บทที่ 507 จะถูกเห็นเอาได้ – ตอนที่ต้องอ่านของ บ่วงแค้นแสนรัก
ตอนนี้ของ บ่วงแค้นแสนรัก โดย ชิวเซิง ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายInternetทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่ 507 จะถูกเห็นเอาได้ จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที
ง้อลู่อันหรานเสร็จ เวินหนิงก็จูงมือเขาแล้วเดินไปที่บ้าน
และลู่จิ้นยวนเองก็สงบสติอารมณ์ลงแล้ว เดินมาหาจากอีกด้านหนึ่ง
เมื่อเห็นเขาเวินหนิงเองก็ไม่ได้พูดอะไร “อันหรานหิวข้าวแล้ว พวกเรากลับไปกินอะไรก่อนนะ”
ลู่จิ้นยวนพยักหน้า แล้วเดินตามเธอไป
เขาอยากที่จะเอ่ยปากถามเธออะไรบางอย่าง แต่ก็ไม่รู้ว่าจะพูดว่าอย่างไรดี
ตอนนี้ ในใจของเธอคิดอย่างไรกับเหอจื่ออันกันแน่
เขาอยากที่จะรู้เป็นอย่างมาก แต่กลับไม่รู้ว่าจะต้องถามออกไปอย่างไรดี และก็กลัว ที่จะได้รับคำตอบที่เลวร้ายกลับมา
ก็เป็นเช่นนี้ ทั้งสามคนขึ้นไปข้างบนอย่างเงียบเชียบ
เวินหนิงหยิบเกี๊ยวแช่แข็งที่อยู่ในตู้เย็นออกมาหนึ่งห่อ “ดูเหมือนว่าจะไม่มีกับข้าวอย่างอื่นแล้วนะ ไม่อย่างนั้น เอามาทานรวมกันเลยไหม”
ของที่เธอสั่งห่อกลับบ้านมานั้นไม่มีกับข้าวที่เป็นอาหารหลักได้เลย มีแต่พวกบรรดาของหวาน ไม่สามารถเอามากินเป็นข้าวได้
“อื้ม ผมได้หมดเลย! ”
ลู่อันหรานเอามือลูบท้องที่ว่างเปล่าของตนแล้วพยักหน้า
เวินหนิงเห็นท่าทางของเขาแล้ว ก็ยีหัวของลู่อันหราน หลังจากนั้นจึงเริ่มเอาของอย่างอื่นมาเข้าไมโครเวฟเพื่ออุ่นให้ลู่อันหราน หลังจากนั้นจึงเปิดแก๊สเพื่อเตรียมตัวอุ่นเกี๊ยว
ลู่อันหรานเพราะว่าหิวอยู่ตั้งแต่แรกแล้ว จึงนั่งอยู่ในห้องอาหารและทานอย่างเอร็ดอร่อยมีความสุข ไม่สนใจคนอื่น
ลู่จิ้นยวนจึงอาศัยโอกาสนี้เข้าไปในห้องครัว เห็นว่าเวินหนิงกำลังยุ่งอยู่ แต่ก็กลับอดใจไม่ไหวเอ่ยถามออกไป “เธอ......กับเขา มันเป็นยังไงกันแน่”
สุดท้ายแล้ว เขาก็ไม่อาจแสร้งทำท่าทีราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นได้ ถ้าหากไม่ถามออกไป วันนี้เขาคงนอนไม่หลับแน่
“………” เวินหนิงไม่ได้ตอบอะไรกลับไป และก็ไม่คิดที่จะตอบด้วย
การกลับมาของเหอจื่ออัน ได้ย้ำเตือนเธอถึงเรื่องราวที่เคยเกิดขึ้นมากมายในอดีต
ความรู้สึกด้านลบที่เดิมทีได้จางสลายหายไปมากแล้ว ก็กลับฟื้นคืนกลับมาอีกครั้ง
เวินหนิงถึงพึ่งรู้สึกตัว ความจริงแล้วสำหรับเรื่องในอดีตที่ผ่านมานั้นเธอไม่เคยที่จะปลดปล่อยมันออกไปเลย
โดยเฉพาะ ท่าทีที่ไม่ยอมอ่อนข้อหรือประนีประนอมให้เธอเลยแม้แต่น้อยของเย่หวานจิ้ง ถึงขนาดที่ว่าเธอไม่เคยแม้แต่จะได้รับคำขอโทษอย่างเป็นทางการเลย
แล้วเธอจะปล่อยมันไปได้อย่างไร
ให้ลืมเลือนเรื่องในอดีตไปเสียอย่างหมดจด ก็เปรียบเสมือนรอยแผลเป็นที่หายดีจนลืมความเจ็บปวด แต่นั่นก็จะถือว่าเป็นการทรยศ
ดังนั้น เวินหนิงจึงไม่เอ่ยอะไร
ความนิ่งขรึมของเวินหนิง ทำให้จิตใจของลู่จิ้นยวนจมดิ่งลึกลงไปอีก
เห็นใบหน้าที่นิ่งขรึมของเวินหนิง “ทำไมถึงไม่ตอบฉันล่ะ
หรือว่าคำถามนี้จะทำให้เธอรู้สึกตอบออกมาไม่ได้อย่างนั้นเหรอ”
น้ำเสียงของฝ่ายชายช่างร้อนรน ถึงขนาดไม่รู้ตัวเลยว่าได้เจือความรู้สึกกดดันบีบบังคับลงไปด้วย
ทันใดนั้นเวินหนิงก็รู้สึกว่าลู่จิ้นยวนที่เป็นเช่นนี้ ดูเหมือนกับตัวเขาเมื่อห้าปีก่อน ได้กลับมารวมตัวกันอีกครั้งหนึ่ง
ความรู้สึกของเธอก็แย่ขึ้นมาอย่างฉับพลัน ตอบกลับไปอย่าเหลืออด “ฉันจำเป็นที่จะต้องตอบคำถามอะไรคุณด้วยอย่างงั้นเหรอ”
ลู่จิ้นยวนเป็นใบ้พูดอะไรไม่ออกไปชั่วขณะ
จำเป็นไหมอย่างนั้นเหรอ?
