ลู่จิ้นยวนกลับไม่รู้ว่าจะเอ่ยออกไปว่าอย่างไรดี
ถ้าจำไม่ผิดล่ะก็ หยงเหม่ยซินคุณหนูใหญ่แห่งตระกูลหยงนั้น ได้เสียชีวิตไปเมื่อหลายสิบปีก่อนหน้านี้แล้ว
และเธอก็ไม่เคยแต่งงานมาก่อนเลยด้วย เด็กที่คลอดออกมา หรือแม้แต่คนเป็นพ่อก็ไม่มีการลงรายละเอียดในส่วนนี้เลย แม้ว่าจะอยู่ภายใต้ความคุ้มครองของเถ้าแก่หยง ทำให้ไม่มีใครกล้าเอ่ยถามอะไรเธอ แต่ก็มีความลับที่คนจำนวนไม่น้อยพากันลือว่าเธอเป็นลูกที่หยงเหม่ยซินกับชายนอกสมรสที่ไม่ทราบที่มาที่ไปคลอดออกมา
ทั้งหมดนี้ จะให้พูดออกไปก็คงไม่ดีนัก
“นี่คุณเป็นอะไรไป
มันเป็นยังไงกันแน่
ตระกูลหยง หรือว่าจะไม่มีตระกูลนั้นแล้ว”
“ไม่ใช่ ตระกูลหยงนี้ ก็คือตระกูลที่ฉันเคยบอกว่าเป็นตระกูลอันมีชื่อเสียงของเมืองจิงเฉิง และมีผู้หญิงคนหนึ่งชื่อว่าหยงเหม่ยซินอย่างแน่นอน........”
“งั้นเธอคนนี้ ตอนนี้อยู่ที่ไหนเหรอ”
เวินหนิงอดที่จะกลั้นหายใจเอาไว้ไม่ได้ เมื่อคิดถึงสิ่งที่เธอจะได้ยินต่อมาในทันทีว่าเป็นข้อมูลของแม่แท้ๆ ที่ให้กำเนิดเธอ เธอก็อดที่จะตื่นเต้นขึ้นมาไม่ได้
“เธอ........ไม่อยู่ในโลกนี้แล้ว”
ลู่จิ้นยวนไม่ใช่ไม่อยากรักษาการเฝ้ารอคอยนี้ของเวินหนิง แต่ท้ายที่สุดแล้ว คนตายไม่อาจฟื้นคืนกลับมาได้ หยงเหม่ยซินได้เสียชีวิตไปนานมากแล้ว ต่อให้เขาคิดที่จะปิดบัง ก็คงปิดบังเอาไว้ไม่ได้หรอก
สีหน้าที่ปรากฏอยู่บนใบหน้าของเวินหนิงนั้นนิ่งค้างแข็งไปในทันที แววตาของเธอเองก็ค่อยๆ หม่นลงมา
เดิมที เพราะว่าไม่เคยทราบว่าพ่อแม่แท้ๆ ของตนคือใครมาโดยตลอด จนถึงขนาดที่ทำให้เธอไม่รู้ว่าจะรับมือกับมันอย่างไร
แต่ว่าตอนนี้ ได้ทราบข่าวว่าแม่แท้ๆของตนได้ตายไปแล้ว ในใจของเธอนอกจากความรู้สึกอันหนักอึ้งแล้ว ก็ไม่มีสิ่งใดอื่นอีก
ถ้าหากว่าคนนั้นยังมีชีวิตอยู่ ก็จะมีความเป็นไปได้มากมายนับอนันต์ แต่ว่าตอนนี้เธอคนนั้นไม่อยู่บนโลกใบนี้แล้ว งั้นก็ไม่มีอะไรเหลืออีกแล้ว
“…………”
เวินหนิงนิ่งขรึมไปสักครู่ ลู่จิ้นยวนเห็นดังว่า ก็บีบไปที่ไหล่ทั้งสองข้างของเธอ คิดอยากจะให้การมีอยู่ของเขานั้นมอบพลังให้แก่เธอแม้เล็กน้อยก็ยังดี
เวินหนิงที่นิ่งไปสักพักก็เอ่ยขึ้น “งั้น แล้วลูกสาวของเธอล่ะ”
“ลูกสาวของเธอหยงซือเหม่ยตอนนี้เป็นคุณหนูใหญ่ของตระกูลหยง”
เวินหนิงได้ฟังว่าลูกสาวคนนี้ไม่เป็นอะไร ความรู้สึกอึดอัดที่อยู่ในใจก็ผ่อนคลายลงเล็กน้อย
“เธอ เป็นคนยังไงเหรอ”
เวินหนิงอดใจไม่ไหวถามออกไป
เด็กผู้หญิงที่สลับชีวิตกับเธอไปคนนี้ ตอนนี้ใช้ชีวิตเป็นอย่างไรบ้าง และเป็นคนนิสัยอย่างไรกันนะ
ลู่จิ้นยวนลังเลไปชั่วขณะ สำหรับหยงซือเหม่ยแล้ว เขาไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับเธอมากนัก
จำได้เพียงแต่ว่าตอนแรกที่เถ้าแก่หยงเป็นพ่อสื่อให้ทั้งสองคน นิสัยของผู้หญิงคนนั้นอวดดีเป็นอย่างมาก เพียงแรกเห็นก็รู้สึกได้ว่าเป็นคุณหนูใหญ่ของตระกูลใหญ่โตที่ถูกตามใจจนเสียคน ดังนั้น ความประทับเกี่ยวกับเธอจึงไม่ค่อยดีนัก
“ฉันเคยพบกับเธอ แต่ว่าเป็นเรื่องเมื่อนานมากแล้ว เอาอย่างนี้ดีกว่า ฉันจะให้คนตามสืบข้อมูลเธอเลยทันที แล้วเอามาให้เธอดูเป็นไง”
เวินหนิงได้ยินดังว่าก็คิดว่าไม่มีปัญหาจึงพนักหน้าไป “งั้นก็รบกวนหน่อยนะ”
ลู่จิ้นยวนรีบเรียกคนไปสืบข้อมูลของหยงซือเหม่ยในทันที
ผ่านไปไม่นานนัก เอกสารชุดหนึ่งก็มาอยู่ตรงหน้าของทั้งคู่แล้ว
เวินหนิงรีบหยิบขึ้นมาดูโดยทันที ส่วนแรกเป็นรูปภาพไม่กี่ใบ เวินหนิงนึกดูว่ามีส่วนไหนบ้างที่ดูคล้ายกับไป๋หลินยวี่
แต่ดูไปดูมาแล้ว ก็ไม่ได้คล้ายคลึงกันขนาดนั้น
เธอครุ่นคิดอีกที อาจจะเป็นไปได้ที่ว่ารูปภาพพวกนี้ยังมีเรื่องของมุมองศาที่ทำให้ดูเปลี่ยนไปหรือแม้แต่การตกแต่งแก้ไขภาพ ไม่มีทางที่จะดูรูปลักษณ์ภายนอกอย่างสมบูรณ์ได้เลย จึงยังไม่ได้ปักใจเชื่อลงไป
แต่ว่า เมื่อดูต่อไปเรื่อยๆ และพอเห็นกรุ๊ปเลือดของเธอแล้ว เวินหนิงก็ตื่นตะลึงไปในทันที
“ไม่มีทางเป็นไปได้........”
เวินหนิงพูดพึมพำกับตนเอง
ลู่จิ้นยวนเห็นท่าทางของเธอ ก็เอ่ยถามทันที “มีอะไรเหรอ
อะไรเป็นไปไม่ได้”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บ่วงแค้นแสนรัก