"พี่ใหญ่ พี่กลับมาแล้วเหรอคะ?"
ผู้ชายที่ถูกเรียกว่าพี่ใหญ่ ลูบผมเธออย่างอ่อนโยน: "อืม เพิ่งไปดูงานกลับมา ทำไมคิดถึงพี่แล้วเหรอ?"
"คิดถึงค่ะ ซือซือก็คิดถึงพี่มากค่ะ เอาแต่ถามว่าเมื่อไหร่พี่จะกลับมา....."
สองพี่น้องพูดคุยกันอย่างกลมเกลียว ซ่งรั่วอวิ้นเห็นพวกเขาคุยกันแล้วแววตาดูเศร้าหมองลงเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้เข้าไปพูดคุยอะไร
ต่อให้เธอจะพูดดีแค่ไหน ก็ไม่ใช่คนบ้านตระกูลหยงอยู่ดี ที่นี่ไม่ใช่ที่ของเธอ
แต่ ขณะที่เธอกำลังจะเดินจากไปก็ถูกหยงเพ่ยเฟิงเรียกเอาไว้
"เดี๋ยวก่อน เห็นฉันแล้วไม่คิดจะทักทายเลยเหรอ?"
ชายหนุ่มหรี่ตามองซ่งรั่วอวิ้นจากด้านหลัง พูดด้วยน้ำเสียงทุ้มเล็กน้อย
"พี่ใหญ่"
ซ่งรั่วอวิ้นหันกลับมาโค้งตัวทักทายด้วยสีหน้าอึดอัดเล็กน้อย
หยงเพ่ยเฟิงหันไปบอกหยงซือเหม่ย : "ซือเหม่ย ไปดูนายท่านหยงก่อนนะ เดี๋ยวพี่คุยอะไรกับรั่วอวิ้นหน่อย"
"ได้ค่ะ พี่ใหญ่"
หยงซือเหม่ยเห็นแบบนั้นนัยตาก็ฉายแววซะใจแวบหนึ่ง
คิดว่าพี่ใหญ่คงจะอยู่เพื่อพูดสั่งสอนซ่งรั่วอวิ้นแน่ เธอจึงเดินจากไปอย่างอารมณ์ดี
"มานี่"
หยงเพ่ยเฟิงเดินนำเข้าไปในห้อง พอเห็นซ่งรั่วอวิ้นไม่ได้เดินตามเข้ามา จึงได้พูดสั่งอีกครั้ง
หลังเข้ามาในห้อง ชายหนุ่มก็แกะกระดุมบนเสื้อคลายออกหายเม็ด เผยให้เห็นหน้าอกแกร่ง
ให้ความรู้สึกเซ็กซี่จนห้ามใจได้ยาก ซ่งรั่วอวิ้นจึงต้องรีบก้มหน้าหลบเขา
ก้มหน้าทำไม กังวลอะไร?
"ฉันไม่อยู่เธอไปให้ท่าใครบ้างอีกล่ะ?"
ชายหนุ่มจ้องมองหญิงสาวด้วยสีหน้ายิ้มเย็น และรอยยิ้มนั้นก็ไปไม่ถึงดวงตา
ได้ยินแบบนั้น ในใจซ่งรั่วอวิ้นก็เจ็บจี๊ดขึ้นมา
หลังเธอได้รับการอุปการะ หยงเพ่ยเฟิงก็ดีกับเธอมาก คอยดูแลปกป้องเหมือนคนในครอบครัว มันเป็นช่วงเวลาในชีวิตที่เธอมีความสุขมาก
แต่หลังจากที่ทุกคนเริ่มเติบโตเป็นผู้ใหญ่ นายท่านเห็นแก่ที่เธอเคยช่วยชีวิตท่านไว้ จึงเสนอให้หยงเพ่ยเฟิงแต่งงานกับเธอ
หยงเพ่ยเฟิงไม่ยอมเพราะเขามีคนรักอยู่แล้ว เรื่องนี้จึงได้ยุติไว้แค่นั้น
แต่หลังจากเรื่องนั้น คนในบ้านตระกูลหยงก็เกิดความระแวงในตัวเธอขึ้นมา พวกเขาคิดว่าเธอหวังในสมบัติของบ้านตระกูลหยง จึงคอยหาทางกันเธอออกห่าง
หยงซือเหม่ยเองก็เอาแต่เป่าหูแฟนสาวของหยงเพ่ยเฟิงถึงเรื่องของเธอ ทำให้หยงเพ่ยเฟิงกับแฟนผิดใจกันหลายครั้ง จนเขาโยนความผิดทั้งหมดมาที่ซ่งรั่วอวิ้น
เพื่อไม่ให้พวกเขาระแวงในตัวเองอีก ซ่งรั่วอวิ้นจึงตัดสินใจไปทำงานในแผนกประชาสัมพันธ์ที่ไม่มีอำนาจอะไร โดยต้องอาศัยความสามารถตัวเองเป็นหลัก แต่...พอเธอสู้จนมีผลงานขึ้นมาได้ ก็ถูกกล่าวหาว่าเธอใช้รูปร่างหน้าตาหลอกล่อจนได้งานเพื่อเอาใจนายท่าน
ต่อมา คู่ดูตัวของหยงซือเหม่ยเห็นเธอเข้าก็ตกหลุมรัก แล้วเปลี่ยนมาตามจีบเธอแทน ยิ่งทำให้เธอโดนว่าหนักยิ่งขึ้น
แม้แต่หยงเพ่ยเฟิงที่เคยเชื่อใจเธอ ยังเปลี่ยนมาเป็นสงสัยเธอแบบนี้
"ฉันเปล่านะคะ พี่ใหญ่ ฉัน......"
"ช่างเถอะ ฉันไม่มีอารมณ์มานั่งฟังเธออธิบาย ที่เรียกเธอมาก็แค่อยากบอกว่า ยังไงแล้วเธอก็ยังเป็นคนของบ้านตระกูลหยงอยู่ อย่าทำอะไรให้ตระกูลหยงต้องเสื่อมเสียเด็ดขาด และอย่าคิดแย่งชิงกับซือเหม่ย ไม่อย่างนั้น........อย่าหาว่าฉันไม่เตือน"
หยงเพ่ยเฟิงขัดขึ้น
แค่คิดว่าช่วงที่เขาไม่อยู่ เธอมีติดต่อกับบรรดาผู้ชายในบริษัทฯต่างๆ เขาก็รู้สึกโมโหอย่างบอกไม่ถูก
ถึงได้พูดทุกอย่างออกไปอย่างไม่อาจห้ามอยู่
ซ่งรั่วอวิ้นสีหน้าซีดขาวทันที
สุดท้ายเธอก็ไม่ได้พูดอะไร
"เข้าใจแล้วค่ะ"
แล้วจะให้เธอพูดอะไรได้ล่ะ?
เธอเป็นแค่เด็กกำพร้าคนหนึ่ง เป็นคนนอกที่พูดอะไรไปก็คงไม่มีความหมายอะไร
เห็นซ่งรั่วอวิ้นมีสีหน้าสลดลง หยงเพ่ยเฟิงเองก็รู้สึกหงุดหงิดในใจ: "ออกไปได้แล้ว"
ซ่งรั่วอวิ้นจึงเดินออกไป
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บ่วงแค้นแสนรัก