อะไรกัน นี่มันท่าทีอะไรของคุณกัน คาดหวังให้ฉันฟื้นคืนความทรงจำได้ หรือว่าไม่คาดหวังกันล่ะ? ทำไมฉันถึงรู้สึกได้ว่า ดูเหมือนคุณจะไม่ดีใจเอาสะเลยนะ” เวินหนิงพูดออกมาอย่างเรียบๆ
“จะเป็นแบบนั้นได้อย่างไรล่ะ เวินหนิง ได้ความทรงจำคืนมา ก็ถือได้ว่าจำความรู้สึกระหว่างเราสองคนขึ้นมาได้เช่นกัน ฉันก็ต้องดีใจอยู่แล้วล่ะสิ”
“ความรู้สึกระหว่างเราสองคน พวกเรามีความรู้สึกอะไรให้กันด้วยอย่างงั้นเหรอ ทำไมฉันไม่รู้อะไรเลยล่ะ.....” มุมปากของโม่โยวยกโค้งขึ้น เป็นการเสียดสีอย่างที่ไม่มีอะไรมาเทียบได้
ลู่จิ้นยวนผงะไป แล้วจึงร้อนใจขึ้นมาในทันที ดึงเธอให้หันหน้าเข้ามาหา จับไหล่ทั้งสองข้างของเธอเอาไว้ “เวินหนิง เธอพูดอย่างนี้หมายความว่าอะไร”
“ฉันหมายความว่าอะไร คุณยังไม่เข้าใจอีกอย่างนั้นเหรอ”
“เดิมที พวกคุณตระกูลลู่ทำอะไรไว้กับฉันบ้าง แม่ของคุณทำอะไรฉันไว้บ้าง แล้วคุณยังได้ทำอะไรกับฉันไว้บ้างล่ะ เรื่องพวกนี้คุณลืมมันไปหมดแล้วอย่างงั้นเหรอ หึ หรือว่า ฉันได้ความทรงจำคืนมา แต่คุณกลับสูญเสียความทรงจำไปล่ะ”
โม่โยวมองเขาอย่างเย็นชา อารมณ์ความรู้สึกที่ซ่อนอยู่ในแววตาของเธอเมื่อก่อนหน้านี้ ณ ตอนนี้ได้สลายหายไปอย่างไร้ร่องรอย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บ่วงแค้นแสนรัก