ลู่จิ้นยวนอยู่ที่ บริษัท จนดึก จนกระทั่งพนักงานเกือบจะเลิกงานไปหมดแล้ว เขาถึงได้จากไป
ทุกครั้งที่เขามีเรื่องไม่สบายใจ เขาชอบทำให้ตัวเองนั้นยุ่งอยู่กับงานเสมอ มันสามารถลดความเครียดและความไม่สบายใจของเขาลงได้ชั่วคราว
ทันทีที่ลู่จิ้นยวนลงมา หยงซือเหม่ยที่ยังดัดรออย่างกับดัดรอกระต่ายก็ลุกขึ้นยืน รีบเดินไปทันทีราวกับว่าถ้าเธอเดินช้าไป ลู่จิ้นยวนจะเดินตรงออกไปทันที
“ คุณชายลู่คะ ไหนคุณบอกว่าคุณออกไปประชุมข้างนอกไม่ใช่หรอคะ
ตอนนี้ดูเหมือนว่าจะไม่เป็นเช่นนั้น "
หยงซือเหม่ยรู้สึกไม่พอใจอย่างมาก แต่ก็ไม่แสดงมากออกมา
ถ้าอยู่ที่เมืองจิงเฉิง ไม่มีใครไม่กลัวอิทธิพลของตระกูลหยง คิดยังไง ก็ไม่มีใครกล้าให้เธอรออยู่ข้างนอกอย่างงี้ทั้งวัน
แต่หยงซือเหม่ยก็อดกลั้นความพอใจไว้ได้ ตั้งหน้าตั้งตารอเขา
เธออยากดูสิว่าลู่จิ้นยวนจะอธิบายอย่างไร
"อ๋อ
ใช่เหรอ
บางทีอาจจะเป็นข้างล่างเข้าใจผิดหรือเปล่า "
ลู่จิ้นยวนพูดอย่างหน้าไม่แดง พนักงานต้อนรับที่ยืนอยู่ด้านหน้าได้ยินเช่นนี้ หน้าซีดขาวทันที แต่เธอก็ไม่กล้าพูดอะไร
คนหนึ่งเป็นสาวรวยที่ดูเหมือนจะยั่วยุไม่ง่ายๆ อีกคนเป็นถึงเจ้านายใหญ่ของบริษัท แต่ละคนไม่ใช่คนที่ตำแหน่งเล็กๆอย่างเธอจะไปทำให้ขุ่นเคืองได้
หยงซือเหม่ยจะไม่รู้ได้ยังไงว่าเขาตั้งใจทำเช่นนี้ แล้วมองไปที่พนักงานต้อนรับที่ตื่นตระหนก “ แบบนี้คุณต้องทำอะไรสักอย่างหรือเปล่า ”
" เดี่ยวผมจะเปลี่ยนคนที่เหมาะสมกว่านี้มา "
ลู่จิ้นยวนมองพนักงานต้อนรับที่สีหน้าซีดขาว แล้วเรียกเลขามา ทั้งสองคนกระซิบคำสองคำ
" ไปเปลี่ยนตำแหน่งโลจิสติกส์ให้เธอ แล้วเพิ่มเงินเดือนให้เป็นหนึ่งเท่า "
ลู่จิ้นยวนลดเสียงลง เขาไม่มีนิสัยชอบปล่อยให้คนอื่นมารับผิดแทนเขา คนๆนี้ถือว่าโชคร้าย เพื่อเป็นการชดเชยเธอเขาจึงเพิ่มเงินเดือนให้กับเธอ
" แค่นั้นเองเหรอ "
หยงซือเหม่ยเห็นเช่นนี้ ยังไม่รู้สึกพอใจสักเท่าไร
“ แล้วคุณหนูหยงคิดว่าไงล่ะ
"
ลู่จิ้นยวนจ้องมองหยงซือเหม่ย ถ้าไม่ใช่เพราะตระกูลหยงกับตระกูลลู่ยังคงให้ความร่วมมือในธุระกิจ ไม่อาจฉีกหน้ากันได้ เขาคงไม่มานั่งเสียเวลาสนทนากับเธอที่นี่
" ฉันเพิ่งเคยมาที่เมืองเจียงเฉิง ไม่รู้อะไรเลย ได้ยินมาว่าอาหารที่นี่ไม่เลว ในเมื่อคุณชายลู่อยากขอโทษจริงๆ งั้นก็ช่วยเลี้ยงข้าวฉันสักมื้อเป็นยังไง"
ลู่จิ้นยวนขมวดคิ้ว ที่แท้ ที่เธอพูดเยอะขนาดนี้ ก็เพื่อสิ่งนี้
ชายหนุ่มกำลังอ้าปากคิดจะปฏิเสธ แต่หยงซือเหม่ยกับจ้องมองเขา พูดว่า " คงเป็นไปไม่ได้ว่าเพื่อนร่วมธุระกิจกันที่บินมาอย่างไกล ตระกูลลู่จะไม่ต้อนรับหน่อยเหรอ "
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ลู่จิ้นยวนเลยต้องกลืนคำปฏิเสธลงคอ
ตอนนี้เขาเป็นตัวแทนของตระกูลลู่ ถ้าหากผู้ร่วมธุระกิจอีกฝั่งมาเจรจาเรื่องธุระกิจด้วยตัวเอง แล้วเขาต้อนรับอย่างไม่มีมารยาทอย่างงี้ ถูกเผยแพร่ออกไปคงไม่ใช่เรื่องดีอะไร
“ คุณหนูหยงอยากทานอะไรเหรอครับ ”
ลู่จิ้นยวนไม่ได้คุยอะไรกับหยงซือเหม่ยต่อ แต่หยิบกุญแจรถออกมาแล้วเดินออกไป
หยงซือเหม่ยเข้าใจว่าเขาตกลงแล้ว “ ไม่ว่าอะไรก็ได้ค่ะ ขอแค่เป็นคุณชายลู่พาไปกินก็พอค่ะ”
ลู่จิ้นยวนเลิกคิ้วอย่างช่วยไม่ได้ ในเมื่อเธอพูดอย่างงี้ ... เขามีความคิดหนึ่ง แต่ไม่รู้ว่าหยงซือเหม่ยจะสามารถรับได้หรือไม่
คนทั้งสองคนเดินออกจากประตูของบริษัทตระกูลลู่ หยงซือเหม่ยเดินตามหลังลู่จิ้นยวน ชายหนุ่มมีความรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อยเหมือนโดนเธอบังคับยังไงไม่รู้ ดังนั้นฝีเท้าเขาจึงค่อนข้างที่จะเร็ว โดยไม่คำนึกเลยว่าเธอนั้นใส่ส้นสูงจะเดินไม่ค่อยสะดวก.
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บ่วงแค้นแสนรัก