ดูเหมือนว่าจะไม่จำเป็นจริงๆ เสียด้วย
ในเมื่อ ตอนนี้เวินหนิงไม่เคยที่จะผ่อนคลายความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาเลย ต่อให้พวกเขาสนิทสนมกัน แต่ก็เป็นตัวเขาเองที่เป็นฝ่ายคอยพยายามตามตื้ออยู่คนเดียว
แต่ว่า เขาก็ได้พยายามอย่างเต็มที่แล้ว ที่จะได้ชดใช้ให้กับผู้หญิงคนนี้
หรือว่าหัวใจของเธอไม่เคยสั่นไหวเลยแม้แต่น้อย
ทันใดนั้นลู่จิ้นยวนก็รู้สึกร้อนใจขึ้นมา ฉับพลันนั้นก็ยื่นมือออกมาไปคว้าแขนของเธอเอาไว้
เวินหนิงที่กำลังคนน้ำในหม้ออยู่เพราะไม่อยากให้เกี๊ยวติดก้นหม้อ ก็ถูกจับไว้อย่างไม่ทันตั้งตัว ขณะที่กำลังจะให้ลู่จิ้นยวนปล่อยมือ ก็กลับถูกดึงรั้งเข้าไปสู้อ้อมอกของฝ่ายชาย
“หรือว่านี่จะเป็นคำตอบของเธอ?
แต่ว่า ลู่จิ้นยวนไม่ยอมให้ทำเช่นนั้น มองไปที่เธอด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ ราวกับว่าเสียงของลู่อันหรานไม่ได้เป็นอุปสรรคขัดขวางอะไรเลยแม้แต่น้อย
“คุณ ปล่อยนะ เดี๋ยวเกี๊ยวของฉันก็เละหรอก”
เวินหนิงไม่กล้าที่จะทำอะไรให้เกิดเสียงดัง กลัวว่าลู่อันหรานจะได้ยินเข้าแล้วไม่สนใจอะไรวิ่งเข้ามาหาเห็นภาพที่หน้ากระอักกระอ่วนนี้เข้าได้
“ลู่จิ้นยวน เดี๋ยวลู่อันหรานจะเข้ามานะ”
ลู่จิ้นยวนยิ้ม เพียงแต่ว่ารอยยิ้มนั้นไม่ได้ปรากฏออกมาจากแววตาของเขาไปด้วย
“สำหรับลูกแล้ว ฉันเป็นพ่อของเขา เธอเองก็เป็นแม่ของเขา พวกเราใกล้ชิดกัน ก็ย่อมเป็นเรื่องที่น่ายินดี”
เวินหนิงได้ยินดังว่า ก็รู้สึกได้ว่าผู้ชายคนนี้......ช่างหน้าไม่อายเกินไปแล้ว
“งั้นเดี๋ยวฉันจะรีบไปบอกเขาเองว่า บางทีพ่อกับแม่ อาจจะไม่ได้อยู่ด้วยกันแล้ว”
เวินหนิงราวกับกระต่ายที่ถูกกดดันอย่างรุนแรง ตอบกลับไปอย่างทื่อๆ หนึ่งประโยค
ลู่จิ้นยวนก็เหมือนมีฟืนโยนเข้าไปกองไฟที่สุมอยู่ในอก
ก้มหน้าลงมา ใช้แรงบีบบังคับริมฝีปากคู่สวยที่เอาแต่ดื้อด้านนั้น แล้วฉกชิงทุกอย่างไปจากเธออย่างโหดร้าย
เวินหนิงผงะด้วยความตกใจ สุดท้ายแล้วเขาคิดที่จะทำอะไรกันแน่
ไม่กลัวว่าอันหรานจะเข้ามาเห็นจริงๆ เหรอ
แต่ริมฝีปากที่บดกันก็กลับยิ่งเร่าร้อนมากยิ่งขึ้น อากาศที่อยู่ในอกก็เบาบางลงเรื่อยๆ ทำให้สมองของเธอค่อยๆ ที่จะไร้ซึ่งการโต้กลับว่าเรื่องราวได้ดำเนินเปลี่ยนแปลงมาเป็นเช่นนี้ได้อย่างไรกัน
“แม่ครับ”
เมื่อสักครู่ลู่อันหรานเพียงแค่เอ่ยถามขึ้นมาหนึ่งคำเท่านั้น เพราะเห็นว่าเวินหนิงไม่ตอบเขาเป็นเวลานานแล้ว จึงทำปากยื่นแล้วกระโดดลงมาจากเก้าอี้ที่โต๊ะทานอาหาร เดินไปที่ห้องครัวทีละก้าวๆ
“ทำไมแม่ไม่สนใจผมเลย.......”
น้ำเสียงงอแงของลู่อันหรานยิ่งดังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ เวินหนิงได้สติมากขึ้นจึงยื่นมือออกหวังจะผลักลู่จิ้นยวนออกไป
“คุณ..........ปล่อยนะ เดี๋ยวจะถูกลู่อันหรานเห็นเข้า! ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บ่วงแค้นแสนรัก