เวินหนิงนอนพักอยู่บนเตียงมาสักพักแล้ว คุณหมอได้ให้สารอาหารผ่านทางระบบเลือด เธอเลยค่อยๆ ดีขึ้นมาทีละน้อยๆ
“คุณหนูเวินคะ ตอนนี้ท่านผอมไปแล้วนะคะ ผอมน้อยกว่าค่ามาตรฐานของคนทั่วไปเยอะเลยนะคะ เดี๋ยวต้องทานให้เยอะๆ และออกกำลังกายด้วยนะคะ ต่อไปจะได้ไม่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีก”
คุณหมอตรวจร่างกายของเวินหนิงหนึ่งรอบ แล้วเอ่ยปากพูดมาด้วยความเป็นห่วง
เพราะว่าไป๋หลินยวี่พักรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลมาเป็นเวลานาน ดังนั้น เหล่าพยาบาลและคุณหมอของที่โรงพยาบาลแห่งนี้จึงสนิทสนมกับเวินหนิงเป็นอย่างมาก ต่างก็รู้ว่าเวินหนิงต้องดูแลคุณแม่ที่กำลังป่วยอยู่ และก็ยังต้องดูแลลูกอีกหนึ่งคน เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่ง่ายเลย ถึงได้ตั้งใจพูดออกมาเช่นนั้นด้วยความเป็นห่วง
“เข้าใจแล้วค่ะ ต่อไปนี้จะระวังตัวนะคะ”
เวินหนิงพยักหน้า รู้สึกซาบซึ้งใจกับความห่วงใยที่คุณหมอมอบให้
และในขณะนั้นเองที่ด้านนอกมีเสียงที่เหลืออดของลู่อันหรานดังขึ้นมา
“คุณป้าคนนี้อีกแล้ว มาที่นี่ทำไมอีก
ผมพึ่งจะไล่ให้ป้าไปได้ ทำไมถึงได้เป็นวิญญาณมาคอยตามหลอกหลอนครับเนี่ย”
เมื่อสักครู่ลู่อันหรานไปเข้าห้องน้ำมา พอกลับมาถึงก็เห็นซ่งรั่วอวิ้นยืนอยู่ทีหน้าห้องพักของคุณแม่ และก็ไม่รู้ว่ามีจุดประสงค์ที่จะทำอะไรกันแน่
ทำอะไรลับๆ ล่อๆ ดูแล้วน่าจะไม่ได้มาดี ดังนั้นเขาจึงไม่ไว้หน้าเลยแม้แต่น้อย รีบเอ่ยปากไล่ให้จากไปทันที
“ฉันมีธุระกับแม่หนู เป็นเรื่องที่สำคัญมาก”
ความจริงแล้วซ่งรั่วอวิ้นเองก็พึ่งมาถึง และตอนที่จะกำลังยืนอยู่หน้าประตูและจะเปิดประตูเข้าไปนั้น ลู่อันหรานก็ปรากฏตัวขึ้นมาแล้ว
“มีธุระสำคัญอะไรครับ
ตอนนี้แม่ผมสุขภาพร่างกายไม่ค่อยดี ไม่มีเวลามาเจอคุณป้าหรอก”
ลู่อันหรานสีหน้าเหลืออด รู้สึกว่าทำไมถึงได้รับมือผู้หญิงคนนี้ยากเย็นเสียขนาดนี้ หรือว่าผู้หญิงตระกูลหยงจะเป็นแบบนี้เหมือนกันหมด
ขณะที่ทั้งสองคนยังคงตกลงกันไม่ได้นั้น เวินหนิงก็เอ่ยปากพูดขึ้นมาว่า “อันหราน พอแล้ว ในเมื่อเขามีธุระก็ให้เข้ามาเถอะ ไม่แน่ว่าอาจมีเรื่องอะไรขึ้นมาจริงๆ ก็ได้”
ตอนนี้เวินหนิงเองก็ระวังตัวกับคนจากตระกูลหยงมากเป็นพิเศษ แต่เมื่อได้ยินน้ำเสียงเมื่อสักครู่นี้ ก็รู้สึกราวกับว่าซ่งรั่วอวิ้นมีเรื่องจะคุยด้วยจริงๆ
งั้นฟังสักหน่อยก็ไม่เสียหายอะไร อีกทั้งก็คงเป็นเรื่องที่ใช้เวลาไม่กี่นาทีก็คงจะเสร็จ
เมื่อได้ยินดังว่า ลู่อันหรานจึงเลิกทำท่าทีต่อต้านแบบเมื่อครู่ แต่กลับยังคงไม่ลืมที่จะมองซ่งรั่วอวิ้นอย่างกล่าวเตือนเสียหนึ่งที “ป้าอย่าคิดเล่นอะไรแผลงๆ เด็ดขาด ไม่อย่างงั้นผมไม่ปล่อยคุณไปแน่”
ซ่งรั่วอวิ้นส่ายหัวไปมาอย่างช่วยไม่ได้ อย่าคิดดูถูกว่าเด็กคนนี้เป็นเพียงแค่เด็กเชียว เพราะตอนที่พูดประโยคดังกล่าวออกมาเมื่อสักครู่นี้กลับทำให้คนรู้สึกหวาดกลัวได้จริง
ควรจะบอกว่าเป็นเพราะลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น พ่อเป็นราชสีมีหรือว่าลูกที่เกิดมาจะเป็นหมา.......ลูกชายของลู่จิ้นยวน ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่เด็กธรรมดาทั่วไป
ซ่งรั่วอวิ้นเดินเข้าไปในห้องพักผู้ป่วย เธอรู้ว่าตอนนี้เวินหนิงอาจไม่เชื่อใจเธอมากเท่าไหร่นัก ดังนั้นจึงหยิบรายงานผลการตรวจร่างกายออกมาเลยทันที แล้วพูดโดยไม่อ้อมค้อมว่า “ที่ฉันมาก็เพราะต้องการจะบอกเธอว่า ตั้งแต่แรกจนถึงตอนนี้ คนที่สามารถปลูกถ่ายไขกระดูกให้กับแม่ของเธอก็คือฉันมาโดยตลอด”
ข้อมูลนี้ ราวกับเป็นสายฟ้าที่ฟาดลงมาอย่างไรอย่างนั้น ทำให้ดวงตาของเวินหนิงเบิกโพลงด้วยความตื่นตะลึง
“จะเป็นไปได้ยังไง.......”
ท่าทีแรกของเวินหนิงก็คือไม่เชื่อในเรื่องนี้ ในเมื่ออัตราความเข้ากันของเนื้อเยื่อในการปลูกถ่ายไขกระดูกนั้นมีเพียงหนึ่งในหมื่น ตอนแรก ลู่จิ้นยวนยอมทุ่มเงินจำนวนมหาศาลเพื่อตามหามานานแสนนาน แล้วนี้มันจะบังเอิญอะไรขนาดนี้
“นี่เป็นผลการตรวจสอบของฉัน ถ้าไม่เชื่อก็เอาไปดูซะ หรือจะบอกว่า เธอยังไม่ยอมที่จะเชื่อ งั้นฉันจะไปทำเรื่องตรวจสอบความเข้ากันได้ของเนื้อเยื่ออีกครั้งตอนนี้เลยก็ได้นะ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บ่วงแค้นแสนรัก