อาหารทุกจานเต็มไปด้วยพริกและพริกหม่าล่า ๆ แดงไปหมดทั้งจาน แค่มองก็รู้ได้เลยว่าคนที่กินเผ็ดไม่ได้ไม่อาจกินได้อย่างแน่นอน
หยงซือเหม่ยอดจ้องมองไปที่ลู่จิ้นยวนไม่ได้ ทำให้เธอโกธรเคืองใจอย่างมาก เห็นได้อย่างชัดเจนว่านี่เป็นการแกล้งเธอชัดๆ เธอไม่เชื่อว่าลู่จิ้นยวนสามารถทานอาหารที่เผ็ดขนาดนี้ได้
"อาหารมาเสิร์ฟแล้ว คุณหนูหยงไม่ลองชิมหน่อยเหรอครับ"
ลู่จิ้นยวนเหลือบมองไปที่ท่าทางของหยงซือเหม่ย สามารถเดาได้ทันทีว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ เขาจึงหยิบตะเกียบขึ้นมาคีบผัดเผ็ดไก่ขึ้นมากินลงไปอย่างหน้าไม่เปลี่ยนสี
"... "
หยงซือเหม่ยเห็นเขาหน้าไม่เปลี่ยนสีราวกับว่ามันอร่อยจริงๆ เธอจึงไม่อาจพูดอะไรได้อีก
จึงร่วมรวมความกล้าแล้วชิบไปคำหนึ่ง ทำให้เธอเกือบจะถุยออกมาอย่างไม่มีมารยาท
ระดับความเผ็ดนี้ ให้ความรู้สึกเหมือนกับว่าจะมีเฉพาะพวกโรคจิตที่ชอบแข่งขันกินพริกเท่านั้น ยังไม่ทันได้กลืนลงท้องก็ทำให้หน้าของหยงซือเหม่ยนั้นเผ็ดจนหน้าแดงคอแดงน้ำตาไหล
เธอไม่อาจกลืนเข้าไปได้จริงๆ จึงได้หาข้ออ้างเพื่อวิ่งเข้าไปที่ห้องน้ำมันออกมาจากปาก
เมื่อเห็นหยงซือเหม่ยเผ็ดจนวิ่งเข้าห้องน้ำไป ลู่จิ้นยวนถึงได้ยักไหล่ขึ้นอย่างไม่แคร์
ถึงแม้ว่าอาจจะดูเล่นแรงเกินไปหน่อยที่ทำเช่นนี้ แต่วิธีการจัดการกับคนแบบนี้ยังไงก็ต้องใช้กลอุบายนิดหน่อย
หยงซือเหม่ยที่อยู่ในห้องน้ำ ทำการบ้วนปาก เมื่อมองไปที่ริมฝีปากที่แดงอย่างกับก้นลิงและเริ่มมีอาการบวมขึ้น ทำให้เธอโมโหอย่างมาก เธอโยนกระดาษทิชชู่ที่อยู่ในมือลงไปบนพื้น
ตั้งแต่เล็กจนโตเธอยังไม่เคยโดนใครแกล้งแบบนี้มาก่อน
ตอนนี้เธอเข้าใจทันทีว่ากลอุบายมากมายของลู่อันหรานเด็กดื้อคนนั้นมาจากไหน ที่แท้ ได้เชื้อของลู่จิ้นยวนมาไม่น้อย
เธอพยายามสงบอารมณ์ของตัวเองไว้เพื่อไม่ให้ตัวเองนั้นระเบิดออกมา ต่อให้ตอนนี้ทะเลาะกับลู่จิ้นยวนขึ้นมา จะต้องไม่เป็นผลดีอะไรแน่
ในขณะที่หยงซือเหม่ยกำลังซีเรียสอยู่ เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น
เธอเปิดมันออกมา แล้วรีบกดลิงค์ข่าวนั้นเข้าไปดูทันที เมื่อเห็นมันแล้วทำให้ความโกธรและความโมโหของเธอลดลงไม่น้อย
หลังจากทำการเติมแต่งหน้าเสร็จ หยงซือเหม่ยก็เดินออกจากห้องน้ำด้วยรอยยิ้มที่สดใส แล้วเดินเข้าไปห้องวีไอพี
หยงซือเหม่ยไม่สามารถกินอาหารเหล่านี้ได้ ลู่จิ้นยวนก็ไม่มีกะจิตกะใจมานั่งกินข้าวกับเธอ ผ่านไปสักพักก็พูดขึ้นมาว่า " ดูเหมือนว่าคุณหนูหยงจะไม่ค่อยอยากทานเท่าไร เมื่อเป็นเช่นนี้ ไม่งั้นผมให้คนไปส่งคุณกลับไปพักผ่อน ผมยังมีธุระที่บริษัทอีกนิดหน่อยที่ต้องไปจัดการ "
เมื่อหยงซือเหม่ยได้ยินเช่นนี้ก็ไม่ได้พูดอะไร และไม่ได้ขอให้ลู่จิ้นยวนไปส่งเธอด้วยตนเอง แต่ตอบตกลงอย่างรวดเร็ว
ลู่จิ้นยวนขับรถออกไปยังรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย
ทำไมผู้หญิงคนนี้ถึงได้อารมณ์ดีเช่นนี้ รู้สึกไม่เหมือนนิสัยของเธอเอาสักเลย
อย่างไรก็ตาม เมื่อเขาไม่จำเป็นต้องฝืนใจอยู่กับเธอ ลู่จิ้นยวนจึงไม่ได้คิดมากหรือทำอะไรเพิ่มเติม เขาจึงโทรเรียกคนขับให้มาส่งหยงซือเหม่ยกลับไป จากนั้นเขาก็กลับเข้าบริษัทไป
...
เวินหนิงได้พาลู่อันหรานและไป๋ซินหรานกลับไปที่บ้าน
ระหว่างทางนั้นเด็กทั้งสองคุยกันอย่างสนิทสนม ทำให้เธอไม่อาจไปขัดจังหวะอะไรได้เลย
ทันทีที่ลู่อันหรานกลับมาถึงบ้าน เขาก็ดึงมือไป๋ซินหรานวิ่งเล่นไปทั่ว เพื่อให้เธอได้รับชมบ้านของตัวเอง เวินหนิงเห็นว่าเขากระตือรือร้นมาก " อันหราน ลูกพาซินหรานไปเล่นสักพัก แม่ขอเตรียมพวกเสื้อผ้าอะไรให้เธอก่อน .”
" ครับ ผมรู้แล้วครับแม่ "
ลู่อันหรานพยักหน้าแล้วดึงมือของไป๋ซินหราน " นี่เป็นห้องของฉัน เธอสามารถเล่นของเล่นของฉันได้นะ"
ไป๋ซินหรานมองไปยังของเล่นที่มากมายอย่างกับภูเขาพร้อมกับดวงตาที่เต็มด้วยความอิจฉา
ตั้งแต่เธอจำความได้ เธอก็ไม่เคยได้มีของเล่นอย่างกับเด็กคนอื่นเขาเลย พ่อกับแม่เกลียดเธอ แล้วจะซื้อของเล่นเหล่านี้ให้เธอได้อย่างไร
"อันหราน พ่อกับแม่ของเธอดีกับเธอมากเลย "
ไป๋ซินหรานพูดออกมาอย่างที่คิด
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บ่วงแค้นแสนรัก