หยงซือเหม่ยกัดฟันตัวเองแน่น แต่ว่ากลับรู้ดีว่าเวินหนิงในตอนนี้ถือว่ามีน้ำหนักมากพอในใจของลู่จิ้นยวน ถ้าเธอจะแย่งขึ้นมาจริงๆละก็ กลัวว่าเธอเองก็ไม่มีวิธีไหนที่จะสู้ได้เลย
เลยได้แต่ทนเอาไว้ ทำเป็นมองไม่เห็นคำพูดของเวินหนิง
ยังไงสะเด็กสองคนนั่นก็ทนอยู่ในที่เงียบๆและแสนน่าเบื่อนี้ได้ไม่นานหรอก
เย่หวานจิ้งก็รู้สึกไม่ควรพูดอะไรต่อหน้าลู่จิ้นยวนอีก เมื่อเวินหนิงพูดมาขนาดนี้แล้ว ถ้าเธอยังดึงดันจะพาลู่อันหรานกลับอีก กลัวว่าเดิมที่ไม่ค่อยจะสนิทกับเด็กแล้วจะทำให้ยิ่งห่างเหินกันมากขึ้น
“คุณน้าคะ คุณน้ากลับไปพักก่อนก็ได้นะคะ วางใจเถอะค่ะ ทางนี้หนูรับมือได้”
หยงซือเหม่ยพูดกล่อมเย่หวานจิ้งอย่างรู้งาน
“เห็นหนูมีน้ำใจแบบนี้ น้าเองก็ดีใจแล้วจ้ะ งั้นน้าขอ กลับก่อนนะ ทางเถ้าแก่ก็ร้อนใจรออยู่ น้าต้องกลับไปพูดรายละเอียดกับเขาหน่อย กลัวเขาจะไม่สบายใจ”
หยงซือเหม่ยพยักหน้ารับ แล้วมองดูเย่หวานจิ้งเดินออกไป
ชั่ววินาทีในห้องก็เหลือเพียงแค่หยงซือเหม่ยกับเด็กสองคน
ลู่อันหรานครั้งนี้ถือว่าดูหยงซือเหม่ยออกแล้ว นิ่งคิด แล้วหยิบกสรบ้านวันนี้ออกมาจากกระเป๋า
“เรามาทำการบ้านด้วยกันเถอะ”
ไป๋ซินหรานพยักหน้าให้ ยังไงสะอยู่เฉยๆก็ไม่มีอะไรทำอยู่แล้ว เอาการบ้านออกมาทำก็เป็นทางเลือกที่ดี
ดังนั้น ทั้งสองก็เรียกพยาบาลมาขอให้ช่วยหาเก้าอี้มาให้สองตัว แบบนี้ เด็กทั้งสองก็มานั่งทำการบ้านด้วยกันอย่างตั้งใจ
พอเริ่มทำแล้วก็ลาดยาวเป็นเวลาหลายชั่วโมงเลย
ลู่อันหรานคือยังไงสะก็จะอยู่ที่นี่ให้ได้ เผื่อผู้หญิงร้ายคนนี้จะเล่นเล่ห์อะไรอีก เพราะฉะนั้นแล้ว ในเมื่อรวบรวมสติที่ไม่เคยมีแม้กระทั่งตอนเรียน มานั่งอ่านหนังสือ
ตอนแรก ยังเป็นไป๋ซินหรานที่เล่าเรื่องที่ลู่อันหรานไม่เคยฟัง พอมาถึงหลังๆ กลับเป็นลู่อันหรานที่เป็นคนสอนหนังสือเธอเอง
“อันหราน นายเก่งมาเลย ข้างหลังนี้ครูยังไม่เคยสอนเลย นายกลับทำได้หมด”
ไป๋ซินหรานอดไม่ได้ที่จะพูดชม พอได้ยินแบบนี้ ลู่อันหรานดีใจจนหางกระดิก“แหงอยู่แล้ว ไม่ใช่ฉันถ่อมตัวนะ เรื่องพวกนี้ ให้เวลาฉันสองชั่วโมงฉันก็ได้หมดแล้ว”
“ว้าว นายเยี่ยมไปเลย!”
ไป๋ซินหรานปรบมือให้ สีหน้านั้นดูชื่นชมเขามาก
เด็กสองคนทางนี้เล่นกันสนุกสนาน ไม่มีความน่าเบื่อเลยสักนิด แต่ทางของหยงซือเหม่ยนั้นกลับรำคาญถึงสุดขีด
มีตัวขัดขวางนั่งอยู่สองคนทำให้เธอทำอะไรไม่ได้เลย ได้แค่นั่งอยู่ข้างๆลู่จิ้นยวน ทำอะไรไม่ได้สักอย่าง แล้วยังต้องมาทนฟังเสียงของเด็กสองคนนั่นอีก
“เสียงดังมากเกินไปแล้ว พวกเธอจะเรียนกันกลับบ้านไปนั่งเรียนไม่ได้หรือไง?”
ในที่สุด หยงซือเหม่ยก็หมดความอดทนพูดขึ้น
“ทำไมหรอครับ ในขณะที่พวกเรากำลังรอพ่อของผมฟื้น แล้วเรียนหนังสือไปด้วยไม่ใช่เรื่องที่ดีหรอครับ?
ถ้าพ่อผมฟื้นแล้วเห็นผมมุ่งมั่นกับการเรียนแบบนี้ และรู้งานแบบนี้ อาจจะดีใจจนหายเจ็บมือเลยก็ได้”
ลู่อันหรานหันหน้ากลับ เขาไม่กลัวเลยสักนิด และคำพูดของเขายังทำให้หยงซือเหม่ยพูดอะไรไม่ออก
“งั้นพวกเธอเรียนไปละกัน ฉันขอไปหาอะไรทานหน่อย”
หยงซือเหม่ยกัดฟันพูดออกไป และไม่ได้มีท่าทีที่จะพาเด็กสองคนไปหาอะไรกินด้วย
“พวกเธอสองคนระวังตอนกลางคืนไม่มีอะไรให้ทานนะ”
ไป๋ซินหรานได้ยินคำนี้ก็หันไปมองลู่อันหรานด้วยท่าทีเป็นห่วง ปกติเธออยู่บ้านมักจะโดนทำโทษไม่ให้ทานข้าวมื้อดึกเป็นประจำอยู่แล้ว แต่ลู่อันหรานจะทนได้หรอ?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บ่วงแค้นแสนรัก